ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 287 กู้อันพาซน
บทที่ 287 กู้อันพาซน
หลังจากบอกลาเสือขาวแล้ว สองพ่อลูกก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีระมัดระวัง ในขณะที่หนวนหน่วนพาโอทิสเดินออกไปห่าง ๆ จากพวกเขา
เมื่อพ่อและลูกชายแซ่หลี่ได้เห็นโสมภูเขาก็รู้สึกสนอกสนใจมันเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นทุกคนก็เห็นเขาเปิดกระเป๋าที่ถือเอาไว้ในมือแล้วหยิบเครื่องมือออกมา
ทั้งยังมีเชือกสีแดงที่พันกันอย่างยุ่งเหยิงนั่นอีก มันดูเป็นการเป็นงานกว่าผ้าสีแดงของหนวนหน่วนมากเลย
หลังจากมองดูพวกเขาเตรียมของทุกอย่างด้วยความพิถีพิถันแล้ว จากนั้นการขุดค้นหาก็เริ่มต้นขึ้น
ในช่วงแรกทุกคนดูตั้งใจกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความอดทนของแต่ละคนก็เริ่มลดน้อยลง
คุณพ่อหลี่ย่อตัวนั่งลงบนพื้นพลางถือเครื่องมือขุดหาโสมเอาไว้ แล้วค่อย ๆ ลากไปตามรากโสมเพื่อคลายหน้าดิน ตอนนี้ยังไม่ควรที่จะทำให้รากของมันขาดออกจากกัน
นี่ถือว่าเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะและความพิถีพิถันจริง ๆ เหงื่อของคุณพ่อหลี่ไหลออกมาไม่หยุดเนื่องจากต้องใช้สมาธิขั้นสูงและต้องอยู่ในท่วงท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน
ส่วนลูกชายของเขาก็หยิบผ้าขนหนูออกมาซับเหงื่อให้อย่างรู้งาน บางครั้งก็ช่วยส่งเครื่องไม้เครื่องมือให้ ไม่ก็ขุดในบริเวณที่ทำได้ง่ายกว่า
“หนวนหน่วน ไปหาผลไม้ป่ากินกันเถอะ”
เพราะน่าเบื่อมาก กู้อันจึงหันไปหาน้องสาวของเขาแล้วชวนเธอหนีไปเล่น
“ฉันอยากไปด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องของกินแล้วไป๋โม่ฮัวจะยอมพลาดได้ยังไงกันล่ะ
หนวนหน่วนพยักหน้า “โอเคค่ะ”
คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน รู้สึกว่าการขุดโสมนี้มันค่อนข้างเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์มากเลย เมื่อมองดูแล้วไม่มีที่ให้นั่งพักพิง สุดท้ายพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะไปเดินสำรวจรอบภูเขาแทน
พวกเขาต่างไม่กลัวอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่คืออาณาเขตของโอทิส ไม่เพียงแค่สัตว์ป่าตัวอื่นจะไม่กล้าเข้ามาเท่านั้น แม้แต่งูยังต้องเผ่นหนีไปที่อื่นเลย
แต่ถึงอย่างนั้น การค้นหาผลไม้ป่าเพื่อเอามากินในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไหร่ เพราะเจอแต่ผลไม้ดิบแถมยังลูกเล็กอีกต่างหาก มันกินไม่ได้เลยสักนิด
แต่เด็ก ๆ ก็ยังพลังล้นเหลือ อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกอย่าง
แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนวนหน่วนเลย ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นอีกครั้งแววตาของเธอก็เป็นประกายและยังอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ ราวกับว่าจะไม่มีวันหมดความสนใจกับทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ได้เลย
ส่วนกู้อันนั้น เขาเป็นนายน้อยที่เติบโตมาในตระกูลร่ำรวย ทำให้มีโอกาสที่จะเข้ามาเดินเล่นในป่าแบบนี้ไม่มากนัก ตอนนี้เขาจึงอยากรู้อยากเห็นไปเสียหมดทุกอย่าง
ไม่ว่าจะลองใช้กิ่งไม้แหย่หนอนตัวอ้วน แตะไส้เดือนที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือพื้นดิน หรือสัมผัสเข้ากับต้นไม้ที่มีหนาม หลังจากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนว่ามือของเขาจะเปื้อนเลือด
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เข็ด เขาไม่ยอมรับว่าพลาดท่าไปจับเลยโดนทิ่มเอง ทั้งยังวางแผนจะแก้แค้นมัน
“ได้เลย มาดูกันว่ายังจะทิ่มนายน้อยคนนี้ได้อีกไหม!”
กู้อันปรบมือแล้วหัวเราะชอบใจ
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวต่างพากันเดินเข้าไปดู ก่อนจะพบว่าเขาถอนหนามของมันออกมาแล้วแทงกลับเข้าไปในต้นไม้ต้นนั้น
ต้นไม้ : ถึงฉันจะไม่ใช่คน แต่แกนี่มันหยาบคายจริง ๆ เลย!
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัว “…”
กู้อันดูค่อนข้างภูมิใจ “หนวนหน่วนถ้าโดนทิ่มบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จะช่วยล้างแค้นให้”
หนวนหน่วน “…ค่ะ”
หลังจากนั้นกู้อันก็เริ่มเล่นไปเรื่อย เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อหารังนกจนตอนนี้เสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งชุด
หนวนหน่วนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยความเป็นห่วง “พี่กู้อันระวังหน่อยนะคะ”
ในที่สุดกู้อันก็ปีนขึ้นไปเก็บรังนกได้สำเร็จ ก่อนจะเจอเข้ากับไข่ห้าฟองที่อยู่ข้างใน!
“มีไข่อยู่ห้าฟองแน่ะ พี่ถือได้แค่สอง มันเหลืออีกสาม”
หนวนหน่วนเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพี่รีบลงมาก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพ่อแม่นกจะโกรธเอาได้นะ”
“รู้แล้วน่า”
กู้อันนำไข่ใบเล็กสองฟองถือเอาไว้ในมือ หลังจากนั้นเขาก็มองหารังนกบนต้นไม้ต้นอื่นต่อ
เพราะว่ามันสูงมาก หนวนหน่วนจึงไม่ยอมให้เขาปีนขึ้นไปอีก เนื่องจากกลัวว่าพี่ชายจะพลัดตกลงมาได้
ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็ถือไข่ใบเล็กสองฟองเอาไว้ในมืออย่างตื่นเต้น โดยไม่ได้สนใจแผลบนมือของตัวเองเลย
หนวนหน่วนเอ่ยบอกเขา “พี่คะ ตรงนั้นมีลำธาร ไปล้างมือก่อนเถอะค่ะ”
ไป๋โม่ฮัวจ้องไปที่ไข่นก “มันจะกินยังไงล่ะนั่น? เล็กขนาดนั้น”
หนวนหน่วนใช้นิ้วจิ้มไข่ ก่อนจะนึกถึงวิธีที่พวกเด็กจากหมู่บ้านเสี่ยวซีทำกับไข่พวกนี้ขึ้นมาได้
“จะทำสุกหรือกินดิบก็ได้ค่ะ จะทอดก็ได้ แต่ได้น้อยหน่อย รวมสองฟองนั่นยังไม่ใหญ่เท่าไข่ปกติใบเดียวเลย”
“ว้าว ตรงนี้มีปลาอยู่ด้วย!”
กู้อันที่กำลังล้างมืออยู่ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เมื่อหนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวมองไป เจ้าเด็กคนนั้นก็ถอดรองเท้าแล้วก้าวลงไปในน้ำเรียบร้อยแล้ว
หนวนหน่วน “!”
“พี่คะ น้ำมันเย็นนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
กู้อันทำเป็นไม่สนใจ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ออกจะแข็งแรงดี!”
สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ปลา แถมเสื้อผ้ายังเปียกชื้นไปหมดด้วย
เมื่อกู้หนานและคนอื่น ๆ มาเห็นเข้า หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวก็กำลังนั่งหย่อนกิ่งไม้อยู่ตรงริมธาร
หนวนหน่วน “พี่คะ หนูจับปลาได้ด้วย!”
เธอก้มตัวลงไป พอลุกขึ้นมาอีกทีก็มีปลาตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ในอุ้งมือน้อย เห็นแล้วก็ส่งยิ้มหวานออกมาทันที
ไป๋โม่ฮัวผิดหวังนิดหน่อย “ฉันจับไม่ได้สักตัวเลย”
กู้อันที่ยืนมือเปล่าอยู่ในลำธาร “…”
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
“กำลังทำอะไรกัน?”
น้ำเสียงอันเยือกเย็นของกู้หนานดังขึ้น พวกเด็ก ๆ ที่กำลังจับปลากันเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเผลอปล่อยปลาในมือน้อย ๆ ไป
“พี่… พี่ใหญ่”
หนวนหน่วนประหนึ่งเด็กที่ทำผิดกำลังโดนคุณพ่อดุ น้ำเสียงของหนวนหน่วนดูรู้สึกผิดมาก
ในความทรงจำของเธอนั้น ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างไม่ชอบให้เด็กไปเล่นใกล้ลำธารเพราะมันอันตราย
สมัยเธออยู่กับคุณยายที่หมู่บ้านเสี่ยวซีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้ลำธารเช่นกัน เธอยอมทำตามเพราะการเข้าไปใกล้ลำธารพวกนี้มันอันตรายมาก
แต่ตอนนี้เธอกลับทำประพฤติต่างออกไปจากเดิม พอมีพี่ชายนำ หนวนหน่วนจึงทนไม่ไหว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงไปในลำธาร แต่รองเท้าของเธอก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว
กู้อันที่กำลังยืนอยู่ในน้ำคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร “พี่ มาดูนี่สิ มีปลาอยู่ในน้ำด้วยแหละ!”
“ขึ้นมา”
กู้หนานสีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา กู้อันจึงรู้ได้ทันทีว่าพี่ของเขากำลังโกรธ
เขารีบขึ้นมาจากลำธารทันทีด้วยท่าทีประหม่า
สีหน้าของไป๋โม่ซูเองก็เคร่งขรึมไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าโม่ฮัวเอากู้อันเป็นตัวอย่างมานานแค่ไหนแล้ว นี่ก็เพิ่งจะเดือนมีนาคมเอง น้ำในลำธารยังเย็นอยู่ ไม่กลัวเป็นหวัดกันหรือไง
เขาเดินเข้าไปอุ้มหนวนหน่วนขึ้นมา เมื่อเห็นว่ารองเท้าของเธอเปียก สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มทันที
“พี่”
หนวนหน่วนใช้นิ้วจิ้มเข้าหากันแล้วมองพวกพี่ชายอย่างเว้าวอน
กู้หมิงอวี๋ดีดเข้าที่หน้าผากของเธอ “เธอนี่นะ ไม่หนาวบ้างหรือไง? ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง?”
ภูมิคุ้มกันของเด็กต่ำมากโดยเฉพาะเท้า หน้าท้อง และศีรษะ มักจะเป็นส่วนที่เปราะบางและง่ายต่อการเป็นหวัด
ไป๋โม่ซูส่งเธอให้กู้เป่ยอุ้มแล้วถอดรองเท้าของเธอเอามาบีบน้ำที่เปียกโชกออก
ไป๋โม่ฮัวคอตกยามที่ก้าวเดินเข้ามา รู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง
กู้หมิงหลี่ปรายตามองเขา ก่อนจะพูดจากวนประสาทออกไป “นี่ ไม่คิดว่าตัวเองโตเกินกว่าจะเล่นน้ำแบบเด็ก ๆ แล้วเหรอ?”
ไป๋โม่ฮัว “…”
ฉันอายุมากกว่านายหนึ่งปี คิดว่าโตกว่ามากหรือไง?
“โม่ฮัว”
เมื่อไป๋โม่ซูเรียกเขา ไป๋โม่ฮัวก็หัวหดลงทันที ก่อนจะทำสีหน้าเว้าวอนเหมือนหนวนหน่วนส่งกลับไป
“พี่ ผมผิดไปแล้ว”
เขายอมรับผิดค่อนข้างเร็วเช่นกัน
สามคนที่เล่นน้ำ มีเพียงกู้อันเท่านั้นที่ยังคงปีกกล้าขาแข็งใส่พี่ชายของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็โดนตีถึงจะยอมรับผิดออกมา
เมื่อไม่มีรองเท้า หนวนหน่วนจึงต้องให้พี่ชายอุ้มตลอด เท้าน้อย ๆ ทั้งสองข้างเปลือยเปล่า พอกระดิกนิ้วเท้าไปมาเป็นบางครั้ง มันก็ดูน่ารักมาก
กู้หมิงอวี๋จับเท้าของเธอก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หนาวไหม? เดี๋ยวพี่จะคลุมเท้าให้”
อันที่จริงแล้วเขาเป็นห่วงเจ้าเท้าเล็กอันแสนบอบบางนี้จริง ๆ นุ่มนิ่มทุกครั้งที่สัมผัสเลย
หนวนหน่วน “ขอบคุณค่ะพี่สาม”
กู้หมิงหลี่เดินเข้าไปหา “ให้ผมคลุมให้เถอะ”
กู้หมิงอวี๋เอ่ยสวน “หลีกไป”
ระหว่างรอโอทิสกลับมาหลังจากไปล่าสัตว์ พวกพี่ชายก็คลุมผ้าให้เท้าน้อย ๆ ของหนวนหน่วนเรียบร้อย เด็กหญิงไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
หลังจากที่โอทิสกลับมา หนวนหน่วนก็เหยียบลงบนแผ่นหลังของมันเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
เวลานี่ก็ช่างแปลก ตอนที่น่าเบื่อมักจะผ่านไปช้า แม้อยากจะเร่งให้เร็วสักแค่ไหนก็ดูไม่กระเตื้อง
แต่เมื่อผู้คนรู้สึกสนุกสนาน เวลากลับเดินเร็วซะอย่างนั้น กระแสเวลาไหลผ่านผู้คนไปโดยปราศจากการรับรู้เสมอ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว
หลังจากใช้เวลามาจนถึงตอนนี้ หนวนหน่วนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานดวงตะวันก็ลับขอบฟ้าไป
ทางด้านของคุณพ่อหลี่และลูกชายก็ใช้เวลาครึ่งค่อนวันในการขุดโสมทั้งหมดออกจากหน้าดิน
สองมือของเขาถือโสมเอาไว้ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
“น… นี่มันโสมอายุไม่น้อยกว่าห้าร้อยปี!”
ห้าร้อยปี แสดงว่าพวกมันทั้งหมดมีอายุเท่ากับบรรพบุรุษของทุกคนที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบัน
คนในยุคนั้นปลูกโสมพวกนี้ออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก