ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 269 ไอริสมาแล้ว
บทที่ 269 ไอริสมาแล้ว
โอทิสถูกพามาโดยผู้ลักลอบล่าสัตว์ แต่เป็นเพราะว่าร่างกายของมันแข็งแรงมาก ต่อให้โดนยาสลบและบาดเจ็บสาหัสมากแค่ไหน มันก็ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วแล้วหนีมาอาศัยอยู่ในอุทยานของไคน์ได้สำเร็จ
ครอบครัวของไคน์เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ ส่วนชายที่ต้องการจับโอทิสเป็นเพียงแค่คนธรรมดาสามัญทั่วไป เขาจึงไม่กล้าที่จะตอแยกับไคน์และยอมแพ้ไปในที่สุด
เพราะรู้ดีว่าไคน์เป็นคนรักสัตว์และเกลียดการลักลอบล่าสัตว์แบบนี้มาก เขาจึงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนต่อหน้าไคน์ แต่สุดท้ายแล้วไคน์ก็รู้เข้าและได้ส่งคนไปเล่นงานเขา
เมื่อไคน์ได้รู้ว่าโอทิสมาจากจงโจว เขาก็ทั้งรู้สึกผิดหวังและดีใจผสมปนเปกันไป
เขาเป็นคนที่ชื่นชอบสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะหวังให้โอทิสอยู่กับเขาตลอดไป แต่สุดท้ายแล้วเขาเองก็ต้องการให้มันมีความสุขและได้ใช้ชีวิตตามแบบของมันเองดีกว่า
ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงไม่คิดที่จะปล่อยให้หมาป่าหิมะทั้งสามตัวที่เลี้ยงมาเองกับมือได้เข้าไปผจญภัยในป่าเพื่อท่องโลกกว้างหรอก
“ฉันก็กะจะส่งโอทิสกลับหลังมันหายดีแล้วนั่นแหละ แต่ฉันจะพามันกลับไปยังไงดี?”
ไป๋โม่ซูขมวดคิ้วทำหน้าประหลาดใจ “คุณยอมให้โอทิสกลับไปเหรอ?”
ไคน์ผายมือออกแล้วยักไหล่ขึ้น “ฉันครอบครองโอทิสไม่ได้หรอก มันเป็นเจ้าตัวเอง ต่อให้มันไม่ยอมกลับไปที่จงโจวแต่คนอย่างฉันก็ไม่มีความสามารถจะเลี้ยงมันได้หรอก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็อยากให้มันได้กลับไปอยู่ในที่ของมันเองมากกว่าอีก เพราะทุกอย่างที่นี่มันคือสถานที่ต่างถิ่นสำหรับมัน”
จู่ ๆ ไคน์ก็จริงจังขึ้นมา
ทุกคนต่างมองเขาด้วยความแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าคนเลินเล่ออย่างไคน์จะจริงจังขึ้นมาได้
“ถ้าคุณไม่ขัดข้องละก็ เราจะแจ้งข่าวไปให้ศูนย์อนุรักษ์ภูเขาจ่างไป๋ได้ทราบถึงเรื่องนี้แล้วพาโอทิสกลับไป”
ไคน์ “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ฉันขอถ่ายรูปเจ้าโอทิสไว้เยอะ ๆ กว่านี้ก่อนได้ไหม?”
เขาจ้องมองหนวนหน่วนอย่างเต็มไปด้วยความหวัง แน่นอนว่าเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับเด็กหญิงผู้มีเสน่ห์ดึงดูดสัตว์ด้วยอยู่แล้ว
หลังจากนั้นไป๋โม่ซูก็แปลคำพูดของไคน์ และแน่นอนว่าเด็กหญิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แน่นอนค่ะ พวกเราจะได้มีรูปที่ถ่ายกับโอทิสด้วย!”
เด็กหญิงยกยิ้มอ่อนโยน ลักยิ้มทั้งสองข้างปรากฏขึ้นบนมุมปาก
“ปรากฏว่าโอทิสเป็นเสือที่มาจากประเทศของเรานี่เอง”
ไป๋โม่ซู “มันน่าจะเป็นเสือไซบีเรียนะ”
เพราะใบหน้าของมันค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า
ตอนนี้พวกเขาต่างนั่งกันอยู่บนท้ายกระบะรถออฟโรด แน่นอนว่าการนั่งอยู่ตรงท้ายกระบะทำให้ทุกคนได้พูดคุยกันและชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไปด้วย
นอกจากนี้ บนรถยังเต็มไปด้วยกลุ่มชายหล่อและเด็กหญิงแสนน่ารัก แต่ละคนดูอารมณ์ดีเกินบรรยาย ยกระดับรถคันนี้เพิ่มขึ้นไปอีก
“นั่นอะไรน่ะ?”
กู้หนานจ้องมองไป ก่อนจะมองเห็นอะไรบางอย่างราวกับเงาดำในป่า
ไคน์ “หืม??”
กู้หนาน “เงาสีดำนั่น”
ทันทีที่พูดจบ เงาดำก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว มันปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างง่ายดาย ก่อนจะย่อตัวนั่งลงบนกิ่งไม้สูง แล้วใช้ดวงตาสีเขียวมรกตก้มมองลงมายังพวกเขา
“อ้อ! นั่นเจ้าไอริส!” ไคน์ทักทายเสือดำบนต้นไม้อย่างตื่นเต้น
รถของพวกเขาขับค่อนข้างช้า ไอริสที่อยู่บนต้นไม้เลยกระโดดลงมา
เห็นได้ชัดว่าร่างกายของมันใหญ่โตมาก แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเลยตอนที่เท้าของมันกระโดดลงบนพื้น
นี่เป็นทักษะเฉพาะของเจ้าเหมียวป่า มันเรียนรู้ว่าจะต้องเข้าใกล้เหยื่ออย่างเงียบเชียบเพื่อหวังโจมตี
“ไอริส!”
หนวนหน่วนที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของพี่ใหญ่เอ่ยทักทายเจ้าเสือดำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ไอริสเดินตามรถไปได้ไม่กี่ก้าวก็กระโดดขึ้นมาบนกระบะ พาร่างกายอันใหญ่โตของมันเบียดเสียดขึ้นมาอยู่บนรถ
รถออฟโรดที่แต่เดิมกว้างขวางกลายเป็นคับแคบขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าจะกล้าหาญมากแค่ไหนก็ตาม แต่นี่เป็นการอยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าดุร้ายในระยะประชิดครั้งแรก ดังนั้นจะทำอะไรที่ขาดความยับยั้งชั่งใจไม่ได้
กู้หมิงหลี่และกู้หมิงอวี๋ต่างยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้ไปโดนมัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ไอริสอย่างไม่ลดละ
ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอขี้ขลาดอะไรหรอกนะ ในใจเองก็ชื่นชอบสัตว์ดุร้ายอยู่พอตัว แต่นี่มันตัวใหญ่มาก ถือว่าเป็นอันตรายกับพวกเขา
หลังจากไอริสกระโดดขึ้นไปบนรถแล้ว ทุกคนต่างก็พยายามสูดลมหายใจให้ทั่วท้อง บรรยากาศบนรถจึงเงียบลงไปชั่วขณะ
ไอริสเหยียบลงบนพื้นของตัวรถ ท่าทางการเดินของมันสง่างามเหมือนกับแมวเหมียว แต่ดูขี้หงุดหงิดและดุร้ายกว่านิดหน่อย
นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองคนบนรถ ก่อนจะเดินไปหาหนวนหน่วนแล้วก้มหัวปุกปุยของมันถูไถเข้ากับร่างของเด็กน้อย
นัยน์ตาสีดำของหนวนหน่วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากของเธอยกยิ้มขึ้นจนเผยให้เห็นฟันสีขาวเกลี้ยงเกลา มือขาวแสนนุ่มนิ่มลูบไล้ลงบนหัวของเสือดำก่อนจะลูบตรงหน้าท้องของมัน
ตอนเธอลูบหน้าท้องของไอริสมันไม่โกรธเลย นอกจากนี้ยังสะบัดกวัดแกว่งหางไปมาอย่างชอบใจด้วย
เนื่องจากว่าตัวของมันค่อนข้างใหญ่ พอกวัดแกว่งหางแล้วจึงทำให้โดนกู้หมิงหลี่อยู่หลายครั้ง
กู้หมิงหลี่มองหางของเสือดำ รู้สึกคันไม้คันมืออย่างบอกไม่ถูก
ขนหนา ๆ เนียนเรียบบนหางของมันน่าจับมากเลย
“ไอริส พวกพี่ ๆ เป็นญาติของหนวนหน่วนเอง เป็นพี่ชายของฉัน เดี๋ยวจะแนะนำให้ฟังนะ”
เด็กหญิงเริ่มแนะนำพี่ชายของเธอไปทีละคนในขณะที่มือยังคงสัมผัสหูของไอริสอยู่ ส่วนมันจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดไหม แน่นอนว่าเด็กหญิงไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
เพราะเธอเองก็ไม่ได้แตกฉานในการพูดภาษารัสเซียขนาดนั้น
ไอริสกระดิกหูของมัน หลังจากที่นิ้วของเด็กหญิงสัมผัสเข้าตรงคาง มันก็นอนลงอย่างผ่อนคลายพลางยกหัวขึ้นมาเพื่อให้คางของมันเกยอยู่บนมือของเด็กหญิง มันหรี่ตาลงนิดหน่อยประหนึ่งกำลังเพลิดเพลินใจ
ไอริสชอบเวลาที่หนวนหน่วนเกาคางและลูบไล้ตัวของมันมากที่สุด
หลังจากที่มันทิ้งตัวลงนอน ร่างของมันบางส่วนก็ทับลงบนเท้าของใครหลาย ๆ คน ช่างไม่กลัวอะไรเลยจริง ๆ
ร่างกายของเจ้าเหมียวดูอ่อนนุ่มมาก แม้ว่าทุกส่วนบนเรือนร่างจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แต่ทั้งแขน ขา หน้าท้องและหลังของมันกลับอ่อนนุ่มลงมากเมื่อมันผ่อนคลายทั้งตัว
กู้อันจ้องมองที่ท้องของเจ้าไอริสด้วยสายตาอ้อนวอน ‘อยากลองจับพุงของมันจังเลย!’
แต่เขาก็ไม่กล้าขยับ เพราะกลัวโดนกัด
ทุกคนที่นิ่งเงียบอยู่ : ใครมันจะไม่อยากบ้างล่ะ
กู้หมิงหลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วถ่ายรูปเจ้าเสือดำเอาไว้ แต่ละภาพ ไม่ว่าเขาจะถ่ายอย่างไรก็ให้ความรู้สึกว่าเจ้าเสือตัวนี้ไม่ได้ดุร้ายหรือเป็นอันตรายเลย
ก็แน่นอนอยู่แล้ว เพราะน้องสาวของเขาอยู่ด้วยทั้งคน หากไม่มีหนวนหน่วน เจ้าเสือดำตัวโตนี้คงไม่สนใจพวกเขาหรอก
เขาชื่นชอบเจ้าเสือตัวนี้มาก
หนวนหน่วนลูบหัวไอริสแล้วพูดคุยกับมัน
“ไอริส ให้พวกพี่ชายของฉันจับหน่อยได้ไหม? แล้วหนวนหน่วนจะให้ของกิน”