ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 264 เจ้าโอทิสจอมดื้อรั้น
บทที่ 264 เจ้าโอทิสจอมดื้อรั้น
พูดตามตรง ฉากนี้มันดูน่ากลัวมาก แค่คิดว่ามีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งก็น่ากลัวแทบแย่แล้ว แต่นี่มีกันตั้งสี่ตัวรุมล้อม ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะน่ากลัวขนาดไหน
แต่สำหรับหนวนหน่วนที่โดนรุมล้อมอยู่ในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะเธอเหมือนลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ เธอจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
ทุกคนรอบ ๆ ที่กำลังเฝ้าดูอยู่ต่างตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว
กู้หนานถือปืนเตรียมเอาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปที่บรรดาพวกเสือและหมาป่า อารมณ์และสถานการณ์ในตอนนี้เขาพร้อมลั่นไกได้ทุกเมื่อ
ส่วนไป๋โม่ซูหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาไว้ในมือด้วยท่าทางอันแสนเยือกเย็นพร้อมขมวดคิ้ว
บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดราวกับว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
เหล่าสัตว์ร้ายตัวใหญ่ค่อย ๆ ก้มหัวลงดมกลิ่นของเด็กหญิง
โอทิสสะบัดขนไปมา ดวงตาสีทองจ้องมองหมาป่าหิมะทั้งสามตัวอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
และแล้วฝ่ามือเล็กก็แตะลงบนจมูกของมัน
ฝ่ามือน้อยขาวผ่องของหนวนหน่วนเป็นสิ่งที่พวกมันโปรดปรานมากที่สุด หนวนหน่วนแตะจมูกสีดำคล้ำของเจ้าโอทิส
“โอทิส เป็นเด็กดีนะ อย่าตีกันเลย”
เสียงของเด็กหญิงนุ่มนวลอ่อนโยนประหนึ่งว่ากำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก
เสือขาวคำรามด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ก่อนจะสะบัดขนเชิดคอขึ้นอย่างผู้ชนะ ออร่าความดุร้ายและความน่าเกรงขามของมันกลับหายวับไปในพริบตา
หมาป่าหิมะทั้งสามตัวที่ยืนอยู่ตรงข้ามมันรับรู้ได้ว่าโอทิสใจเย็นลงแล้ว ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะยังตึงเครียดอยู่แต่ก็ลดน้อยลงกว่าเดิมมาก
เสือตัวนี้แข็งแกร่งมากเกินไป สามพี่น้องร่วมมือกันก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ของมันไม่ได้
หนวนหน่วนเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วโอบรอบคอของโอทิส เธอโน้มน้าวมันจนสำเร็จ
หลังจากหว่านล้อมโอทิส เธอก็หันไปพูดปลอบหมาป่าหิมะทั้งสามตัว
แต่แล้วเด็กหญิงก็โดนหิ้วคอลอยขึ้นไป
หนวนหน่วนตัวน้อยที่ลอยขึ้นกลางอากาศ “…”
“โอทิสทำอะไรน่ะ รีบปล่อยหนวนหน่วนลงเลยนะ”
หนวนหน่วนแกว่งขาสั้น ๆ ไปมา โชคดีที่เธอใส่เสื้อค่อนข้างหนาเลยไม่ได้รัดคอเธอจนเกินไป แต่ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
โอทิสไม่ฟัง ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับหนวนหน่วนที่โดนมันคาบอยู่คาปาก
“กรร…”
ทันใดนั้น หมาป่าหิมะทั้งสามตัวก็กระโดดเข้ามาขวางหน้ามันไว้ นัยน์ตาสีฟ้าเย็นยะเยือกฉายแววอาฆาต กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงตัว เตรียมพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
โอทิสมองดูหมาป่าหิมะทั้งสามตัวด้วยแววตาเหยียดหยาม หึ… ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเด็กลูกมนุษย์นี่พวกแกได้ตายกันไปหมดแล้ว กล้าดียังไงมาขวางแบบนี้!
เพียงชั่วครู่เท่านั้น กลิ่นอายความน่าเกรงขามของเจ้าเสือขาวก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณอีกครั้ง
กู้หนานและไป๋โม่ซูยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก พวกเขาจ้องมองพวกมันด้วยสายตาเย็นชา พลางคิดหาวิธีพาหนวนหน่วนกลับมา
กู้อันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะพยายามยืดอกขึ้นทำเป็นเข้มแข็งแล้วขยับไปยืนข้างพวกพี่ชายคนโต
กู้อัน : อยู่ข้างพี่ใหญ่แล้วรู้สึกปลอดภัยจัง
แต่คนอื่นกลับรู้สึกหวาดกลัวจนต้องถอยหลัง
“แกจะทำอะไรน่ะ”
เสียงของหนวนหน่วนที่แทรกขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดลง
“เป็นเด็กดีหน่อย อย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวก็เจ็บตัวกันหมดหรอก”
ถ้าพวกมันแค่เล่นกันแบบขำ ๆ เธอจะไม่สนใจอะไรเลย แต่จากสภาพที่เห็นแล้ว พวกมันพร้อมจะกัดกันแบบเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว
หนวนหน่วนโกรธจัดจนแก้มพองเหมือนปลาปักเป้า
“โอทิสวางฉันลงได้แล้ว!”
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเต็มไปด้วยความโกรธ
เจ้าเสือขาวเองก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของหนวนหน่วน มันวางหนวนหน่วนลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เป็นเด็กดีกว่านี้หน่อยสิ”
หนวนหน่วนยืดตัวตรงเมื่อลงมายืนที่พื่น ก่อนจะเริ่มต่อว่าพวกสัตว์ป่าด้วยใบหน้าเล็ก ๆ อย่างกรุ่นโกรธ
เมื่อเห็นว่าหนวนหน่วนโกรธ โอทิสก็พยายามเข้าไปคลอเคลียถูไถตัวเธอเบา ๆ
มันพยายามออดอ้อนด้วยแรงเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่มันกลับเป็นแรงมหาศาลสำหรับหนวนหน่วน เธอเลยล้มกลิ้งลงไปอย่างง่ายดาย
หนวนหน่วนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะ “…”
โอทิส “…”
มันพยายามดึงเด็กน้อยขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิด
“โอทิสเอาปากไปให้พ้นหนวนหน่วนเลยนะ เปื้อนเลือดไปหมดแล้ว นี่เลือดของริคนี่นา!”
เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที มือเล็กผลักหัวสีขาวขนปุยของมันเป็นเชิงไล่
“ริค นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ เดี๋ยวจะทำแผลให้”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของโอทิสดูตกตะลึงมาก
เหมือนว่ามันจะเข้าใจว่าหนวนหน่วนไม่ชอบมัน แล้วยังไปพันผ้าพันแผลให้หมาป่าหิมะทั้งสามตัวอีก ยิ่งเห็นหมาป่าหิมะพวกนั้นมันก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
แต่ลูกมนุษย์ตัวน้อยกลับไม่อนุญาตให้มันฆ่าเจ้าพวกนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะโกรธเอา
โอทิสไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะว่ามันตัวไม่ใหญ่พออย่างนั้นหรือ? ทำไมเจ้าลูกมนุษย์นี่ถึงหันไปชอบไอ้สามตัวนั้นแทน
เมื่อเห็นว่าหนวนหน่วนไปอยู่ข้างหมาป่าหิมะทั้งสามตัว เจ้าโอทิสจึงค่อย ๆ เชื่อฟังขึ้นมา
หลังจากนั้นหมาป่าหิมะทั้งสามก็เฝ้ามองโอทิสอย่างระแวดระวังในระยะห่างที่พอเหมาะ
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อหนวนหน่วนเริ่มเดินห่างออกไป เจ้าโอทิสก็เดินตามทีละก้าว ๆ ส่วนหมาป่าหิมะทั้งสามตัวต่างก็ก้าวถอยหลังด้วยท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ทุกคน “…”
แต่ที่น่าสงสัยก็คือ ก่อนหน้านี้หมาป่าหิมะทั้งสามตัวกับเสือขาวต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่มันกลับไม่ทำร้ายเด็กหญิงคนนี้เลยสักนิด
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“โอทิส!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้น น้ำเสียงของเด็กหญิงก็ดังขึ้นมา
เด็กหญิงใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามผลักเสือขาวออกไป ด้วยความที่ตัวมันใหญ่เกินไป ยิ่งผลักออกเธอก็ยิ่งหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถดันเจ้าโอทิสให้ออกไปได้
กลายเป็นว่าทำให้ตัวเองเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์
หนวนหน่วน “…”
เมื่อไหร่เธอจะโตสักทีเนี่ย!
“ถอยหลังไปก้าวหนึ่งสิ”
เมื่อไม่สามารถผลักตัวมันออกไปได้ หนวนหน่วนจึงใช้วิธีชี้นิ้วไปยังบริเวณที่ห่างไกล แล้วบอกให้มันเดินไปตรงนั้น
โอทิสกระดิกหู กลอกตาขึ้นแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
เมื่อบอกไปแล้ว แต่เจ้าเสือขาวตัวหนาไม่ยอมขยับไปไหน หนวนหน่วนจึงเดินอ้อมไปดึงหางของมันแทน
“โอทิสเป็นเด็กดีหน่อยได้ไหม หนวนหน่วนขอดูพวกเขาก่อน แค่ดูก็พอแล้ว”
เสือขาวหันหลังไปมองลูกมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังพยายามอย่างสุดตัว และในที่สุดมันก็ยอมลุกขึ้นยืนอย่างเห็นใจ พร้อมถอยหลังให้โดยไม่เต็มใจนัก
หนวนหน่วนยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะจูบใบหน้าของโอทิสเพื่อเป็นรางวัล
“ขอบคุณนะโอทิส”
เสือขาวกระดิกหูพลางสะบัดหางไปมาบนพื้นหิมะ
ในที่สุดก็ปราบเจ้าโอทิสจอมดื้อรั้นได้สักที หนวนหน่วนรีบวิ่งเข้าไปหาหมาป่าหิมะทั้งสามตัวอย่างเร่งรีบ เมื่อเดินเข้าไปถึงก็ถูกหมาป่าหิมะทั้งสามตัวรุมล้อมและเริ่มบรรจงเลียบนใบหน้า
“โฮก!”
โอทิสทำหน้าดุใส่
‘ยังจะมีหน้าทำแบบนั้นอีกเหรอ!’
ใครอนุญาตให้พวกแกเลียหน้าของเธอแบบนั้น
มันวิ่งตรงเข้าไปไม่กี่ก้าวเพื่อคว้าเจ้าตัวเล็กไว้ ก่อนจะใช้อุ้งเท้ากระทืบลงกับพื้นแล้วขู่คำรามใส่หมาป่าหิมะทั้งสามตัว
‘ของฉัน!’
ดูออกเลยว่าอยากจะครอบครองมากเลยละ
หนวนหน่วนที่ถูกกักตัวอยู่ใต้ท้องของเสือขาว “…”
หมาป่าหิมะเตรียมพร้อมจู่โจม ถึงแม้ว่าโอทิสจะแข็งแรงมากเพียงใด แต่พวกหมาป่าหิมะก็แค้นเคืองเป็นเช่นกัน ถ้าไม่ตายก็ไม่ยอม!
“มีเมล็ดแตง*[1] ไหม?”
“มีก็แย่ละ ฉันก็อยากแทะเหมือนกันโชว์ตรงหน้านี้น่าทึ่งมากเลย”
แล้วใครบอกว่าไม่กันล่ะ
ผู้คนสวมเสื้อผ้าหนาเตอะโดยรอบที่รับชมการต่อสู้ของเสือขาวกับหมาป่าทั้งสามตัวอยู่ จู่ ๆ กลับอยากกินเมล็ดแตงขึ้นมาซะได้
ตอนนี้ถึงแม้ว่าเด็กหญิงจะเอามือเข้าไปแหย่ปากสัตว์ร้ายพวกนี้ พวกเขาก็ดูไม่ตื่นตระหนกอีกแล้ว
เด็กหญิงของตระกูลกู้คนนี้เป็นนางฟ้าลงมาจุติหรือไงนะ? ทำไมพวกเสือกับหมาป่าถึงชอบเธอได้ขนาดนี้
ทำไมความเท่าเทียมมันช่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้!
[1] กินเมล็ดแตง เป็นคำสแลงในภาษาจีน หมายถึง แอบเกาะติดสถานการณ์หรือติดตามเรื่องชาวบ้านอยู่ตลอดด้วยความอยากรู้