ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 263 การปะทะกันระหว่างเสือกับหมาป่า
บทที่ 263 การปะทะกันระหว่างเสือกับหมาป่า
ถามจริง ๆ ว่าใครจะกล้าหาญได้ขนาดนี้ นี่เป็นการเจอกับเสือขาวตัวใหญ่แบบนี้ครั้งแรก ทว่าไม่เพียงแต่จะไม่มีความกลัวใด ๆ เลยเท่านั้น ทั้งยังพูดคุยกับมันได้อีก?
ขอถามอีกรอบ ใครมันจะกล้าเข้าหาสัตว์ดุร้ายแบบนี้กัน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ แล้วนี่ยิ่งนอนหลับใต้ท้องมันได้อย่างสบายใจอีก?
กลุ่มคนที่นึกว่าตนจะโดนฆ่าตายในถ้ำนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าหนวนหน่วนจะยังมีชีวิตอยู่ ภายในสมองต่างคิดไปเรื่อยเปื่อย
พวกเขากล้าหาญมากพออยู่หรอก ที่ผ่านมาชีวิตของพวกเขาแขวนไว้บนใบมีด การทำภารกิจหลายต่อหลายครั้งล้วนเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตทั้งนั้น แต่ถึงจะกล้าหาญมากขนาดไหน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเสือตัวใหญ่ยักษ์แบบนั้นหรอก ก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวันเลยนี่นา
ทุกคนต่างได้ยินเสียงของหนวนหน่วน เช่นเดียวกันกับกู้หนาน พอได้ยินเสียงพูดของหนวนหน่วนแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สีหน้ายับยู่อยู่ครู่หนึ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวน้อยผู้แสนเชื่อฟังจะกล้าหาญได้มากขนาดนี้!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นคลิปวิดีโอที่หนวนหน่วนเคยขี่หลังเสือดำและหมาป่าหิมะมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะมันเป็นสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงมาในบ้านยังไงล่ะ
แต่ว่าเจ้าเสือขาวตัวใหญ่ยักษ์นี่… มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ
ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา น้องสาวได้หายวับไปต่อหน้าต่อตาแน่!
พี่ชายคนโตถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ดวงตาสีเข้มยังคงมืดครึ้มอยู่
ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่หนวนหน่วนก็รับรู้ได้เลยว่าพี่ใหญ่กำลังโกรธอยู่
เด็กหญิงหดคอสั้นลงทันที ก่อนจะมองเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสา
เกิดอะไรขึ้นกันนะ เธอพูดอะไรผิดเหรอ
กู้หนานที่เห็นแววตาไร้เดียงสาของหนวนหน่วน “…”
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
กู้หนานพยายามคิดหาคำพูดที่สมเหตุสมผลมาชี้แจง แต่มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่หลุดออกจากปากของเขา นั่นก็คือ “มันอันตราย”
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกไม่ได้ว่ามันอันตรายมากน้อยแค่ไหน
ทั้งที่อยากจะพูดหลายสิ่งหลายอย่างออกไปแท้ ๆ แต่แบบนั้นมันน่าขายหน้าเกินไป
กู้อันมองดูสถานการณ์ไม่ออก เขาเพียงแค่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเจ๋งมาก
เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชายที่กำลังบ่งบอกว่า ‘มันเจ๋งมาก’ กู้หนานก็จ้องมองด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะตบเข้าที่ศีรษะของกู้อัน
“โอ๊ย!”
กู้อันเงยหน้าขึ้น “ตีผมทำไมอะ!”
กู้หนานตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยากต่อยเลยละ”
กู้อัน “…”
ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหม!
กู้หนานไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แค่พูดว่าเพราะกู้อันคิดอะไรโง่ ๆ เลยโดนไปก็เท่านั้น
ไป๋โม่ซูที่ถือกิ่งไม้เอาไว้ในมือโยนมันเข้าไปในกองไฟ จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นด้วยท่วงท่าสง่างาม
“มันอันตรายนะหนวนหน่วน ลองคิดดูสิ สัตว์ทุกตัวไม่ได้เห็นเราเป็นมิตรหรอกนะ เผชิญหน้ากับมันแบบนี้ถือว่าอันตรายมากเลยใช่ไหม?”
หนวนหน่วนเอียงศีรษะครุ่นคิด “แต่ว่า… ถ้ามันอันตรายหนูก็หนีได้”
ถึงแม้ว่าขาของเธอจะสั้นมากก็ตาม…
ทุกคนชะงักไปชั่วขณะ แต่จะว่าอย่างนั้นมันก็… ได้อยู่หรอก
กู้หนานแอบชื่นชมความน่าเอ็นดูของน้องสาวตัวเองภายในใจอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั่งผิงไฟสักพัก พวกเขาก็เก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน ทันใดนั้นก็มีหมาป่าตัวหนึ่งหอนขึ้นมาจากด้านนอกถ้ำ
“บรู๊วววว”
เสียงนั้นทำให้โอทิสรู้สึกว่าถูกยั่วยุ กลิ่นของหมาป่าที่อยู่ด้านนอกโชยมาเตะจมูก ทำให้เจ้าเสือใหญ่รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
น้ำเสียงคำรามของเสือดังก้องไปทั่ว จนทุกคนที่อยู่ในถ้ำรับรู้ได้ถึงความพิโรธของเจ้าป่า
หนวนหน่วนตกใจกับเสียงนี้ สมองของเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
กลิ่นอายที่แสดงถึงความดุร้ายพลันปรากฏ โอทิสวิ่งพรวดออกไปจากถ้ำ
สีหน้าของคนที่ยืนมองอยู่ตรงปากถ้ำค่อนข้างตื่นตระหนก พวกเขารีบเอี้ยวตัวหลบเพื่อหลีกทางให้โอทิสวิ่งผ่านไปได้
“เหวอ! ทริปนี้ขวัญกระเจิงจริง ๆ เลย!”
ระหว่างที่ทุกคนยังคงตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก โอทิสที่วิ่งออกไปข้าง นอกทำให้บางคนถึงกับสบถด่าขึ้นมาอย่างตกใจ
ภาพลักษณ์ของเจ้าเสือขาวที่ดูเป็นมิตรเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่กรณีพิเศษเท่านั้น มันทำให้พวกเขาชื่นชมเด็กหญิงของตระกูลกู้มากขึ้นกว่าเดิม
และแล้วกลุ่มคนที่พี่ชายของเธอพามาต่างก็ชื่นชมหนวนหน่วนตัวน้อยกันยกใหญ่
“น่าจะเป็นเสียงของริคนะ โอทิสจะทำร้ายมันไม่ได้นะ!”
พูดไม่ทันขาดคำ หนวนหน่วนก็รีบวิ่งออกไปข้างนอก ก่อนจะพบกับหมาป่าหิมะทั้งสามตัวที่กำลังต่อสู้กับโอทิส และสถานการณ์ก็ค่อนข้างรุนแรงมากด้วย
หุ่นยนต์ส่องไฟไปยังพวกสัตว์ป่าที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกหมาป่าจึงร้องหอนอยู่พักหนึ่ง
หนวนหน่วนรีบวิ่งออกไปด้วยขาสั้น ๆ ของเธอ และมันเป็นเพราะขาของเธอที่สั้นเกินไปจึงทำให้การทรงตัวบนหิมะค่อนข้างยากลำบาก วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็ล้มลงไปกองกับพื้นหิมะแล้วจมอยู่อย่างนั้น
มือหนา ๆ คว้าตัวเธอขึ้นมาอุ้ม
หนวนหน่วนถูกกู้หนานดึงเข้าไปกอดไว้
“โอทิส ริค ริคกี้ แอนนี่ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!”
เด็กหญิงพยายามห้ามเจ้าสัตว์ป่าทั้งสี่ตัวที่กำลังต่อสู้กันอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่เป็นผลเลย
เจ้าเสือขาวกับหมาป่าทั้งสามไม่ได้ยินเสียงของเธอเลย
ส่วนคนอื่น ๆ ที่พากันเดินตามเธอออกมาก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของพวกมัน
แม่เจ้า หมาป่าหิมะสามตัวกำลังต่อสู้อยู่กับเสือขาวตัวใหญ่
แถมดูเหมือนว่าเด็กหญิงจากตระกูลกู้จะรู้จักพวกมันทุกตัวด้วย!
นี่มันอะไรกัน?
หนวนหน่วนยังคงเรียกชื่อต่อพลางมองดูพวกมันต่อสู้กันอย่างดุเดือด แอนนี่เองก็ดูเหมือนจะบาดเจ็บเข้าแล้ว นั่นถึงกับทำเอาแววตาของเด็กหญิงแดงก่ำ
[หนวนหน่วนกอดเสี่ยวไป๋เอาไว้]
เสียงของกู้เป่ยดังขึ้น เด็กหญิงรีบกอดหุ่นยนต์โดยไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ
“พี่รอง”
หนวนหน่วนร้องไห้แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความรู้สึกโศกเศร้าแผ่ไปทั่วบริเวณ
เสียงปลอบโยนของกู้เป่ยดังออกมาจากเสี่ยวไป๋
[ไม่ต้องห่วง พี่บอกให้เสี่ยวไป๋เปิดระบบขยายเสียงแล้ว ตอนนี้พวกมันคงได้ยินเสียงหนวนหน่วนชัดขึ้น]
เด็กหญิงรีบพยักหน้า จากนั้นเจ้าหุ่นยนต์เสี่ยวไป๋ก็เริ่มเปิดระบบขยายเสียงตามคำสั่งของกู้เป่ย
[ได้แล้ว]
“ขอบคุณค่ะพี่รอง”
ในตอนนี้หนวนหน่วนยังคงกอดเสี่ยวไป๋เอาไว้ และเมื่อเธอพูดขึ้นเสียงก็ดังกึกก้องไปทั่วทันที
ดีจัง ฟังก์ชันนี้ดีมากเลย!
เด็กหญิงกอดหุ่นยนต์ของเสี่ยวไป๋ ก่อนจะเริ่มชี้นิ้วไปยังพวกสัตว์ที่กำลังต่อสู้กันอยู่
“โอทิส! ริค ริคกี้ แอนนี่ หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นหนวนหน่วนจะโกรธแล้วนะ!”
น้ำเสียงสะอึกสะอื้นของหนวนหน่วนเต็มไปด้วยโกรธ
เหล่าสัตว์ป่าพวกนั้นกระดิกหูก่อนจะหยุดพฤติกรรมอันดุร้ายของพวกมัน แล้วหันหน้ากลับมาจ้องมองหนวนหน่วนด้วยแววตาเปล่งประกาย
กลุ่มคนที่ยืนดูอยู่รอบบริเวณนั้นค่อนข้างหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว ต่างคนต่างรีบกระชับอาวุธเอาไว้ในมือ
“จบแล้ว นี่พวกมันจะไม่โกรธเราใช่ไหม”
“ไม่ใช่ว่าพวกมันจะหันกลับมากัดพวกเราหรอกนะ”
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไม่ได้เลย มันคงไม่ดีแน่หากพวกมันหันหน้ากลับมาแล้วแว้งกัดพวกเขาแทน
“โอทิส แกเชื่อฟังกันหน่อยสิ”
หนวนหน่วนยังคงพูดต่อ ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก นี่มันอะไรกัน? คิดว่าเจ้าสัตว์ดุร้ายพวกนี้จะยอมเชื่อฟังเหรอ!
แต่แล้วพวกเขาก็พบว่ามีความเป็นไปได้
เสือและหมาป่าหิมะทั้งสามที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในตอนแรก ตอนนี้พวกมันกลับเงียบสงบลง ทั้งที่พวกมันเกลียดกลิ่นของกันและกันแทบตาย
หากไม่มีหนวนหน่วนมาช่วยขัดขวางเอาไว้ สถานการณ์ตรงหน้าคงนองเลือดอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ พวกมันต่างยอมละเว้นสัญชาตญาณของความเกลียดชังที่มีในตัวทิ้งไปแล้ว
โอทิสสะบัดขน เลียปากของมันที่ยังมีเลือดเปื้อนติดอยู่ การปะทะกันเมื่อครู่นี้ดุเดือดไม่ใช่เล่น ๆ เลย
ดวงตาสีทองของมันจ้องมองหมาป่าหิมะทั้งสามตัวอย่างเกลียดชัง
หมาป่าหิมะทั้งสามตัวหมอบลงด้วยความหวาดระแวงอยู่ครู่หนึ่ง
แต่โอทิสไม่ได้คิดอยากจะสู้กันต่อหรอก มันเพียงแค่ทำท่าทางขู่เท่านั้น
แน่นอนว่าหมาป่าหิมะทั้งสามก็ไม่ยอมน้อยหน้า นัยน์ตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของมันมองไปทางเด็กหญิง เห็นได้ชัดว่ามันมองมาหาแต่เธอ
และถึงแม้ว่าร่างกายจะบาดเจ็บ แต่พวกมันก็ยังคงสง่างามและน่าเกรงขามตามฉบับของหมาป่าอยู่ดี
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วโอทิสก็รู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม มันได้กลิ่นสัตว์ตัวอื่นบนตัวของเด็กหญิงมาก่อน ในที่สุดก็ได้รู้ว่ามันคือกลิ่นของเจ้าสามตัวนี้นี่เอง เจ้าพวกหมาป่าพวกนี้คิดจะมาดักทำร้ายผู้คนสินะ แบบนี้เจ้าป่าอย่างมันต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ท่าทางจะไม่มีใครยอมใคร พร้อมจะปะทะกันอยู่ตลอดเวลา
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน หนวนหน่วนจึงพยายามดิ้นเพื่อให้พี่ใหญ่ปล่อยเธอลงแล้วเดินเข้าไปหาพวกมันด้วยขาสั้น ๆ ของเธอ
ทั้งสี่ตัวต่างหันหน้ากลับมาพร้อมกัน พลางใช้ดวงตาทั้งสี่คู่จ้องมองมาที่เด็กหญิงเป็นตาเดียว