ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 270 โอทิสยังแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าพี่อีก
บทที่ 270 โอทิสยังแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าพี่อีก
เด็กหญิงออกเดินทางมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็ก ข้างในเต็มไปด้วยเนื้อแห้ง ขนม และผลไม้ต่าง ๆ ที่เอาไว้ให้พวกสัตว์กิน
ทุกอย่างยกเว้นขนมของเธอ มีไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์พวกนี้ทั้งหมดเลย ไคน์เองก็ชื่นชอบเจ้าพวกเสือยักษ์ตัวใหญ่นี้มาก จะไม่มีอาหารสำหรับพวกเขาติดตัวมาด้วยได้อย่างไรล่ะ
หนวนหน่วนหยิบออกมาแกะแล้วเริ่มป้อนให้ไอริส
“ไอริส ถ้าแกรับปาก ฉันจะให้กินเลยนะ” เธอพูดคุยกับเจ้าเหมียวยักษ์สีดำตัวใหญ่ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เจ้าเหมียวตัวใหญ่จ้องไปยังเนื้อแห้งที่เด็กหญิงกำลังจะป้อนเข้าปาก มันหาวขึ้นอย่างเกียจคร้าน หลังจากนั้นก็อ้าปากแล้วยอมกินเนื้อแห้งนั้นเข้าไป
หนวนหน่วนยกยิ้มขึ้นแล้วลูบหัวของมัน
“พี่ใหญ่ อยากลองจับไหมคะ?”
เมื่อเห็นดวงตาของเด็กหญิงที่เป็นประกาย กู้หนานก็นิ่งเงียบไปประมาณสองวินาทีก่อนจะพยักหน้า คนตัวเล็กจึงจับมือของเขาไปวางลงบนหลังของเจ้าเหมียวตัวใหญ่อย่างระมัดระวัง
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ไอริสอย่างกระวนกระวายใจเพราะอยากรู้ท่าทีของมัน โชคดีที่มันแค่ปรายตามองพวกเขาแล้วกินของที่หนวนหน่วนป้อนให้ด้วยความตั้งใจ
ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก เห็นแบบนั้นแล้วก็ถือว่าไม่เลวเลย
ในฐานะนักล่าที่อยู่คนเดียวตามลำพัง ปกติแล้วไอริสจะไม่ชอบเข้าใกล้คนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ แต่เหมือนตอนนี้มันจะสันหลังยาวแล้ว
มันค่อนข้างอารมณ์ดี ในขณะที่กำลังกินอาหารที่หนวนหน่วนป้อนให้
คางของมันก็ถูกเกาไปด้วย ดูไม่ได้กังวลกับพฤติกรรมของคนรอบตัวเลย
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไอริสไม่ได้ขัดขืนแล้ว ทุกคนจึงเข้าไปรุมล้อมมัน
ที่อื่นนั้นล้วนสัมผัสได้ ยกเว้นตรงหน้าท้องและคอที่มันอนุญาตให้หนวนหน่วนแตะได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะตรงบริเวณนั้นเป็นส่วนเปราะบางและอาจเป็นอันตรายจนถึงชีวิตสำหรับมัน
กู้อันวางมือลงบนส่วนหลังของเจ้าไอริส ขนของมันนุ่มลื่นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด
รู้สึกดีชะมัด!
ดวงตาของกู้อันเบิกกว้าง “มันตัวใหญ่มาก ไม่เห็นเหมือนตอนดูในทีวีเลย”
กู้หมิงหลี่ลองจับตรงขาของไอริส “แข็งแรงมากเลยแฮะ”
ทุกคนถ่ายรูปไอริสเก็บเอาไว้ได้ไม่น้อย เจ้าเสือดำที่กำลังจดจ่ออยู่กับการกินขนมที่เด็กหญิงเป็นคนป้อนรู้สึกหงุดหงิดหลังจากที่โดนคนอื่นสัมผัสมาช่วงหนึ่ง มันลุกขึ้นยืน สะบัดขนไปมาก่อนจะขดตัวนอนหมอบลงตรงหน้าหนวนหน่วนเหมือนเดิม จากนั้นก็ใช้ร่างอันอ่อนนุ่มถูไถเข้ากับเด็กหญิงแล้วส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเหมือนแมว
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้อยากให้คนอื่นมาแตะ เจ้าเสือดำตัวนี้ยังพอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
ทุกคนต่างต้องดึงมือกลับอย่างนึกเสียดาย
กู้หมิงหลี่ “อยากลองเลี้ยงสักตัวบ้าง”
เขาชอบสีดำ เลยชื่นชอบเจ้าเสือตัวนี้มากเป็นพิเศษ
“ไอริส อยากหวีขนหน่อยไหม?”
หนวนหน่วนโน้มตัวลงมาข้างหูของไอริสแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็หยิบหวีอันเล็กออกมา
แน่นอนว่าไอริสไม่ได้เข้าใจสิ่งที่หนวนหน่วนพูดอยู่แล้ว แต่มันก็มองหวีในมือของเด็กหญิงแล้วยื่นหัวเข้าไปใกล้ หนวนหน่วนเลยได้หวีขนบนหัวของมันอย่างตั้งใจตั้งแต่หน้าผากจรดท้ายทอย
สบายมากเลย!
ไอริสยัดเยียดร่างปุกปุยเข้าไปในอ้อมแขนของหนวนหน่วน ก่อนจะใช้อุ้งเท้าดึงมือของเธอเข้ามา คำรามเป็นเชิงบอกว่าให้ทำอีกครั้ง
หนวนหน่วนเข้าใจได้ คราวนี้เธอเริ่มหวีจากหัวจรดหาง
แต่เพราะเจ้าเหมียวตัวใหญ่มาก เธอจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหวีให้จนทั่วได้
หลังจากหวีขนตรงหลังให้มันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็พลิกตัวนอนหงายเผยให้เห็นหน้าท้อง ก่อนจะใช้อุ้งเท้าทั้งสองข้างจับมือของหนวนหน่วนแล้วดึงไปวางบนท้องของมัน
ไคน์ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“ไอริส แกไม่เคยโชว์พุงให้ฉันเห็นมาก่อนเลย ฉันเลี้ยงแกมาก็นานนะ!”
“ฉันเองก็หวีขนให้แกได้เหมือนกันแหละ!”
น่าเสียดายที่ไอริสไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
กู้หมิงหลี่จับขาของมันแล้วถอนหายใจด้วยความขมขื่น “เป็นคนตระกูลกู้เหมือนกันแท้ ๆ แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นบ้างไม่ได้นะ”
ความสามารถแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน เขาเองก็อยากจะเล่นกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่เวลาเข้าไปในป่าเหมือนกันนะ
กู้หมิงอวี๋ปรายตามอง “เพ้อเจ้ออะไรอยู่?
พระเจ้ารักน้องสาวของพวกเขามากเลย แล้วทำไมถึงไม่รักพี่ชายคนนี้บ้างนะ
เมื่อรถขับเคลื่อนเข้าไปใกล้อาณาเขตของโอทิส ไอริสที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการหวีขนก็สูดจมูกฟุดฟิดเพราะได้กลิ่นของเสือตัวใหญ่
มันลุกขึ้นยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดคอชะเง้อมองเข้าไปในอาณาเขตของโอทิสราวกับตื่นตัว
ไอริสรู้ตัวเองดี ถึงแม้ว่าเสือดาวจะเป็นนักล่าที่เร็วที่สุดเวลาจ้องจะตะครุบเหยื่อ แต่ในเรื่องของความแข็งแกร่งนั้น มันก็ยังสู้เสือตัวใหญ่ยักษ์ไม่ได้อย่างแน่นอน
และตัวที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เสือธรรมดา ๆ อีกด้วย
ถ้าหากว่าต้องต่อสู้กันละก็มันคงเสียเปรียบแน่นอน แถมเจ้านี่ยังขี้อิจฉาและตามแค้นอีกด้วย มันเองก็ไม่เคยเข้ามาถึงที่ตรงนี้มาก่อน
“โฮก~”
มันใช้หัวของมันถูไถเข้ากับมือของหนวนหน่วน กระโดดลงจากรถแล้ววิ่งห่างออกไป
มันไม่อยากเจอเจ้าเสือแข็งแกร่งตัวนั้น ถ้าหากว่ามันมาที่นี่ตอนอาหารในอาณาเขตของมันหมดคงไม่เป็นไร แต่หากเข้ามาตอนที่ยังมีอาหารสมบูรณ์อยู่แล้ว มันคงโดนกัดทึ้งเป็นแน่
“โฮก”
หลังจากที่ไอริสลงจากรถไปแล้ว มันก็หันกลับมาแล้วร้องเรียกเด็กหญิงที่อยู่บนรถ
หนวนหน่วนที่นั่งอยู่บนท้ายกระบะรีบโบกมือให้มัน
“บ๊ายบายนะไอริส”
ไอริสสะบัดตัวของมันไปมาแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางสง่างามประหนึ่งว่าเดินแค็ตวอล์ก
ถึงจะคาดหวังว่าอาจได้เจอกันอีก แต่ก็คงจะไม่ได้เจอแล้วแน่ ๆ กู้หมิงหลี่มองกลับไปอย่างนึกเสียใจ
แต่เมื่อได้มองดูภาพถ่ายแล้วมันก็น่าพอใจมากเลยทีเดียว
“นี่เป็นอาณาเขตของโอทิส ไอริสมันฉลาดมากเลยที่หลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าเสือตัวใหญ่นั่น เพื่อตัวเองจะได้ไม่บาดเจ็บ”
ไคน์เอ่ย บอกเป็นนัยว่าตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาสู่อาณาเขตของโอทิสแล้ว
อาณาเขตของโอทิสนั้นกว้างขวางมาก หลังจากขับรถมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงคำรามของเสือดังสนั่นขึ้นมา
นกที่อยู่ในป่าต่างตื่นตระหนก นอกจากนี้พวกเขายังเห็นสัตว์อื่น ๆ บางตัวรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นแค่เสียงคำรามของเจ้าโอทิสเท่านั้น แต่กลับทรงพลังมากเลย
ไคน์โบกมือไปมาอย่างตื่นเต้น “เสียงคำรามของโอทิสน่าเกรงขามมาก!”
แต่หลังจากเสียงคำรามนั้นดังขึ้นมาแล้ว ทุกคนก็ยังหาโอทิสไม่เจออยู่ดี
“มันไปอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ใช่ว่ามันซ่อนตัวอยู่เหรอ คงไม่อยากให้คนมาเห็นมั้ง”
ไคน์ “ซ่อนเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้านี่จะไม่ซ่อนตัวกับคนที่มารุกล้ำอาณาเขตของมันหรอก มันจะฆ่าเท่านั้น”
“เสียงของมันดังมาจากแถวนี้นี่นา”
ทุกคนต่างลงจากรถแล้วพูดคุยกัน ในตอนนั้นเองกู้หนานก็ได้ยินเสียงลมหายใจของบางอย่างดังขึ้นเหนือศีรษะ
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบเข้ากับดวงตาสีทองอร่ามของโอทิส
โอทิส ‘แกนี่มันเป็นสัตว์ประเภทไหนกัน!’
กู้หนาน “…”
ไป๋โม่ซูเองก็สังเกตเห็นแล้ว หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ต่างก็มองเห็นเช่นกัน
กู้หมิงหลี่ “แม่เจ้า! มันปีนขึ้นไปได้ยังไงน่ะ ตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่กลัวกิ่งไม้หักเหรอ!”
เรือนร่างอันใหญ่ยักษ์ของโอทิสนอนพาดอยู่บนกิ่งไม้จำนวนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักนิด
หากผู้คนที่อยู่ใต้ต้นไม้นี้ไม่ทันระวัง คงโดนมันจู่โจมไปแล้ว
หนวนหน่วน “โอทิส!”
เจ้าเสือขาวที่ยังคงนอนพาดอยู่บนกิ่งไม้จ้องมองลงไปยังผู้คนที่ยืนอยู่ข้างล่าง มันมองไปที่คนอื่นด้วยแววตาเฉยชา ก่อนจะสบตาเข้ากับหนวนหน่วนในที่สุด
“โฮกก”
มันกดเสียงคำรามต่ำ แต่ก็ยังไม่ลงมา
กู้หมิงอวี๋พึมพำ “เสือปีนต้นไม้ได้ด้วยเหรอ?”
เสือตัวนี้มันแตกต่างจากเสือตัวอื่นจริง ๆ ด้วย
นอกจากนี้มันยังนอนหยิ่งอยู่บนต้นไม้ไม่ยอมลงมาด้วย มันทำเพียงแค่ปรายตามองผู้คนที่อยู่ใต้ต้นไม้ด้วยสายตาเหยียด ๆ พลางสะบัดกวัดแกว่งหางไปมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าเสือตัวนี่แสดงท่าทางแบบนี้ออกมาได้อย่างไร
กู้เป่ยยกยิ้มขึ้น “พี่ใหญ่ โอทิสยังแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าพี่อีกนะ”
กู้หนาน “…ก็เห็นอยู่”