ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 278 ของล้ำค่า
บทที่ 278 ของล้ำค่า
“ว่าแต่ว่า ของล้ำค่าที่คุณบอกเมื่อกี้ว่าต้องเอาไปด้วยคืออะไรเหรอครับ?”
อวี๋ซูหัวและไคน์คุยกันอยู่สักพัก ในที่สุดก็กลับมาที่ประเด็นหลัก เขาอยากรู้มากว่าของล้ำค่าอะไรที่จะทำให้เสืออย่างเจ้ายักษ์ขาวสนใจได้
“อ้อ เรื่องนั้นเหรอ คุณรอเดี๋ยว”
จากนั้นอวี๋ซูหัวก็มองไคน์ที่กำลังหันหลัง ทำตาปริบ ๆ พลางอุ้มเด็กน้อยคนเดียวในหมู่พวกเขาแล้วชูขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“เธอนี่แหละ!”
เหล่าพี่ชายพูดไม่ออก ได้แต่มองไคน์ที่ทำเหมือนตนกำลังมอบของล้ำค่าให้คนอื่น
เด็กหญิงตัวน้อยมองอวี๋ซูหัวที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาใสซื่อและว่างเปล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณลุง”
หนวนหน่วนกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
อวี๋ซูหัว “…”
คุณเล่นตลกอะไรกับผม! เมื่อกี้ยังพูดคุยกันอยู่ดี ๆ ไม่ใช่เหรอ (╯‵□′)╯︵┻━┻
เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กน้อยผู้อ่อนหวานและสุภาพอย่างหนวนหน่วน แม้ในใจอวี๋ซูหัวแทบจะคลั่ง แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มทักทายเด็กหญิงตัวน้อย
“สวัสดีเด็กน้อย”
จากนั้นก็มองไปยังไคน์ด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “คุณไคน์ครับ ได้โปรดอย่าเล่นตลกแบบนี้!”
ล่ามก็ยังคิดว่าไคน์ช่างบ้าบอ ก่อนจะมาที่นี่เขาได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของเสือขาวแห่งภูเขาจ่างไป๋ตัวนั้นแล้ว อวี๋ซูหัวปล่อยให้ว่างไม่ได้ เป็นต้องโอ้อวดพูดคุยเรื่องเจ้ายักษ์ขาวให้ฟัง เหมือนเด็กที่โอ้อวดผลการเรียนอันโดดเด่นของตนหรือตอนสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำของตัวเองเสียอย่างนั้น
แน่นอนอวี๋ซูหัวรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คนเหล่านี้เป็นคนในประเทศ เขาถึงไว้ใจและโอ้อวดได้ แต่กับคนแปลกหน้าเขาจะไม่พูดเท่าไหร่
และเพราะแบบนี้เอง ล่ามและเจ้าหน้าที่คุ้มกันหลายคนจึงรู้ว่าเจ้ายักษ์ขาวคือเสือที่เย่อหยิ่งและแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าตอนนี้ไคน์กำลังอุ้มเด็กน้อยที่ดูอ่อนแอไม่มีแรงต่อสู้เอาไว้ แถมยังบอกว่าเธอสามารถตามหาเสือขาวได้?
เล่นตลกเหรอ!
แทนที่จะโกรธแต่ไคน์กลับหัวเราะร่า “ไม่เชื่อเหรอ ถ้าฉันไม่เคยเห็นกับตาของตัวเอง ฉันก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ปาฏิหาริย์มักเกิดขึ้นกับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เสมอ”
หนวนหน่วนสะบัดขาสั้น ๆ
เมื่อไหร่คุณอาไคน์จะปล่อยเธอลงนะ
สายตาเย็นชาของกู้หนานเป็นเสมือนมีดน้ำแข็งแทงเข้าไปในมือของไคน์ที่อุ้มหนวนหน่วนอยู่ ส่วนไป๋โม่ซูยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกเหมือนในดวงตาของเขาเลย
ไคน์ตัวสั่นเทิ้ม หันหน้าไปพบกับดวงตาที่ดุดันและกดดันดั่งสัตว์ป่าของบรรดาพี่ชายของหนวนหน่วน เขาตกใจจนรีบวางเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ลงกับพื้น
ชายหนุ่มยังคงกลัวว่าพวกเขาจะไม่พอใจ ไคน์จึงจัดเสื้อผ้าของเด็กน้อยหนวนหน่วนให้ดีแล้วยิ้มให้พวกเขา
เจ้าหน้าที่คุ้มกันที่ผ่านการฝึกอบรมมา หลายคนมองบรรดาพี่ชายของหนวนหน่วนอย่างเข้าอกเข้าใจ คนพวกนี้ดูไม่ธรรมดาเลย
เมื่อเห็นว่าพวกอวี๋ซูหัวไม่มีใครเชื่อตน ไคน์ก็แค่ผายมือพลางยักไหล่
“พอถึงเวลาพวกคุณก็รู้เอง ไปเถอะ เราไปหาโอทิสกัน”
แน่นอนว่าอวี๋ซูหัวแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบเจ้ายักษ์ขาว แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาพาเด็กน้อยมาด้วยจริง ๆ เขาก็รู้สึกว่าคนกลุ่มนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย
เขาถึงกับสงสัยในความถูกต้องของข้อมูล
“พวกคุณจะพาเด็กไปด้วยจริงเหรอ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ”
“เจ้ายักษ์ขาวแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ผมจะไม่เคยได้ยินว่ามันเคยทำร้ายมนุษย์ แต่หากถูกรบกวน มันอาจจะโกรธ และถึงตอนนั้นจะทำให้เด็กตกใจกลัวได้”
แม้ว่าอวี๋ซูหัวจะพูดจาเยิ่นเย้อไปหน่อย แต่ทุกประโยคก็มีความเป็นห่วงหนวนหน่วนอย่างแท้จริง กู้หนานและคนอื่น ๆ จึงไม่ได้รู้สึกต่อต้าน
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
กู้หมิงอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มพลางเอนตัวไปทางด้านข้างเหมือนไม่มีกระดูก พิงน้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง
กู้หมิงหลี่ “(▼皿▼#)”
เมื่อถูกผลักออกไป เขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดต่ออย่างสบายใจ “จะไม่มีใครเป็นอะไร”
พวกเขาเลื่อมใสอวี๋ซูหัวที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม สัตว์ และความสมดุลของระบบนิเวศ
“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง…”
อวี๋ซูหัวต้องการจะพูดอะไรอีก ทว่าพลันมีจอโทรศัพท์มือถือมาจ่อตรงหน้า
รูปภาพในนั้นทำให้เขาเบิกตากว้างทันที
“นี่…”
ภาพนี้ถ่ายตอนที่หนวนหน่วนกับโอทิสกำลังเล่นกัน
เด็กหญิงตัวน้อยที่บอบบางสวยงามเกลือกกลิ้งอย่างมีความสุขบนท้องของเสือตัวใหญ่สีขาว แม้ว่าเสือขาวตัวนั้นจะเย่อหยิ่ง แต่ก็มีความยินยอมลับ ๆ ที่อธิบายไม่ได้ในดวงตาสีทองของมัน
เมื่อเลื่อนต่อไปก็เป็นภาพของหนวนหน่วนกับโอทิสอีกภาพหนึ่ง
เด็กหญิงตัวน้อยเขย่งปลายเท้า โอบกอดหัวใหญ่โตของเสือขาว เด็กน้อยเกือบซุกเข้าไปในอกของมันทั้งตัว เสือขาวผู้หยิ่งยโสราวกับว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ยอมก้มหัวให้ใครในความทรงจำของอวี๋ซูหัว แต่ในตอนนี้กลับก้มหัวย่อตัวลงถูไถเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้น
กู้หมิงหลี่เปิดภาพถ่ายอีกหลายภาพให้เขาดูด้วยใบหน้าพอใจ ยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิ
“ตอนนี้เชื่อได้แล้วหรือยัง?”
ดวงตาของอวี๋ซูหัวว่างเปล่า สงสัยว่าภาพนี้ถูกตัดต่อมา!
กู้หมิงหลี่บุ้ยปาก “น้องสาวของผมเป็นคนที่ชื่นชอบสัตว์มาก อย่าว่าแต่โอทิสเลย ในอุทยานแห่งนี้ถ้าคุณสามารถหาสัตว์ที่ไม่ชอบเธอได้ ผมจะยอมใช้แซ่ของคุณเลย!”
พวกพี่ชายเริ่มโอ้อวดน้องสาวของตัวเอง
พอคนหนึ่งพูดจบ อีกเสียงก็แทรกเข้ามา
“ใช่แล้ว ๆ น้องสาวของผมได้รับความนิยมมาก ไม่ใช่แค่โอทิสที่ชอบ แต่ยังมีเสือดำไอริส สิงโตภูเขาเคธี แล้วก็หมาป่าหิมะอีกสามตัว ผมจะบอกคุณให้ ไม่ใช่แค่พวกนี้…”
ไป๋โม่ฮัวโอ้อวดน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของตัวเองจนเกินความจริงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างกับน้ำไหลไฟดับ
กู้หมิงหลี่กัดฟัน จ้องเขม็งมาที่เขาเงียบ ๆ
ปากนายนี่มันฉอด ๆ นายพูดไปหมดแล้ว แล้วฉันจะพูดอะไรอีกล่ะ!
กู้อันเบียดเข้ามา “น้องสาวของผมสวยใช่ไหม? เหมือนผมเลย! เธอไม่ใช่แค่เป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เท่านั้นนะ แต่ยังฉลาดมากด้วย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเธอมองปราดเดียวก็ทำได้แล้ว เหมือนผมเลย…”
ทุกคน “…”
พูดมาได้ ถ้าพ่อรู้ต้องตีแกตายแน่!
หนวนหน่วน “(///▽///)”
เด็กหญิงตัวน้อยหันไปซบหน้ากับอกของพี่ใหญ่ ใบหูขาวใสกระจุ๋มกระจิ๋มแดงระเรื่อ
พวกพี่ชายไม่ต้องพูดแล้ว หนูเขินแล้วนะ!
อวี๋ซูหัวและกลุ่มคนที่มากับเขางุนงงกับการโอ้อวดน้องสาวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ถ้าฟังไม่ผิด พวกเขากำลังพูดถึงคนคนเดียวกันใช่ไหม?
“ไอริส เคธี”
เมื่อได้ยินเสียงอันตื่นเต้นของเด็กน้อย ทั้งสามคนที่แข่งขันโอ้อวดน้องสาวก็หยุดพูด หลังจากนั้นสายตาของคนอื่น ๆ ก็มองตามเธอไป…
อวี๋ซูหัว “เสือดาวดำกับสิงโตภูเขานี่!!”
ไม่รู้ว่าทำไมแมวตัวใหญ่สองตัวถึงต่อสู้กัน ไอริสที่ตัวเล็กเสียเปรียบเล็กน้อย
ที่ไร้เหตุผลก็คือ เมื่อเด็กน้อยที่หมอบอยู่บนราวกั้นรถโบกมือ อวี๋ซูหัวก็เห็นแมวตัวใหญ่สองตัวที่กำลังต่อสู้กันเมื่อครู่ลุกพรวดขึ้นจากพื้น เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านหน้ารถ
บนรถอวี๋ซูหัวและคนอื่น ๆ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ส่วนเจ้าหน้าที่คุ้มกันถึงกับกำอาวุธในมือแน่น
“อันตราย!”
ทันทีที่อวี๋ซูหัวพูดเตือนจบก็เห็นเสือดาวดำตัวนั้นวิ่งมาก่อน มันครางครืดคราดพลางเอาหัวถูไถกับมือของเด็กหญิงตัวน้อย
หนวนหน่วนเกาคางของมันอย่างชำนาญ
สิงโตภูเขาเคธีก็เดินตามหลังมาเช่นกัน พอเธอเรียกชื่อก็วิ่งเข้าไปออดอ้อนเด็กหญิงตัวน้อยอย่างถ่อมตน
พี่ชายของหนวนหน่วนที่อยู่บนรถและคนรัสเซียอีกสองคนที่เห็นจนชินไม่ตกใจอีกต่อไป เพียงแค่โบกมือทักทายพวกมัน
“ทำไมสองตัวนี้ถึงต่อสู้กันขึ้นมา? ที่ ๆ ไอริสอยู่ตรงนี้คืออาณาเขตของเคธีใช่ไหม?”
ไคน์เข้าไปถามใกล้ ๆ
ไอริสเหลือบมองเขาแล้วทอดสายตากลับ ดวงตาสีเขียวมรกตมองไปรอบ ๆ ภายในรถ
คนที่อยู่ใกล้ต่างขนลุกซู่
โรคบ้างานของอวี๋ซูหัวกำเริบ ในเวลานี้เขาจึงต้องการทราบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับเสือดาวดำทันที
เสือดาวดำตัวนี้สง่างามมาก
ขณะที่หนวนหน่วนกำลังเกาคางให้แมวตัวใหญ่ก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเสือ เสียงดังสนั่นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก นกในป่าตกใจบินหนีไปหมดแล้ว
หนวนหน่วนได้ยินเสียงนี้ก็ชักมือจ้ำม่ำของเธอกลับ รู้สึกหวาดผวา
ไม่ใช่เพราะเธอกลัวมัน แต่เกรงว่าอาจจะถูกเสือตัวใหญ่ดึงตัวเธอเข้าไปเกลือกกลิ้งบนตัวของมันอีกหลายรอบต่างหาก
จากเสียงคำรามของเสือ เสือขาวตัวใหญ่ก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากป่า ดวงตาพยัคฆ์สีเหลืองทองคู่นั้นดั่งแสงอาทิตย์ จับจ้องเสือดาวดำและสิงโตภูเขาด้วยความโกรธ
สิงโตภูเขาเคธีตกใจจนถอยกรูด ก้าวขาเผ่นแน่บไป
นี่คือกฏของธรรมชาติระหว่างสัตว์ป่า
ไอริส “…”
มันจะหนีหรือว่าไม่หนีดีนะ?
มันชำเลืองมองหนวนหน่วนแล้วมองเสือขาวตัวใหญ่ เกิดความลังเลขึ้นมา
เพราะกำลังลังเล โอทิสจึงกระโดดขึ้นไปกว่าสิบเมตรคร่อมไอริสเอาไว้ใต้ร่างของมัน แล้วอ้าปากกัดเข้าที่คอ
“โอทิส!”
หนวนหน่วนห้ามไว้ได้ทัน ฟันของเสือขาวที่สัมผัสคอของไอริสจึงชะงักค้าง
“โอทิสห้ามกัดนะ!”
หนวนหน่วนลงมาจากรถ กอดหางของโอทิสไว้ ออกแรงทั้งหมดดึงมันไปด้านหลัง
พอโดน ‘เจ้าเด็ก’ ดุใส่ โอทิสก็โกรธ ตบเสือดาวดำออกไปด้วยกรงเล็บข้างหนึ่ง แล้วหันหลังใส่หนวนหน่วน สะบัดหางจนเกือบทำให้เด็กหญิงตัวน้อยสะดุดล้มลง ดูท่าทางมันจะโกรธมาก
ไอริสกลิ้งไปกับพื้นสองรอบ แล้วกระโดดปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างง่ายดาย มันกล้าหาญพอที่จะไม่หนีไป แต่หมอบอยู่บนต้นไม้เลียกรงเล็บของมัน จ้องมองคนและเสือขาวที่อยู่ใต้ต้นไม้ด้วยดวงตาสีเขียวมรกต
ในที่สุดอวี๋ซูหัวก็หายจากอาการตกใจ เขาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น “เจ้ายักษ์ขาว!”
น่าเสียดายที่โอทิสไม่สนใจเขา