ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 275 โอทิสวิ่งหนี
บทที่ 275 โอทิสวิ่งหนี
หนวนหน่วนกังวลว่าขนมที่เอามาจะพอสำหรับแลกน้ำผึ้งหรือเปล่า ถ้าไม่พอแล้วจะทำอย่างไร?
เมื่อเห็นใบหน้ายับยู่กังวลใจของเธอ ดวงตาอันแสนเย็นชาของกู้หนานก็ฉายแววยิ้มออกมาทันที
เขาลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือก่อนจะพูดขึ้น “พอแล้ว”
เขาเองก็ไม่อยากให้หนวนหน่วนต้องไปเสี่ยงอันตรายกับพวกผึ้งที่อยู่รวมกันเป็นฝูงหรอก ยิ่งไม่มีอะไรสวมใส่ป้องกันด้วยแล้ว ถ้าโดนผึ้งต่อยขึ้นมาคงขำกันไม่ออกแน่นอน
ถึงแม้ว่าหนวนหน่วนจะมีเสน่ห์ดึงดูดต่อสัตว์มากอย่างหาเหตุผลไม่ได้ แต่ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะ…
“นั่นสิ พอแล้วละ หนวนหน่วนเองก็เลี้ยงผึ้งเอาไว้ในฟาร์มไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มันคงผลิตน้ำผึ้งได้เยอะแล้ว ไปเอาในฟาร์มก็ได้”
ทุกคนต่างไม่อยากให้หนวนหน่วนเข้าไปเสี่ยงอีก
เด็กหญิงทำได้เพียงจำใจยอมแพ้ ได้แต่มองดูน้ำผึ้งที่เหลือด้วยความหวงแหน
“ถ้าอย่างนั้นพวกที่เหลือนี่ก็เก็บไว้ให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ แล้วก็พี่อาหนานละกันนะคะ”
เหลียงฉือจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังวางแผนแจกจ่ายน้ำผึ้งให้เขาอย่างจริงจัง ราวกับมีกระแสน้ำอุ่นพัดผ่านประโลมจิตใจ มันชะล้างความเจ็บปวดไปหมดสิ้น
“พี่อาหนานคะ เราไปเดินสำรวจหุบเขานี้กันเถอะ เอามงกุฎดอกไม้ไหมคะ เดี๋ยวหนวนหน่วนทำให้อันหนึ่ง”
หนวนหน่วนนำรังผึ้งทั้งหมดไปยื่นให้พวกพี่ชายของเธอถือเอาไว้ แล้วจับมือเหลียงฉือเดินไป พลางพูดเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะจับเข้าที่มงกุฎดอกไม้บนหัวของเธอ
“โอทิสเองก็มีแล้วอันหนึ่ง”
โอทิสที่กำลังเลียอุ้งเท้าของตัวเองมองเหลียงฉือที่อยู่ข้าง ๆ
เจ้าสองขาอ่อนแอ
ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าลูกหมีนี่ถึงชอบอยู่ใกล้เจ้าสองขาอ่อนแอพวกนี้นะ
“โอเค”
เหลียงฉือพยักหน้าลงพลางเดินไปพร้อมกับเด็กหญิงท่ามกลางสวนดอกไม้ เขาต้องการใช้เวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่กับหนวนหน่วน เพราะมันทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
“ถ้างั้นรอแป๊บหนึ่งนะคะ หนูขอไปเก็บดอกไม้ก่อน”
หลังจากพูดจบ เด็กหญิงก็กระโดดโลดเต้นออกไปราวกับกระต่าย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินมาพร้อมกับวัสดุที่ใช้ทำมงกุฎดอกไม้
“พี่อาหนานรอก่อนนะคะ”
ถึงแม้ว่านิ้วของหนวนหน่วนจะทั้งเล็กสั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความว่องไวของเธอที่กำลังร้อยดอกไม้ช้าลงเลย เพราะมีประสบการณ์จากสองอันก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้เธอร้อยให้เหลียงฉือได้อย่างรวดเร็ว
“พี่อาหนานก้มลงมาหน่อยค่ะ”
หลังจากที่ร้อยมงกุฎเสร็จแล้ว เธอก็เขย่งปลายเท้าแล้วสวมให้เขา
แต่เธอยังตัวเตี้ยไป แม้จะเขย่งปลายเท้าแล้วก็ยังไม่ถึงอยู่ดี
เมื่อไหร่เธอจะโตแล้วสูงมากขึ้นกว่านี้สักทีนะ
เหลียงฉือไม่ได้ก้มลง แต่กลับย่อตัวลงให้เธอแทน
โดยพื้นฐานแล้วรูปร่างหน้าตาของเขาได้มาจากแม่ผู้น่าสงสาร ใบหน้าของเขาจึงดูอ่อนโยนและดูดีมาก แต่กลับถูกแต่งแต้มไปด้วยอารมณ์เศร้าหมอง
ประกอบเข้ากับผิวสีซีดของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนแวมไพร์จากตำนานทางฝั่งยุโรปที่ชอบอาศัยอยู่ในความมืด
ด้วยความบังเอิญ ดอกไม้ที่หนวนหน่วนไปเก็บมานั้นเป็นสีแดง มันจึงค่อนข้างตัดกับสีผิวของเขาเป็นอย่างมาก ช่างดูสะดุดตาราวกับว่าเส้นทางการเติบโตของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยเลือด
เมื่อมองดูแล้ว คนอย่างเหลียงฉือก็มีความงดงามที่แปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะ
“ดูดีมากเลย!”
เป็นเพราะว่าเด็กน้อยยังไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร แต่โดยรวมแล้วมันดูดีมาก
มุมปากของเหลียงฉือยกขึ้นอย่างช้า ๆ เขาสวมกอดเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ในอ้อมแขน
“ขอบคุณนะ”
ชายหนุ่มแทบจะดูดกลืนทุกอย่างที่เป็นคนตัวเล็ก ทั้งอุณหภูมิและกลิ่นกายของเธอ เขาอยากจะประทับเอาไว้ในความทรงจำ ตนจะได้ไม่ลืมเลือน
หนวนหน่วนเองก็กอดกลับพลางซบหน้าลงในอ้อมกอด “พี่อาหนาน ต้องมีความสุขมาก ๆ นะคะ”
เมื่อเห็นว่าพี่อาหนานของเธอผอมมาก จมูกของหนวนหน่วนก็เริ่มแสบขึ้นมาอย่างเศร้าใจ
เธอไม่กล้าเอ่ยพูดว่าพี่ต้องมีอายุยืนให้มากกว่านี้นะ เธอกลัวว่าจะเป็นการกดดันเขา ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดบอกให้เขามีความสุขในทุกวันต่อจากนี้ไป
“ได้สิ”
เหลียงฉือตอบกลับอย่างช้า ๆ
กู้หนานและคนอื่น ๆ ต่างพากันยืนดูอยู่ห่าง ๆ ไม่รบกวนทั้งสอง
ทันใดนั้น…
“พวกพี่อยากได้มงกุฎดอกไม้ไหมคะ?” หลังจากกอดกับเหลียงฉือเสร็จแล้ว หนวนหน่วนก็หันมามองพวกพี่ชายของเธอ
พี่ชายทุกคน “…”
พูดกันอย่างพร้อมเพรียง “ไม่เอา”
หนวนหน่วนเสียดาย มงกุฎที่เธอร้อยนั้นออกจะสวยงาม แต่พี่ชายกลับไม่ต้องการซะอย่างนั้น
ไม่เข้าใจเลย
“พี่อาหนาน อยากลองจับโอทิสไหม? ขนมันนุ่มมากเลยนะคะ”
โอทิส “?”
มันมองดูเด็กน้อยอย่างระแวดระวังก่อนจะแอบก้าวถอยหลังออกมา
เฮอะ จะมีใครหน้าไหนกล้าจับมัน
“โอทิส เอาผลไม้ไหม?”
โอทิส : หยุดนิ่ง.jpg
“ถ้าอย่างนั้นยังอยากกินน้ำผึ้งอยู่ไหม? เอ๊ะ ถ้ากลับไปแล้วเอาแตงโมให้ดีไหมนะ?”
ชิ คิดว่า ‘ราชาแห่งสัตว์ร้าย’ จะโดนล่อซื้อด้วยของเล็กของน้อยแบบนี้งั้นเหรอ?
“แล้วก็มีหมูแผ่นด้วยน้า อากาศร้อน ๆ แบบนี้ถ้าได้กินแตงโมทุกวันก็ดีสิเนอะ?”
หูของโอทิสกระดิก รู้สึกใจอ่อนระทวยอย่างน่าละอายจริง ๆ
“โอทิส~”
เฮ้อ เอาเถอะ ใครใช้ให้เจ้าเด็กนี่ออดอ้อนขนาดนี้กันล่ะ
ในที่สุดโอทิสก็เงยหน้าขึ้นมองเหลียงฉือด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
เหลียงฉือ “…”
อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะสัมผัสขนของมันเลยสักนิด
แต่หนวนหน่วนดันเกลี้ยกล่อมมันอยู่เนิ่นนาน แถมยังมี ‘ข้อตกลงอันไม่เท่าเทียม’ นี้อีก เหลียงฉือรู้สึกได้ทันทีว่าหนวนหน่วนคงเสียใจมากแน่ หากเขาไม่ยอมจับต้องเสือตัวนี้
สุดท้ายแล้ว เมื่อโอทิสยอมทำสีหน้าประหนึ่งว่า ‘ยอมให้แตะก็ได้’ เหลียงฉือจึงยื่นมือเข้าไปสัมผัสตรงแถวหน้าท้องของมันด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
ขนเสือหนานุ่มมาก มันให้ความรู้สึกดี เหมือนจะติดใจขึ้นมาแล้วสิ
ลองจับอีกครั้งดีกว่า
หลังจากจับไปสามครั้ง โอทิสก็รู้สึกหงุดหงิด
“โฮก!”
‘เจ้านี่ ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ เลย!’
เหลียงฉือกระแอมไอเบา ๆ แล้วแสร้งทำมองไม่เห็นก่อนจะเดินออกไป
“โอ้ ที่รัก ฉันก็อยากลองแตะนายดูสักครั้งเหมือน–”
ไคน์ผู้ไม่เกรงกลัวความตายถูกเจ้าเสือโอทิสผลักไสไล่ส่งก่อนที่จะได้สัมผัสตัวมันด้วยซ้ำ
เสือใหญ่ : รังเกียจ.jpg
ไคน์รู้สึกเศร้าใจ ราวกับหัวใจจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ
หนวนหน่วนมองเขาอย่างรู้สึกเห็นใจ คุณอาไคน์น่าสงสารจังเลย เดี๋ยวเธอจะหาโอกาสให้เขาได้ลองแตะโอทิสดู
“พวกพี่อยากลองกันไหมคะ?”
โอทิส “!”
นี่ไงว่าแล้ว! พอเอาใจนิดหน่อยก็ล้ำเส้นอีกละ!
กู้อัน “พี่อยาก!”
ราชาแห่งสัตว์ร้ายหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีทันที
โอทิสโอดครวญขณะที่วิ่งหนีไปด้วย เจ้าเด็กนั่น จะตะปบกัดหรือทำอะไรนอกเหนือกว่านี้ก็ไม่ได้ มีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้เท่านั้นก็คือวิ่งหนีและถอยออกมา
“โอทิสอย่าหนีนะ!”
หนวนหน่วนรีบก้าวขาสั้น ๆ วิ่งตามไป “แค่ให้พวกพี่ ๆ กับคุณอาไคน์แตะนิดแตะหน่อยไม่เสียหายอะไรหรอก!”
โอทิสเริ่มวิ่งเร็วขึ้น
ระหว่างทางที่วิ่ง ลมก็พัดกระโชกจนกลีบดอกไม้ปลิวไสว ฝูงผีเสื้อพลันบินกรูกันออกมาเต้นระบำกันถ้วนหน้า หุบเขาที่แต่เดิมเคยเงียบสงบก็ดูมีสีสันขึ้นมา
เมื่อจับตัวของมันได้แล้ว หนวนหน่วนก็ทิ้งตัวลงนอนบนท้องของเจ้าโอทิส
“มีข่าวมาจากศูนย์อนุรักษ์”
เหลียงฉือวุ่นกับโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะยื่นให้ทุกคนได้ดูข้อความที่เขาได้รับมาจากศูนย์อนุรักษ์