ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 259 กลับถ้ำ
บทที่ 259 กลับถ้ำ
หลังตื้นตันใจได้ไม่นานจู่ ๆ ไป๋โม่ซูก็นึกออกคำถามหนึ่ง หนวนหน่วนของเขามาที่นี่ได้อย่างไร?
ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้น เห็นเสือขาวอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสองเมตร
แม้จะเป็นตอนกลางคืน แต่เสือขาวตัวนี้ก็ยังโดดเด่นกว่าใคร
ไป๋โม่ซู “…”
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาไม่อยู่…
“ฮึ่ม”
เมื่อสังเกตเห็นว่าไป๋โม่ซูมองมาที่ตน เสือขาวตัวใหญ่ก็แยกเขี้ยวจ้องกลับไป ดวงตาคู่นั้นเหลืองอร่ามเจิดจ้า ไม่ได้เกรี้ยวโกรธแต่ทรงพลัง แฝงด้วยรัศมีครอบงำของเจ้าป่า
‘แกมองอะไร!’
ไป๋โม่ซู “…”
เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองถอดรหัสคำสามคำนี้จากการแสดงออกของเสือขาวได้อย่างไร
หนวนหน่วนพบว่าสายตาของพี่ชายของตนสบประสานกับเสือขาวตัวใหญ่ เธอสูดจมูก เอาหลังมือเช็ดน้ำตา จากนั้นก็หยุดร้องไห้ทันที
“พี่โม่ซู โอทิสไง โอทิสพาหนวนหน่วนมาหาพี่ มันฉลาดมากเลยค่ะ”
ไป๋โม่ซู “…เห็นแล้ว”
ในเวลานี้อารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก ใช้ชีวิตมาหลายปี ได้เห็นผู้คนมาก็มากมาย ทั้งที่ปกติและไม่ปกติ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นน้องสาวของตัวเองเป็นแบบนี้
แม้แต่เสือยังจัดการได้ อีกอย่าง เสือตัวนี้แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เสือธรรมดา
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวกับหมาป่าหิมะแล้ว แต่ก็ยังคงตกใจอยู่บ้างเมื่อได้เห็นโอทิสในตอนนี้
ดังนั้น… หมายความว่าหนวนหน่วนกลับชาติมาเกิดเป็นบุตรีของพระเจ้าในครอบครัวของพวกเขาจริง ๆ ใช่ไหม?
ไป๋โม่ซูเคยเป็นพวกวัตถุนิยมที่มีจุดยืนมั่นคงมาก่อน
แต่เขารู้สึกว่าวิทยาศาสตร์อาจใช้ไม่ได้กับญาติผู้น้องของเขา
“โอทิส ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ฉันหาพี่ชายของฉันเจอแล้ว…”
หนวนหน่วนน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสอ่อนหวาน หลังลงมาจากตัวพี่ชาย เธอก็วิ่งไปหาเสือขาวตัวใหญ่ โอบกอดขาใหญ่ขนฟูของมันไว้
แต่โอทิสสูงเกินไป หนวนหน่วนก็ตัวเล็กมาก ต่อให้เขย่งเท้าก็ยังกอดหัวของมันไม่ถึง
ต้องให้โอทิสก้มหัวลงมาเอง หนวนหน่วนถึงจะเปลี่ยนจากกอดขามาเป็นกอดหัวของมันได้ จากนั้นก็คลอเคลียมันอย่างสนิทสนม
เธอฉวยโอกาสจุ๊บ ๆ ที่จมูกของเสือขาวตัวใหญ่อีกครั้งในขณะที่มันไม่ทันสังเกต
โอทิส “!!!”
มันตัวแข็งทื่ออีกครั้ง!
หนวนหน่วนไม่ทันสังเกต เธอยกมือน้อย ๆ แตะขนบนหัวของมัน แล้วหันหลังวิ่งไปหาลูกพี่ลูกน้องคนโต ภายใต้สายตาอันซับซ้อนยากที่จะอธิบายของเขา เธอเงยใบหน้าอันงดงามที่อ่อนเยาว์ขึ้น
“โอทิสเชื่องมาก พี่โม่ซู พวกเรารีบกลับกันเถอะ มันคาบ ‘แกะ’ ตัวใหญ่มากเข้าไปในถ้ำที่เราพักผ่อนอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย น่าจะเป็นของหนูนะ”
หนวนหน่วนนึกถึงสิ่งที่โอทิสกระทำในตอนนั้น มันผลัก ‘แกะ’ ตัวนั้นมาให้เธอจริง ๆ ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“โอทิส แกเจ๋งมาก แกะตัวนั้นใหญ่มาก แกจับมันมาได้ยังไง!”
เด็กหญิงตัวน้อยมองโอทิสด้วยแววตาเลื่อมใสเปล่งประกายระยิบระยับ
โอทิสที่ได้รับคำชื่นชมก็สะบัดหางสะบัดใบหู พลางเชิดหน้าขึ้นสูง
ฮ่า… แค่จับเจ้าตัวเล็ก ๆ นั่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเหรอ?
ไป๋โม่ซูพาหนวนหน่วนกลับไปหากองฟืน พลางมองเสือขาวตัวใหญ่ที่เดินตามหลังมาอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มันเข้าใจที่เธอพูดเหรอ?”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ แล้วตอบกลับ
“ใช่แล้ว! โอทิสดูเหมือนจะเข้าใจที่หนูพูด มันเป็นเสือต่างถิ่น เข้าใจคำพูดของหนวนหน่วน เป็นเสืออัจฉริยะ!”
เด็กหญิงตัวน้อยคิดว่าคำพูดของตัวเองไม่มีข้อผิดพลาด
ไป๋โม่ซู “…”
ต่อให้อัจฉริยะแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าใจภาษาจีนได้ด้วยตัวเองหรอกนะ
ไป๋โม่ซูหันกลับมาแล้วเรียกเสือขาว “โอทิส?”
เสือขาวตัวใหญ่เดินตามหลังพวกเขามาอย่างช้า ๆ เมื่อได้ยินสามคำนี้ก็หรี่ตามอง
เจ้าเสือใหญ่วางตัวอยู่เหนือกว่าแล้วทำหน้าเหมือนพูดว่า ‘แกเรียกฉันทำไม’
ไป๋โม่ซูหางตากระตุกเมื่อสมองของเขาแปลการแสดงออกนี้ออกมา
เขาตัดสินใจจะกลับไปถามไคน์ว่าไปพบเสือขาวที่ดูโง่ ๆ ตัวนี้ที่ไหนมา
หลังจากพบฟืนมัดนั้นแล้ว หนวนหน่วนก็มองโอทิสตาปริบ ๆ พลางออดอ้อนอย่างชำนาญแล้วให้มันยอมกัดเชือก จากนั้นก็เอาฟืนกลับไปที่ถ้ำได้อย่างง่ายดาย
ระหว่างทางกลับมีโอทิสเป็นผู้นำทาง ทุกอย่างดูราบรื่นจนเกินไป
เมื่อไป๋โม่ซูเห็นทาคินขนยาวสีขาวตัวหนึ่งที่ปากถ้ำ เขาก็นิ่งเงียบไปสักพัก
เขายิ่งมั่นใจเรื่องที่หนวนหน่วนเป็นบุตรีของพระเจ้ามากขึ้น
“โอทิสเจ๋งมาก หิวน้ำไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า? โอทิสกินผลไม้ไหม หนวนหน่วนจะไปเอามาให้”
หลังจากเด็กน้อยหนวนหน่วนกลับมาถึงถ้ำ เธอก็กลายเป็นหางน้อย ๆ ตามติดโอทิสทันที เด็กหญิงเรียกเสือขาวตัวใหญ่ให้นอนลง คุ้ยหาของในกระเป๋าเป้ สุดท้ายก็หยิบผลไม้ออกมาป้อนมันเอง
โอทิสกินผลไม้เหล่านั้นทั้งหมดเพราะเห็นแก่เธอ จากนั้นจึงนอนลงบนพื้นอย่างสบายใจ ปล่อยให้เด็กหญิงตัวน้อยแปรงขน นวดและเกาคางให้มัน
หนวนหน่วนทำได้อย่างคล่องแคล่ว
ไป๋โม่ซูชำเลืองมอง ก่อนจะถอนสายตากลับแล้วจุดไฟในถ้ำ
“ฮึ่ม!”
เมื่อไฟเริ่มลุกโชน โอทิสก็ตกใจสะดุ้งโหยง มันเอากรงเล็บทั้งสี่ตะปบพื้น ดวงตาเหลืองอร่ามเจิดจ้าจับจ้องไปที่ชายหนุ่มและไฟกองนั้น
‘ทำอะไรน่ะ! ดับไฟซะ!’
ไป๋โม่ซูรู้สึกว่าสมองของตนสับสนวุ่นวายอีกแล้ว เขาถึงขั้นแปลประโยคนี้ออกมาจากการแสดงออกของมันได้โดยอัตโนมัติ
เสือตัวนี้อันตรายมาก!
หนวนหน่วนคอยปลอบประโลมมันอยู่ข้าง ๆ
“โอทิสไม่ต้องกลัวนะ นี่คือไฟ พวกเราต้องใช้เพื่อสร้างความอบอุ่น แบบนี้จะได้ไม่หนาวไง ถ้ากลัวก็อยู่ห่าง ๆ ไว้ หนวนหน่วนจะปกป้องแกเอง ไม่เป็นอะไรแน่นอน!”
หนวนหน่วนพูดพลางยืดหน้าอกขึ้น ทำท่าราวกับว่า ‘ฉันเจ๋งสุดยอด’
เสือขาวจับจ้องเปลวไฟพลางเลียกรงเล็บของมัน เตรียมพร้อมจะตะปบกองไฟให้ดับคามือ!
แต่เมื่อมันได้ยินคำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยก็ชะงักงัน เริ่มหมุนวนอยู่กับที่ คราวนี้ไม่ทันระวังเลยกระแทกหนวนหน่วนที่อยู่ข้างกายล้มลงก้นจ้ำเบ้า แล้วยังถูกก้นของมันเบียดจนเซอีก
หนวนหน่วน “…”
สายตาที่โอทิสมองเด็กหญิงตัวน้อยค่อนข้างขาดความมั่นใจ มันพยายามดึงเด็กน้อยให้ลุกขึ้นด้วยกรงเล็บอย่างระมัดระวังอยู่หลายครั้ง
ในที่สุดหนวนหน่วนก็จับอุ้งเท้าของมันลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง จากนั้นก็ตบ ๆ บั้นท้ายเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร
“โอทิสไม่ต้องกลัวนะ”
เด็กหญิงตัวน้อยโอบแขนรอบคอของมันแล้วปลอบโยนอย่างนุ่มนวล
ร่างกายของโอทิสแข็งทื่อ ปล่อยให้เด็กหญิงตัวน้อยประคองตัวเคลื่อนออกห่างจากกองไฟช้า ๆ แต่สายตาที่มองออกไปยังมีแววตาอาฆาตอยู่เล็กน้อย
ไป๋โม่ซูไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า พลังอาฆาตถูกส่งจากกองไฟมาที่ตนเป็นระยะ
เขาไม่สนใจเสือขาวตัวใหญ่ที่แสดงสัญลักษณ์แทนอารมณ์ของตนอยู่เป็นระยะอีกต่อไป ชายหนุ่มควานหากริชออกมาจากกระเป๋าเป้ ลากทาคินตัวแข็งทื่อออกไปจากถ้ำ ถลกหนังของทาคินออกอย่างชำนาญจนหมดจด
ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นเรื่องนองเลือด แต่เมื่อตกมาอยู่ในมือของไป๋โม่ซูก็ดูมีความงามทางศิลปะที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีกลิ่นคาวเลือดเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้นสีหน้าของไป๋โม่ซูไม่เปลี่ยนเลย
แผงขนที่สมบูรณ์ถูกถลกออกวางไว้ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มจัดการกับเนื้อทาคิน
หลังจากจัดการกับทุกอย่างแล้ว ไป๋โม่ซูก็นำเนื้อเข้าไปในถ้ำแล้วเริ่มทำอาหารเย็น
พวกเขาสองคนไม่ได้กินเข้าไปมากมาย ส่วนใหญ่ไป๋โม่ซูเหลือไว้ให้เสือขาวโอทิส
“อาหารเย็นของแกอยู่นอกถ้ำ ออกไปกินเอง”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกินในถ้ำ หนวนหน่วนยังเด็กอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องมาเห็นเรื่องนองเลือดแบบนี้
โอทิสชำเลืองมอง มันเลียขนของตัวเองอย่างเชื่องช้า ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนในตอนนี้
ไป๋โม่ซูบอกแค่นี้แล้วหันกลับมาเริ่มทำอาหารต่อ
ไม่นานนัก ภายในถ้ำก็มีกลิ่นเนื้อหอมกรุ่นโชยตามลมไปไกล ทำให้สัตว์กินเนื้อบางตัวเริ่มรวมกลุ่มกันในค่ำคืนอันมืดมิด
แต่เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นอย่างรุนแรงที่โอทิสทิ้งไว้ จึงพากันหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยความเศร้า พวกมันเหมือนได้พบกับบรรพบุรุษที่ดุร้ายของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น