ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 277 คนจากศูนย์อนุรักษ์มาถึงแล้ว
บทที่ 277 คนจากศูนย์อนุรักษ์มาถึงแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมาในหุบเขา…
หลังจากเหลียงฉือแสดงข้อมูลให้ศูนย์อนุรักษ์ทุกคนดู หนวนหน่วนก็ลูบหัวโอทิส
“ที่แท้เธอชื่อว่าเจ้ายักษ์ขาวเหรอ!”
เสียงใสดังชัดเจนไพเราะ
โอทิสที่ถูกเรียกว่าเจ้ายักษ์ขาว “…”
ชื่อเชย ๆ แบบนี้ใครเป็นคนตั้งให้? ดูไม่มีการศึกษาสักนิด มันเป็นแค่เสือยังฉลาดกว่าคนตั้งชื่อเลย
อวี๋ซูหัวผู้ตั้งชื่อที่เป็นมิตรและเหมาะสมให้กับเสือขาว “…”
ถ้าเขารู้ว่าตัวเองจะถูกเสือขาวรังเกียจเพราะชื่อชื่อเดียว ก็คงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
หนวนหน่วนเอาแต่วิ่งตามหลังโอทิสพลางตะโกนเรียกเจ้ายักษ์ขาว ๆ จนเจ้าเสือขาวหงุดหงิดใจ มันหมอบลงอยู่กับพื้น เอามือปิดหูแสร้งทำเป็นไม่รับฟัง
เด็กน้อยหนวนหน่วนหัวเราะ ฟุบตัวอยู่กับมันพลางเกลือกกลิ้ง
ความจริงเธอรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ดีมาก ทำไมโอทิสถึงไม่ชอบนะ
เด็กน้อยหนวนหน่วนที่เกลือกกลิ้งไปมาบนท้องเสือขาวลุกขึ้นมาแล้วปัดขนบนเสื้อผ้าออก
“โอทิส แกขนร่วงเหรอ!”
แม้ว่าจะไม่มากมายก็เถอะ
โอทิส “?”
มันชำเลืองดูขนขาว ๆ ของตัวเองที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของเด็กหญิงตัวน้อย
ไม่เป็นไร ขนของมันเยอะ ร่วงไปนิดเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก!
หลังจากเล่นกับโอทิสสักพัก หนวนหน่วนก็เห็นไคน์ดูท่าทางซึมกะทือ
เธอดึงพี่โม่ซูมาเป็นล่าม ทำไมไม่เป็นพี่โม่ฮัวน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเขาไปหาอะไรกินแล้ว อะไรที่กินได้เขาไม่เคยพลาด!
“คุณอาไคน์ยังอาลัยอาวรณ์โอทิสเหรอคะ?”
น้ำเสียงของเด็กน้อยนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่เมื่อมาถึงตอนที่ไป๋โม่ซูแปล แม้ว่าเสียงจะไพเราะมาก แต่ก็ไม่มีการขึ้นลงของอารมณ์เลย
แม้แต่ไคน์ยังสงสัยว่าเจ้าหมอนี่แปลประโยคเดียวกับที่หนวนหน่วนพูดหรือเปล่า?
ไคน์มองโอทิสแล้วพยักหน้า “ใช่ ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบโอทิส แต่มันกำลังจะจากไปแล้ว”
หนวนหน่วนปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “วันหลังคุณอาก็ไปเยี่ยมมันได้”
ไคน์มองหนวนหน่วนตาเป็นประกาย “จริงเหรอ?”
หนวนหน่วนมองไป๋โม่ซูตาปริบ ๆ สีหน้าของเธอเหมือนเขียนไว้ว่า ‘พี่คะ ได้หรือเปล่า?’
ไป๋โม่ซู “พอเจรจากันได้”
ทันใดนั้นไคน์ก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ทุกคนก็ออกจากหุบเขา หนวนหน่วนทิ้งเทพธิดาผีเสื้อเรืองแสงไว้ที่นี่เหมือนกัน
ที่นี่ต่างหากคือที่ที่มันควรจะอยู่ อากาศข้างนอกหนาวเย็นกว่าที่นี่ เกิดแข็งตายขึ้นมาจะทำอย่างไร?
เพราะรู้ว่าหนวนหน่วนคิดอะไร ไคน์จึงตอบว่า
“ถ้าแข็งตายก็เอามาสตัฟฟ์ได้!”
หนวนหน่วนจับมือพี่ใหญ่ด้วยความสับสน “พี่คะ สตัฟฟ์คืออะไร?”
กู้หนานไม่พูดอะไร ค้นหาตัวอย่างผีเสื้อบนอินเทอร์เน็ตให้เธอดูตรง ๆ
หนวนหน่วน “!!!”
ศพผีเสื้อสามารถทำแบบนี้ได้ด้วย!
จะว่าไปก็สวยงามมากเลย
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็สะบัดศีรษะ “มันยังไม่ตายสักหน่อย”
ไคน์หัวเราะลั่น “อายุขัยของผีเสื้อทั่วไปจะสั้นมาก ถ้าจะให้พวกมันเน่าเปื่อยไปตามพื้นดิน นำมาสตัฟฟ์ยังสวยกว่า”
คำพูดนี้ไม่มีอะไรผิดเลย
พวกเขาเดินกลับตามเส้นทางที่มา จุดไหนที่ค่อนข้างเตี้ยจนโอทิสที่มีร่างกายใหญ่โตผ่านไปไม่ได้ก็ต้องหมอบคลานไป คนอื่น ๆ ก็ต้องย่อตัวเดินออกไป
หนวนหน่วนและกู้อันเดินออกไปอย่างทะนงองอาจ โดยไม่มีอุปสรรคเรื่องความสูง!
ไคน์มองปากถ้ำนั้นแล้วถอนหายใจ “ฉันอยู่ที่นี่มานาน แต่ไม่รู้เลยว่ามีสวนดอกไม้อยู่ด้วย!”
เขาหันไปมองโอทิส “โอทิสลูกรัก หวังว่าแกจะมาเล่นที่นี่อีก”
เขาเตรียมใจมาตลอดว่าโอทิสจะจากที่นี่ไป แม้จะเสียดายแต่ก็ไม่โศกเศร้า
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับการที่มันจากไปอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ที่ไหน การที่เห็นมันกลับไปจงโจวก็เหมือนที่หนวนหน่วนเคยพูดไว้ อาจได้พบกันอีกในอนาคต
เขาต้องหารือกับคนของศูนย์อนุรักษ์เกี่ยวกับสิทธิที่ได้รับในการไปเยี่ยมโอทิส
หลังออกจากดินแดนของโอทิสแล้ว หนวนหน่วนและคนอื่น ๆ ก็ไปที่บ้านบนภูเขาเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเธอก็ไปหาหมาป่าหิมะทั้งสามทันทีโดยไม่ได้หยุดพัก
บนตัวของหมาป่าหิมะทั้งสามยังคงพันผ้าพันแผลอยู่ หนวนหน่วนพาพี่โม่ซูมาตรวจบาดแผลให้พวกมัน
“บาดแผลแบบนี้ขอเพียงดูแลให้ดี ดูจากความสามารถในการฟื้นตัวของพวกมัน อีกไม่กี่วันก็หายสนิทแล้ว”
ถึงแม้ว่าไคน์จะรู้สึกสงสารแต่ก็ไม่ได้เอาอกเอาใจหมาป่าหิมะทั้งสาม เพราะเขารู้ว่า เมื่อพวกมันจากที่นี่ไปแล้วต้องเผชิญกับบททดสอบที่ใหญ่กว่านี้ ต่อไปอาจจะได้รับบาดเจ็บอยู่เป็นประจำ
หนวนหน่วนลูบขนพวกมันแล้วกระซิบว่า “พวกแกอย่าโง่สิ รู้ทั้งรู้ว่าสู้โอทิสไม่ได้ แต่ก็ยังดื้อรั้นสู้กับมัน ต่อไปถ้าสู้ไม่ได้ก็วิ่งหนี รอให้เก่งกว่านี้ค่อยมาแก้แค้นดีกว่า หรือไม่ก็พาหมาป่ามากกว่านี้ไปรุม ไม่งั้นจะเสียเปรียบนะ”
กู้หมิงหลี่เหลือบมองเธอ “เด็กน้อย เธอนี่เข้าใจอะไรง่าย ๆ แฮะ”
หนวนหน่วนยิ้มแหยอย่างเก้อเขิน ตอบกลับด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ก็พี่ชายสอนมาดีนี่คะ”
สายตาของหลายคนมองไปทางกู้หมิงหลี่พร้อมกัน
กู้หมิงหลี่ “…”
ใครสอนน่ะ? ฉันเปล่านะ!
กู้อัน “ต้องเป็นพี่สี่สอนแน่ พี่สี่รักการต่อสู้มากที่สุด”
หลังจากตรวจพวกหมาป่าหิมะเสร็จแล้ว หนวนหน่วนก็ไปเยี่ยมสิงโตภูเขาเคธี เล่นกับมันอยู่พักหนึ่ง
กู้หมิงอวี๋เอามือลูบคางพลางครุ่นคิด “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าน้องสาวของเราเจ้าชู้จริง ๆ”
โอทิส ไอริส หมาป่าหิมะสามตัว แล้วตอนนี้ก็มีสิงโตภูเขาเคธีมาอีก
นอกจากนี้ในฟาร์มของเธอยังมีลูกแมว ลูกสุนัข ลูกม้า หงส์ และสัตว์ปีกที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรอีกสามตัว!
จุ๊ ๆ
ประเด็นคือเธอร้ายกาจอย่างชัดเจน เจ้าชู้อย่างสง่าผ่าเผย แต่ยังทำเป็นบริสุทธิ์ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
มีเพียงนิสัยเผด็จการอย่างโอทิสเท่านั้นที่ไม่ชอบกลิ่นของสัตว์ตัวอื่นบนตัวเธอ แต่ถึงจะรู้ พอถูกเด็กหญิงตัวน้อยพะเน้าพะนอก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
สีหน้าของทุกคนดูกล้ำกลืนชอบกล โดยเฉพาะเหล่าพี่ชาย
ไป๋โม่ซู “กับพวกเราก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
กู้หมิงอวี๋ “…”
พวกเขาได้แต่พ่นไฟกับมาตรฐานของน้องสาว
แต่พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? ใครใช้ให้เธอมาเป็นน้องสาวของพวกเขา
พอถึงตอนบ่าย คนจากศูนย์อนุรักษ์ก็มาถึงแล้ว
เมื่ออวี๋ซูหัวเห็นกลุ่มของกู้หนานก็รู้สึกประหลาดใจ
หลังจากแนะนำตัวสั้น ๆ อวี๋ซูหัวก็รีบเร่งสอบถาม
“ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ใครเป็นคนติดต่อผมมาครับ?”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่กู้หนานและคนอื่น ๆ ต้องเป็นคนที่มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าร่างกายแข็งแกร่ง วิ่งได้เร็ว ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่สามารถถ่ายภาพเจ้ายักษ์ขาวในระยะใกล้ ๆ แล้วถอยออกมาได้อย่างปลอดภัยมีครบสามสิบสองส่วนนั้นต้องวิ่งได้เร็วอย่างแน่นอน
เหลียงฉือ “ผมเอง”
อวี๋ซูหัวมองใบหน้าซีดเซียวของเหลียงฉือด้วยความสงสัย เจ้าตัวยังมีหลอดให้อาหารติดอยู่ด้วยซ้ำ
ทำไมดูไม่เหมือนว่าจะสามารถสื่อสารกับโอทิสได้เลย มันจะหนีไปไหม?
ไคน์ “พวกคุณมารับโอทิสเหรอ? ทำไมมาถึงเร็วจัง”
อวี๋ซูหัวพูดภาษารัสเซียไม่ได้ โชคดีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ก่อนจึงเตรียมล่ามมาด้วย
อวี๋ซูหัว “โอทิส?”
ไคน์ “ก็คือเจ้ายักษ์ขาวที่พวกคุณพูดถึงนั่นแหละ พูดตามตรงชื่อนี้ไม่เหมาะกับเขาเลย!”
มุมปากของอวี๋ซูหัวกระตุก เรื่องชื่อเขาจะพูดถึงในภายหลัง ตอนนี้เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้ายักษ์ขาวมากกว่า
“สวัสดีครับ ผมขอพบเจ้ายักษ์ขาว เอ่อ… โอทิสหน่อยได้ไหม?”
ไคน์ “ได้แน่นอน แต่คุณต้องนำของล้ำค่าชิ้นหนึ่งติดตัวไปด้วย มิฉะนั้นคุณจะหาโอทิสไม่เจอ มันซ่อนตัวเก่งมาก เวลาที่ไม่อยากให้ใครพบก็จะไม่มีทางหาตัวมันเจอ”
อวี๋ซูหัวรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินนิสัยที่คุ้นเคยนี้ เขารัวพูดภาษาจีนพลางทำท่าทางประกอบ
“ใช่แล้ว ๆ เจ้ายักษ์ขาวมีนิสัยแบบนี้ มันฉลาดและแข็งแกร่งมาก มันสามารถซ่อนร่างอันใหญ่โตของมันเอาไว้ได้โดยไม่มีใครเห็น อีกอย่างทั้งตัวยังเป็นสีขาว ซ่อนยากมากจริง ๆ แต่มันก็ทำได้”
ทั้งสองไม่เข้าใจคำพูดของกันและกัน แต่พวกเขาก็คุยกันได้อย่างออกรสชาติ แม้ว่าหัวข้อจะวนเวียนอยู่กับโอทิสก็ตาม
รอยยิ้มบาง ๆ แบบมืออาชีพของล่ามที่อยู่ตรงกลางแทบจะเก็บทรงไม่อยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะเก่งมาก แต่การที่คนคนเดียวแปลคำพูดของคนสองคน แถมยังพูดมากแบบนี้ เขาก็เหนื่อยมากเหมือนกัน!