ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 29 กล้าขึ้นนะยัยเด็กคนนี้!!!
บทที่ 29 กล้าขึ้นนะยัยเด็กคนนี้!!!
หลังจากป้อนของกินให้คุณพ่อได้ทานแล้ว หนวนหน่วนก็โทรหาผู้เป็นแม่ ก่อนจะบอกเธอว่าอีกไม่นานคุณพ่อก็จะเลิกงานแล้ว
“คุณแม่คะ คุณพ่อใกล้เลิกงานแล้ว กำลังจะกลับบ้านกันแล้วค่ะ”
คุณหญิงกู้ที่อยู่ปลายสายรู้สึกเบาใจเมื่อได้ยินเสียงไพเราะนุ่มนวลคล้ายน้ำนมของลูกสาว
“รับทราบค่ะ หนวนหน่วนอยากกินอะไรเอ่ย เดี๋ยวแม่จะรีบทำไว้ให้”
หนวนหน่วนตัวน้อยถือโทรศัพท์เอาไว้ “หนวนหน่วนไม่เรื่องมากค่ะ กินได้ทุกอย่างเลย คุณแม่ทำงานหนักมาก มีอะไรที่อยากกินไหมคะ เดี๋ยวให้คุณพ่อซื้อเข้าไปให้”
“ที่บ้านมีครบทุกอย่างเลย หนวนหน่วนไม่ต้องห่วงนะ”
คุณหญิงกู้ชอบฟังเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวมาก ทั้งสองแม่ลูกจึงได้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์ นอกจากนี้เธอยังเอ่ยถามหนวนหน่วนด้วยว่าไปทำอะไรที่บริษัทของคุณพ่อมาบ้าง เจ้าตัวเล็กจึงเล่าให้ฟัง
กู้หลินโม่ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ใกล้ ๆ แอบฟังบทสนทนาระหว่างลูกสาวกับภรรยาของตน ไม่นานมุมปากก็เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ รู้สึกมีแรงทำงานขึ้นมาทันที
“คุณพ่อคะ ต้องไปรับพี่ที่โรงเรียนหรือเปล่าคะ”
หลังจากกู้หลินโม่เลิกงาน ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถยนต์ หนวนหน่วนก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยถามถึงพี่ชายของตน
“อืม หนวนหน่วนอยากไปด้วยกันไหม?”
คนตัวเล็กผงกศีรษะอย่างเชื่อฟัง “อื้ม อยากไปค่ะ”
“แล้วพี่สี่อยู่ไหนคะ?”
เด็กน้อยยังคงจำได้ว่าพี่สี่ใจดีกับเธอเพียงใด
“พี่สี่อยู่มอปลายแล้ว พักอยู่ที่หอของโรงเรียนตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ หนวนหน่วนอยากไปเยี่ยมพี่ไหม?”
เจ้าเกี๊ยวน้อยหนวนหน่วนกะพริบตา ขนตายาวงอนเลยขยับเหมือนปีกของผีเสื้อ มองแล้วช่างงดงามเหลือเกิน
เธอนั่งลงอย่างเชื่อฟัง แววตาคู่สวยส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว “ไปได้เหรอคะ จะรบกวนพี่สี่หรือเปล่า?”
“ไม่หรอกลูก เราไปหาตอนเลิกเรียน ถ้าหนวนหน่วนอยากไปหาเดี๋ยวจะพาไปหลังทานข้าวเย็นเสร็จนะ”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเอ่ยเตือนขึ้น “ต้องเอาของขวัญไปให้พี่สี่ด้วยนะคะ”
กู้หลินโม่ยกยิ้ม ลูบหัวของลูกสาวเบา ๆ
“ได้สิ บัตรของหนวนหน่วนอยู่ที่คุณพ่อ อยากจะซื้ออะไรให้พี่สี่ก็ได้”
พูดจบเขาก็ยื่นบัตรให้กับหนวนหน่วน “นี่คือเงินค่าขนมที่พ่อได้มาจากพวกลุงป้าน้าอาที่บริษัท ทั้งหมดรวมอยู่ในนี้แล้ว หนวนหน่วนถือไว้เลย”
เด็กหญิงตัวเล็กส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ดวงตากลมโตจะขับประกายสดใส แต่เธอปฏิเสธอย่างเร่งรีบ “ไม่เอาค่ะ หนวนหน่วนไม่จำเป็นต้องใช้เงิน”
ผู้เฒ่ากู้จงใจพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ได้ยังไงกันล่ะ พี่น้องของหลานทุกคนมีเงินค่าขนมของตัวเองทั้งนั้นเลยนะ หนวนหน่วนจะไม่เอาเงินค่าขนมได้ยังไง คนในตระกูลกู้ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันสิ”
หนวนหน่วนเบิกตากว้างตื่นตาตื่นใจ “พี่ทุกคนมีหมดเลยเหรอคะ?”
ผู้ใหญ่ทั้งสองพยักหน้าอย่างหนักแน่น พวกเขาไม่ได้โกหก แค่ว่าบัตรสำหรับคนตัวเล็กนั้นมีเงินค่าขนมของเธอตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีคนให้เงินค่าขนมกับเธอมากกว่าหนึ่งคนด้วย รวมกันแล้วได้ทั้งหมดเกือบสองล้าน
ส่วนเงินค่าขนมของลูก ๆ คนอื่นประมาณเดือนละหนึ่งแสน
หนวนหน่วนไม่เข้าใจอะไรมากนัก พอได้ยินว่าพี่น้องมีกันหมดเธอจึงรับไว้ ไม่ได้ถามว่าเงินในบัตรนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเลขหนึ่งแสนในตอนนี้หรอก
แน่นอนว่าหนวนหน่วนจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เธอวางแผนเอาไว้หมดแล้วว่าจะซื้อของขวัญให้พี่ คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ และพวกอากู๋ อาอี้ อาเจ็ก*[1]
รถขับมุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนของกู้อัน หลังเลิกเรียน หนวนหน่วนก็กดกระจกรถลง เท้าคางเรียวเล็กของตนค้ำอยู่บนมือ ริมฝีปากสีชมพูอันอวบอิ่มเม้มแน่น นัยน์ตาคู่ดำขลับกลมโตจับจ้องไปยังประตูโรงเรียนอย่างใจจดใจจ่อ
“พี่…”
ในที่สุดก็มองเห็นกู้อันจนได้ หนวนหน่วนใช้นิ้วสะกิดคุณพ่อก่อนจะเอ่ยบอกเขา
ด้วยความที่เธอยังจำสิ่งที่พี่ชายของตนพูดก่อนหน้าได้ ว่าเขาไม่ให้เธอเรียกว่าพี่ต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นเธอจึงไม่เสี่ยงพูดให้คนนอกได้ยินและไม่ได้ลงไปรับเขา
กู้หลินโม่ลูบผมสั้นนุ่มสลวยของลูกสาว ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่มองดูลูกชายของตนกำลังเดินออกจากโรงเรียน
ไอ้ลูกคนนี้ เดี๋ยวจะต้องเสียใจแน่!
กู้อันที่เดินออกมาจากประตูโรงเรียนหันมองซ้ายขวา ก่อนจะพบเข้ากับรถของที่บ้านแล้วรีบเดินมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน
“พ่อ ทำไมไม่ลงไปรับผมล่ะ!”
หนวนหน่วนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังกู้หลินโม่ เธอใช้นิ้วนุ่มนิ่มจับแขนเสื้อผู้เป็นพ่อไว้ โผล่มาแค่หัวฟู ๆ และดวงตากลมโต สายตาจับจ้องมาที่กู้อันอย่างใจจดใจจ่อ
กู้อันเห็นหนวนหน่วนเข้าพอดี กำลังจะเอ่ยเรียก เธอก็หลบเข้าไปแอบหลังพ่อทันที
กู้อัน “…”
นี่เขาทำผิดอะไร น้องสาวถึงต้องคอยหลบหน้ากันแบบนี้!
“สวัสดีครับคุณลุง”
เพื่อนตัวน้อยจอมซนสองคนที่มักจะอยู่ข้างกายกู้อันเอ่ยทักทายกู้หลินโม่อย่างเชื่อฟัง
เสียงของกู้หลินโม่ฟังดูน่าเกรงขามเล็กน้อย “สวัสดี ที่บ้านมารับหรือยังล่ะ?”
“มาแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณลุง”
เด็กทั้งสองก้มหัวลงอย่างรวดเร็วแล้วบอกลากู้อันก่อนจะเดินจากไป
หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถ กู้อันก็จ้องมองหนวนหน่วนด้วยความขุ่นเคือง
“พี่~”
หลังจากที่เด็กทั้งสองเดินจากไปและปิดประตูรถลงแล้ว หนวนหน่วนก็เอ่ยเรียกกู้อันอย่างไพเราะ
กู้อันรู้สึกโกรธมากจนใบหน้าของเขาพองเหมือนกับปลาปักเป้าพองลม “เมื่อกี้เธอเป็นอะไร?
หนวนหน่วนมองเขาอย่างไร้เดียงสา “ก็… พี่เคยบอกเอาไว้ว่า จะให้เพื่อนร่วมชั้นรู้ไม่ได้ว่าหนวนหน่วนเป็นน้องสาวของพี่ไง”
กู้อัน “…”
เอ่อ… อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บใจจี๊ด ๆ แฮะ
“ถึงอย่างนั้น… ก็ไม่เห็นจะต้องหลบหน้ากันเลย!”
หนวนหน่วนจึงเอ่ยถามเขาเบา ๆ “แล้วถ้า….ถ้าเพื่อนพี่เห็นแล้วถามว่าหนูเป็นใคร จะตอบว่ายังไงคะ”
กู้อันกระอักกระอ่วนอีกครั้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม เขาอยากจะเถียงแทบตายแต่กลับพูดอะไรไม่ออก จึงทำได้แค่พึมพำกับตัวเอง
กู้หลินโม่กับผู้เฒ่ากู้กำลังทำตัวเป็นผู้รับชมความสนุกที่เกิดขึ้น
เห็นว่ากู้อันสำนึกผิดแต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้แบบนี้สนุกชะมัด ฮ่าฮ่าๆ
“พี่ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
หนวนหน่วนรู้สึกว่าเธอใส่ใจและทำตามในสิ่งที่เขาต้องการเป็นอย่างดี แบบนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
นอกจากนี้เธอไม่ได้รับรู้เลยว่า อารมณ์ของกู้อันในตอนนี้ว้าวุ่นเพียงใด แต่เมื่อเขาได้ยินหนวนหน่วนเรียกตนว่า ‘พี่’ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้า… ถ้าเธออยากเรียกฉันว่าพี่จริง ๆ ก็เรียกต่อหน้าเพื่อนของฉันด้วยก็ได้”
เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ
“ฉันไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิกอะไรขนาดนั้น แค่คงลำบากใจนิดหน่อย”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ลำบากใจงั้นเหรอ”
เธอขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนวนหน่วนเรียกพี่แค่ที่บ้านก็ได้ จะได้ไม่รบกวนพี่”
กู้อัน “…”
กล้าขึ้นนะยัยเด็กคนนี้!!!
เมื่อเห็นกู้อันเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ ผู้ใหญ่ในรถแทบจะตายเพราะเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า… นี่ถือว่าจนมุมแล้วหรือเปล่านะ
กู้อันใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ น้องสาวคนนี้ซื่อบื้อจริง ๆ เลย
“ฉันหมายถึงว่า… ถึงเธอเรียกฉันว่าพี่ข้างนอกก็ไม่เป็นไรต่างหาก!”
ในที่สุดเขาก็หน้าแดง ยอมพูดสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมา
ฮึ่ย เหนื่อยใจ!
[1] อาเจ็ก คือน้องชายของพ่อ