ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 283 เสือขาวกับหมีสีน้ำตาล
บทที่ 283 เสือขาวกับหมีสีน้ำตาล
ไม่ผิด โอทิสกำลังไปต่อสู้จริง ๆ
ตอนแรกมันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน แต่เมื่อได้กลิ่นของสัตว์ตัวอื่นในอาณาเขตเดิมของตนจึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
นี่เป็นอาณาเขตทำเลทองที่มันค้นพบด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าจากไปนานแค่ไหน เจ้าพวกลูกเต่านี้ถึงกล้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้!
โอทิสปล่อยหนวนหน่วนลงแล้วรีบมุ่งหน้าเข้าไปจัดการกับพวกที่รุกล้ำอาณาเขตของมันด้วยความโกรธจัด
“โฮก!!!”
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงคำรามก็ดังก้องไปทั่วผืนป่า ตอนแรกเป็นเสียงคำรามของเสือ จากนั้นตามมาด้วยเสียงของหมี
ทั้งสองเสียงประสานกันดังก้องไปทั่วป่า หนวนหน่วนและคนอื่น ๆ ต่างไม่กล้าตามไป บรรดาสัตว์จำนวนหนึ่งแห่กันวิ่งหนีออกมา พวกมันเป็นพวกสัตว์กินพืช สู้ไม่ได้เลยต้องเผ่นแน่บออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด
ตามแมกไม้เต็มไปด้วยฝูงนกที่กำลังบินหนีอย่างเร่งรีบ หนวนหน่วนบังเอิญพบลูกนกที่ปีกยังไม่แข็งร่วงลงมาจากต้นไม้เข้าพอดี เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ก็เจอเข้ากับรังของมัน เดาว่ามันอาจจะตกใจกลัวจนร่วงหล่นลงมาเอง
นกสีขาวดุจหิมะสองตัวที่อยู่บนต้นไม้กำลังกระพือปีกแล้วส่งเสียงจิ๊บ ๆ คุยกัน
“พี่คะ มีนกอยู่ข้างล่างตรงนั้น”
หนวนหน่วนรีบวิ่งเข้าไปอุ้มเจ้าลูกนกตัวนั้นขึ้นมาจากพื้น
เสียงของพ่อแม่นกบนต้นไม้ยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่
ในตอนนั้นเอง ฝูงกวางสีน้ำตาลก็กำลังวิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว
หนวนหน่วนที่กำลังอุ้มลูกนกเอาไว้ถูกพี่ใหญ่คว้าตัวให้หลบไปอีกด้าน ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนกวางสีน้ำตาลพวกนั้นวิ่งชนจนล้มอย่างแน่นอน ลูกนกก็คงจะโดนพวกมันเหยียบตายด้วย
ใบหน้าของกู้หนานขุ่นมัว อยากจะดุน้องสาวอยู่เหมือนกัน แต่ก็เจอแววตาอันไร้เดียงสาของเธอเสียก่อน
สุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่จิ้มลงตรงหน้าผากของเธอแล้วเอ่ยเสียงเข้ม
“คราวหลังอย่าทำแบบนั้นอีก”
หนวนหน่วนรีบพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอียงคอนำใบหน้าถูไถกับฝ่ามือของพี่ใหญ่อย่างเว้าวอน ประหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่รู้ตัวว่าตัวเองทำผิดและกำลังออดอ้อนเจ้าของให้ยกโทษ
ถึงแม้ว่าสีหน้าของกู้หนานจะนิ่งเฉย แต่ภายในใจอ่อนระทวยไปแล้ว
กู้หมิงหลี่ก้าวเดินเข้ามาก่อนจะหยิกแก้มเธอด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดนะ รู้ไหมว่าอันตรายมากแค่ไหน”
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างน่าสงสาร “เข้าใจแล้วค่ะ ครั้งหน้าจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
เมื่อโดนพวกพี่ชายสั่งสอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนวนหน่วนก็จ้องมองลูกนกที่อยู่ในมือตัวเอง ตอนนี้มันกำลังพยายามซุกเข้าไปในอุ้งมือของเธอด้วยความกลัวพลางส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ อย่างน่าสงสาร
“เจ้านี่สีน้ำนม คอสีน้ำเงิน หางยาว” อวี๋ซูหัวเดินเข้ามาพลางขยับแว่นมองดู จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองพ่อแม่นกที่กำลังหวาดกลัวอยู่ข้างบน
“รีบส่งมันกลับขึ้นไปเถอะ”
แต่ต้นไม้สูงมาก ทำให้หนวนหน่วนปีนขึ้นไปไม่ได้
แน่นอนว่ากู้หนานและคนอื่น ๆ ต่างไม่ยอมให้หนวนหน่วนปีนขึ้นไปเอง
“ส่งมาให้พี่มา”
กู้หมิงหลี่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ในขณะที่กำลังอุ้มลูกนกเอาไว้ในมือ อวี๋ซูหัวรีบนำผ้าพันคอพันรอบมือของเขาทันที
“อย่าให้นกมาเกาะตัวได้ เดี๋ยวจะเป็นภูมิแพ้”
กู้หมิงหลี่ยักไหล่ ก่อนจะนำลูกนกที่กำลังหวาดกลัวไปวางไว้ในรัง เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งเมตรอย่างง่ายดาย
ตอนที่กระโดดลงมาแล้วยันตัวลงบนพื้น ท่วงท่าของเขาช่างวางมาดเสียจริง ๆ
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะเขาเองก็มีดีด้านนี้พอตัว
หนวนหน่วนปรบมือให้เขาแรง ๆ “พี่สี่ เก่งมากเลยค่ะ!”
กู้หมิงหลี่ยักคิ้วให้ มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น ดูก็รู้ว่าอารมณ์ดีมาก
“โฮก!”
เสียงของเสือกับหมีที่กำลังต่อสู้กันอยู่ข้างในดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ฟังดูจากเสียงแล้ว เหมือนหมีตัวนั้นจะไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ เพราะน้ำเสียงไม่ได้หนักแน่นเท่าตอนแรก
หนวนหน่วนจับมือพี่ชายด้วยความกังวลใจ “พี่คะ เรารีบตามไปดูกันเถอะ”
อวี๋ซูหัวเองก็เป็นกังวลเช่นกัน พวกมันล้วนเป็นสัตว์ป่าในภูเขาจ่างไป๋ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง แน่นอนว่าเขาต้องไม่อยากให้พวกมันบาดเจ็บอยู่แล้ว
แต่นี่มันเป็นกฎธรรมชาติ ดังนั้นมนุษย์จึงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
หลังจากที่หนวนหน่วนและคนอื่น ๆ เดินจากไป พ่อแม่ของลูกนกตัวนั้นจึงรีบบินเข้าไปดึงลูกของตัวเองมาซุกไว้ใต้ปีก
ถึงแม้ว่าพวกมันจะหวาดกลัวเสียงคำรามของเสือมาก แต่ก็ทิ้งลูกที่ปีกยังไม่แข็งไปไม่ได้
เมื่อเดินมาจนพบโอทิส หนวนหน่วนและพวกพี่ชายก็พบว่าเจ้าโอทิสกำลังตะปบก้นเจ้าหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ด้วยอุ้งเท้าของมันอยู่
หมีสีน้ำตาลรีบหันกลับไปเผชิญหน้าแล้วอ้าปากคำรามอย่างโกรธจัด แต่มันกลับเดินถอยหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่ามันรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบและต้องการที่จะหนีไป
แต่โอทิสผู้เกรี้ยวกราดจะยอมปล่อยให้มันหนีไปโดยง่ายได้อย่างไร มันแกล้งวิ่งไล่เจ้าหมีสีน้ำตาลอยู่พักใหญ่ราวกับแมวแกล้งวิ่งไล่หยอกหนู
หมีสีน้ำตาลตัวนี้ตัวใหญ่มาก มันดูใหญ่กว่าเสือทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความกล้ามากพอที่จะใช้อาณาเขตเดิมของเจ้าโอทิส หากเจอเสือทั่วไปละก็มันคงชนะไปแล้ว
แต่เจ้าโอทิสมันเหนือชั้นกว่า ตัวมันใหญ่กว่าเจ้าหมีสีน้ำตาล นอกจากนี้อาณาเขตของมันแต่เดิมก็กว้างขวางมาก มันกว้างมากกว่าตอนที่เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวนี้มาอาศัยอยู่เสียอีก
ดังนั้นแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่ใช่การประชันระหว่างราชาทั้งสอง แต่มันดูเหมือนกับราชาต่อสู้กับแม่ทัพที่อยู่ภายใต้อำนาจของตนมากกว่า แล้วเจ้าหมีจะชนะได้อย่างไรกัน
เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่นั้นค่อย ๆ ขดตัวกลมเหมือนกับลูกบอลต่อหน้าโอทิสอย่างน่าสงสาร
ตอนนี้ภาพลักษณ์ของโอทิสแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ภาพที่มันทำตัวไร้พิษภัยและขี้หวงต่อหน้าหนวนหน่วนนั้นหายไปทันที
ดวงตาสีเหลืองทองของมันฉายแววดุร้าย ฟันที่เปื้อนเลือดรวมถึงกรงเล็บของมันที่ตอนแรกดูไม่มีพิษภัย ตอนนี้กลับแหลมคมดั่งใบมีดพร้อมเชือดเฉือน
มันสามารถตะปบกรงเล็บลงบนหนังหนาของเจ้าหมีสีน้ำตาลได้ด้วยการใช้อุ้งเท้าเพียงข้างเดียว ก่อนที่เนื้อหนังเปื้อนเลือดจะติดออกมา
ฉากนี้ดูน่าหวาดกลัวไม่น้อย กู้หนานกอดหนวนหน่วนเอาไว้แน่น ส่วนกู้เป่ยก็ใช้มือหนาของตัวเองยกขึ้นไปปิดตาของน้องสาวเอาไว้
ทันใดนั้นโอทิสก็ดมจมูกฟุดฟิดในขณะที่กำลังจะไล่ตามเจ้าหมีสีน้ำตาลไป ดูเหมือนว่ามันจะได้กลิ่นบางอย่างที่ดึงความสนใจของมันออกมาจากหมีสีน้ำตาลที่น่าสงสารตัวนั้น ก่อนจะหันมาพบกับหนวนหน่วนและพรรคพวกของเธอ มันกวัดแกว่งหางไปมาแล้วคิดหนักว่าจะจัดการเจ้าหมีตัวนี้ต่อหรือจะเข้าไปหาเจ้าลูกมนุษย์ดีนะ?
ในสถานการณ์ที่เป็นภัยต่อชีวิตแบบนี้ หมีสีน้ำตาลไม่ได้โง่ เมื่อเห็นว่าเสือขาวไม่ได้สนใจมันแล้วก็รีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งออกไป
ในขณะที่วิ่งหนีมันก็ไม่ลืมที่จะแวะหารังผึ้งระหว่างทางไปด้วย
มันลำบากมาก กว่าจะได้สถานที่นี้มาครอบครอง แต่แล้วเจ้าเสือนี่ก็โผล่เข้ามาหลังจากที่มันกินน้ำผึ้งไปได้เพียงแค่สองคำเท่านั้น
ไอ้เสือเวรเอ๊ย!
มันน่าเสียดายจัง อาณาเขตตรงนี้เหยื่อก็เยอะ น้ำผึ้งและผลไม้ก็มีรสหวาน แต่กำลังจะโดนแย่งกลับไปแล้ว (T^T)
ระหว่างที่โอทิสกำลังลังเลใจอยู่นั้น หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ก็หนีไปเรียบร้อยแล้ว เห็นเพียงแค่ก้นอันตุ้ยนุ้ยของมันที่กำลังวิ่งออกไป
โอทิสปรายตามองด้วยแววตารังเกียจก่อนจะหันไปมองทางอื่น พลางแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้าหมีนี่ไม่เห็นน่าอร่อยเลย ผิวก็หนาหยาบกร้านอีกต่างหาก
โอทิสยกอุ้งเท้าขึ้นเลีย ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาหนวนหน่วน
เพียงแต่ว่า ภาพลักษณ์ของมันในตอนนี้ค่อนข้างน่ากลัวและมีกลิ่นอายของความดุร้ายแผ่ไปทั่ว ไม่ว่าจ้องมองอย่างไร ดวงตาของมันตอนนี้ก็เหมือนจะกลายเป็นสีแดง คล้ายกับกำลังพุ่งเป้ามาที่พวกเขาแทน
หุ่นยนต์ที่อยู่ข้างกู้เป่ยลุกฮือขึ้นมา ช่องกลม ๆ ตรงหน้าท้องของมันเปิดออกก่อนจะมีปากกระบอกปืนยกขึ้นมาจ่อต่อหน้าดวงตาแดงก่ำของโอทิส หากโอทิสขยับละก็มันต้องโดนยิงแน่
ไป๋โม่ซูรีบคว้ามีดผ่าตัดออกมาถือไว้ในมือทันที
กู้หมิงหลี่และกู้หมิงอวี๋เองก็ดึงปืนยาสลบออกมาจากเอว
กู้อันและไป๋โม่ฮัว “!!”
พวกนายเตรียมของพวกนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่!