ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 276 ข่าวจากศูนย์อนุรักษ์
บทที่ 276 ข่าวจากศูนย์อนุรักษ์
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…
เหลียงฉือทำการค้นหาข้อมูลติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองสัตว์ป่าที่กำลังตามหาโอทิสอยู่ เขากดเพิ่มเพื่อนก่อนจะส่งรูปเจ้าโอทิสไปให้
ศูนย์อนุรักษ์ภูเขาจ่างไป๋มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองสัตว์ป่า หัวหน้าของศูนย์อนุรักษ์เองก็เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของโอทิส
นามของโอทิสในภูเขาจ่างไป๋คือเจ้ายักษ์ขาว มันช่างเป็นชื่อที่เรียบง่ายและเป็นกันเองมาก
หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ “ยังไม่มีร่องรอยของเจ้ายักษ์ขาวอีกเหรอ?”
“ไม่มี”
อวี๋ซูหัวรู้สึกกระวนกระวายใจมากกว่าใคร เนื่องจากเขาเป็นคนแรกที่เจอเจ้ายักษ์ขาว ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพของมันได้ไม่ชัดเจน แต่เขาก็เฝ้าติดตามมันมามากกว่าสี่ปีได้แล้ว
บางครั้งก็เคยอาศัยกินนอนอยู่ในป่าเกือบสามเดือนเพียงเพื่อจะตามติดชีวิตของเจ้าเสือขาวลึกลับตัวนี้
และในที่สุดเขาก็ได้รับข้อความที่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอด มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามและสง่างามมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาทั้งชีวิต แวบแรกที่ได้เห็นเขาแอบคิดด้วยซ้ำว่านี่คือเจ้าเสือขาวที่หลุดออกมาจากตำนานจีนโบราณ!
ตอนนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เจอเจ้ายักษ์ขาว คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ตามถ่ายภาพของมัน แต่เจ้าเสือขาวกลับรู้ตัวทันสายตาของเขาที่คอยเฝ้ามองมัน ทำให้มันพยายามหลบซ่อนตัวจากสายตาของเขาทุกที
หลังจากนั้นอวี๋ซูหัวก็ไม่เคยได้เฝ้ามองเจ้าเสือขาวในระยะใกล้ชิดอีกเลย ทำได้เพียงมองภาพที่ถ่ายมาได้อย่างพร่ามัวแล้วถอนหายใจอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาได้แต่โกรธตัวเองที่ทำให้เจ้าเสือขาวตัวนี้รู้ตัวก่อน
เนื่องจากการตามหาเจ้ายักษ์ขาวไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนความสนใจไปตามติดชีวิตสัตว์ตัวอื่นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแทน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเฝ้ารอคอยเจ้ายักษ์ขาวอยู่เสมอ หากมีโอกาสอวี๋ซูหัวจะออกไปตามหามันอย่างแน่นอน
ผู้คนในศูนย์อนุรักษ์ได้ข่าวว่ามีเสือขาวที่ตัวใหญ่ยักษ์กว่าบรรดาเสือทั่วไปสองเท่ากำลังอาศัยอยู่ในป่าลึกของภูเขาจ่างไป๋ พวกเขาจึงให้ความสนใจกับมันเป็นอย่างมาก และในที่สุดก็ได้เจอเข้ากับเสือหายากตัวนี้เป็นครั้งแรก
แต่เจ้าเสือขาวตัวนี้หลบซ่อนตัวเก่งมาก แม้จะใช้โดรนในการตามหาที่อยู่ของมันแล้ว แต่ก็จับตัวของมันไม่ได้เลย
และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเองก็ไม่กล้าพอที่จะเข้าไปบุกรุกอาณาเขตของสัตว์ดุร้ายเช่นนี้
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงให้ความสนใจกับมันอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วก็พบเข้ากับความผิดปกติในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยพบเจอร่องรอยของเจ้าเสือขาวแบบปกติ แต่พวกเขากลับรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างที่แปลกไป เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นอาณาเขตของสัตว์ดุร้าย หากมันยังคงอาศัยอยู่ในอาณาเขตนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์ตัวอื่นในหุบเขาจะกล้าเข้าไป
แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว คนในศูนย์อนุรักษ์กลับพบว่าร่องรอยของเจ้าเสือขาวน่าจะหายไปแล้ว
ดูได้จากพฤติกรรมของสัตว์ตัวอื่นที่เริ่มเข้ามาในอาณาเขตแห่งนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนพวกมันไม่แม้แต่จะกล้าเดินเข้ามาเลยสักนิด
อวี๋ซูหัวและคนอื่น ๆ ต่างร้อนรน พวกเขารีบใช้เครื่องมือค้นหาที่ทันสมัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาเพื่อติดตามร่องรอยของเสือขาว แต่หลังจากทำแบบนั้นอยู่หลายเดือน พวกเขาก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่คาดการณ์ได้ยากที่สุดก็คือ พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันย้ายถิ่นฐานหรือประสบเคราะห์ร้ายจนโดนพวกพรานล่าสัตว์ฆ่าตายไปแล้ว
ทุกคนต่างเป็นกังวลใจ กลัวว่ามันจะเป็นอย่างหลัง
พวกพรานล่าสัตว์มักจะเป็นที่จงเกลียดจงชังของศูนย์อนุรักษ์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดความละโมบของผู้คนได้
แต่ถึงแม้ว่าเจ้าเสือขาวจะน่าเกรงขามและแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่มันก็อาจจะจัดการกับอาวุธของคนในสมัยนี้ได้ยาก
“เจ้ายักษ์ขาวจะสบายดีไหมนะ มันเป็นเสือที่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมาเลย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า”
อวี๋ซูหัวมองดูภาพถ่ายของเจ้ายักษ์ขาวพลางบ่นพึมพำออกมา อันที่จริงแล้วเขากำลังหาคำพูดปลอบใจให้กับตัวเองอยู่ต่างหาก
ตามหาอยู่เนิ่นนานจนร่างกายของอวี๋ซูหัวอ่อนแรงและน้ำหนักลดลงไปมาก หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ก็ได้แต่ตบบ่าของเขาเพื่อเป็นการปลอบใจ
“นายต้องหยุดพักสักหน่อยนะ อย่าทำให้ร่างกายของตัวเองแย่ไปกว่านี้เลย”
พวกเขาได้แต่หวังว่าเจ้าเสือขาวตัวนั้นจะไม่เป็นอะไร
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของอวี๋ซูหัวก็มีแจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้นมา ตอนแรกทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เมื่อเพ่งมองดูแล้วดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที
มันเป็นข้อความแจ้งเตือนคำขอเป็นเพื่อน แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
[ฉันรู้ว่าเจ้ายักษ์ขาวอยู่ที่ไหน]
เป็นประโยคเพียงไม่กี่คำเท่านั้น แต่กลับทำให้อวี๋ซูหัวรู้สึกเหมือนหลุดพ้น เขารีบปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว แล้วรีบตอบรับคำขอเป็นเพื่อนในทันที
หลังจากที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันแล้ว อวี๋ซูหัวก็อดใจรอที่จะถามแทบไม่ไหว
อวี๋ซูหัว [คุณเป็นใคร รู้เหรอว่าเจ้ายักษ์ขาวอยู่ที่ไหน รู้จริงเหรอ?!]
วังเจิ้งขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ยังไง คนที่รู้จักเจ้ายักษ์ขาวมีแค่พวกเรากับเจ้าหน้าที่ในนี้เท่านั้น ขนาดเราที่มีเทคโนโลยีเยอะแยะยังหาตัวมันไม่เจอเลย แล้วพวกเขาจะหามันเจอได้ยังไง มาหลอกกันหรือเปล่า”
ทันทีที่วังเจิ้งพูดจบ เขาก็ได้รับข้อความพร้อมกับรูปถ่ายเพียงไม่กี่รูปที่ส่งกลับมา
ในภาพนั้นเป็นเสือขาวที่สูงใหญ่สง่างามกำลังยืนอยู่ห่างเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น ดวงตาสีทองอร่ามคู่นั้นให้ความยิ่งใหญ่ดุจดั่งราชัน จ้องมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่าเป็นเพียงมดตัวน้อย
อวี๋ซูหัวรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง ในขณะที่วังเจิ้งเองก็พยายามสูดอากาศหายใจ เขาหยิบแว่นสายตายาวของตัวเองออกมาสวมแล้วมองดูภาพนั้นอย่างละเอียด
“นี่… นี่มัน…”
น้ำเสียงของเขาสั่นเทา มองไปที่อวี๋ซูหัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำการศึกษาพฤติกรรมของเจ้ายักษ์ขาว แถมยังเป็นคนเดียวที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเสือตัวนี้ดีที่สุดด้วย
อวี๋ซูหัวไม่ยอมเสียเวลาพูดคุยกับหัวหน้าเลยด้วยซ้ำ แววตาของเขาที่จากเดิมหม่นหมองพลันสดใสขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาฉายแววคาดหวังตอนที่มองไปยังภาพถ่ายของเจ้าเสือขาวตัวนั้น
“สีขาวหิมะ แซมลวดลายสีดำสวยงามประปราย ฉันจำมันได้ ลายบนหัวของมันจะเหมือนตัวอักษร ‘หวัง’ (王) รูปร่างดูกำยำ ดวงตาสีเหลืองทองใหญ่โต เหมือนพระอาทิตย์สองดวง….”
หลังจากตรวจสอบและยืนยันตัวตนของมันแล้ว อวี๋ซูหัวก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น มือที่จับโทรศัพท์พลันสั่นไหวขึ้นมา
“ไม่ผิดแน่ครับหัวหน้า นี่เป็นเจ้ายักษ์ขาวไม่ผิดแน่!”
วังเจิ้งเองก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่เขากลับสงบนิ่งมากกว่า
“อวี๋ซูหัว นายใจเย็นก่อน ถ้าเรื่องนี้มันจริงละก็ แล้วคนที่ส่งมาให้นี้คือใครกันล่ะ? แล้วภาพนี้ก็ถ่ายใกล้มากด้วย มันเป็นไปไม่เลยถ้าดูจากนิสัยของเจ้ายักษ์ขาวน่ะ”
จริงด้วย…
อวี๋ซูหัวตื่นขึ้นจากความฝันหลังจากโดนน้ำเย็นสาดเข้าอย่างจัง
“ขอถามก่อนว่าเขาคือใคร”
ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกคนต่างโล่งอกที่ได้รับรู้ข่าวของเสือขาว แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่อีกฝั่งต้องการอะไร
ศูนย์อนุรักษ์ภูเขาจ่างไป๋ อวี๋ซูหัว [ขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นใคร ได้รูปพวกนี้มาได้ยังไง?]
ด้วยความที่กลัวว่าคำพูดคำจาของตัวเองจะห้วนเกินไป หลังจากที่พิมพ์แล้วอวี๋ซูหัวก็พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะกดส่งออกไป
หากว่าอีกฝ่ายรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้วไม่ยอมบอกรายละเอียดกับเขามันคงแย่มากแน่
[รูปเพิ่งถ่ายตอนนี้เอง เจ้านี่อยู่ในอุทยานของไคน์ เบล์ค ในเมืองซี ประเทศรัสเซีย เรากำลังรอพบพวกคุณอยู่ที่นี่ ช่วยมาพามันกลับบ้านหน่อย]
ดวงตาของอวี๋ซูหัวเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทำไมมันถึงไปโผล่ที่ต่างประเทศได้!
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้ายักษ์ขาวจะไปได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นราชันแห่งสัตว์ร้าย แต่มันไปโผล่ต่างประเทศได้อย่างไร!
มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นตอนนี้ เขาคิดว่าเจ้ายักษ์ขาวอาจถูกพวกนักล่าจับตัวไป!
วังเจิ้ง “รีบเช็กประวัติไคน์ เบล์คคนนี้สิ!”
ขณะที่ตรวจสอบข้อมูลของไคน์ ผู้เป็นหัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ก็ได้ยื่นเรื่องส่งคำขอไปปฏิบัติงานที่ต่างประเทศ เพื่อพาเจ้ายักษ์ขาวกลับมา!
แน่นอนว่าเรื่องนี้จะบุ่มบ่ามไม่ได้ และต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเจ้าเสือขาวตัวนี้มันใช่เสือตัวเดียวกันกับตัวที่อยู่ในภูเขาจ่างไป๋หรือไม่
สุดท้ายแล้ว อวี๋ซูหัวที่รู้จักเจ้ายักษ์ขาวตัวนี้ดีที่สุดก็ยืนยัน ทำให้ต้องนำเจ้าหน้าที่บางส่วนจากศูนย์อนุรักษ์ไปปฏิบัติงานที่รัสเซียภายใต้การรับรองจากรัฐ