ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 255 พายุหิมะ
บทที่ 255 พายุหิมะ
หลังจากอยู่บนเขาติดต่อกันสองวันก็ไม่ได้พบอีกเลย ไคน์คิดอย่างเสียดายว่าตอนนั้นมันคงจะเพียงผ่านมาจริง ๆ
วันนี้พวกเขาเตรียมตัวออกจากที่นี่แล้วไปเที่ยวต่อ ไคน์เสนอพาพวกเขาไปปีนเขาหิมะที่อยู่ไกลออกไป
เพียงแต่ที่นั่นอยู่เลยเขตอุทยานของเขาไป
“ฉันจะพาพวกนายไปเล่นสกี วันสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องเที่ยวให้พอก่อนค่อยกลับสิ”
ก่อนจะออกเดินทาง เขายังดูพยากรณ์อากาศเป็นพิเศษ ท้องฟ้าโปร่งไม่มีลมและหิมะ หิมะบนภูเขาก็ไม่ละลายตลอดทั้งปี เหมาะกับการไปเล่นสกีมาก
ไป๋โม่ซูเองก็อยากให้หนวนหน่วนลองเล่นสกีด้วยเลยไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่สภาพร่างกายของเหลียงฉือทำให้ไปไม่ได้
จางเหลียงอาสารับหน้าที่ดูแลเหลียงฉือ เขาตบอกตัวเองดังปั้ก “วางใจเถอะ ผมจะดูแลพี่เหลียงฉืออย่างดีเลย”
ก่อนหนวนหน่วนออกเดินทางก็กอดเหลียงฉือแล้วซุกอย่างออดอ้อน
“พี่อาหนาน ถ้าพี่เบื่อก็โทรหาหนวนหน่วนนะ หนวนหน่วนจะคุยกับพี่เอง อย่าอยู่แบบหนาว ๆ นะ พันผ้าพันคอดี ๆ ด้วยนะคะ”
เธอเขย่งเท้าแล้วพันผ้าพันคอให้ชายหนุ่ม
ผ้าพันคอผืนนี้เป็นผืนที่หนวนหน่วนให้เขาเมื่อตอนนั้น เป็นผืนที่เธอถักเสียเมื่อตอนวันเกิดของพี่ใหญ่กับพี่รอง แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะเอามาด้วย
ไป๋โม่ซูและไป๋โม่ฮัวจำได้ ในใจก็เจ็บปวดอยู่หลายวัน
เหลียงฉือลดสายตาลงมองเด็กน้อย เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ในดวงตา “เข้าใจแล้ว”
หนวนหน่วนสวมเสื้อขนสัตว์ตัวหนา ใส่หมวกใบหนึ่งเผยให้เห็นเพียงใบหน้าน้อย ๆ ที่แสนน่ารัก จูงมือของเหล่าพี่ชายแล้วเดินจากไปทีละก้าว
ที่ตามไปด้วยยังมีเจ้าหมาป่าหิมะสามตัว ตามที่ไคน์บอกนั้น เป็นการพาพวกมันไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในป่าล่วงหน้า
เดิมทีหมาป่าหิมะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ พาพวกมันไปที่นั่นก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว
รถออฟโรดขับไปจนถึงจุดที่ไปไม่ได้แล้ว ทุกคนก็ค่อยลงจากรถแล้วเดินขึ้นเขาหิมะไปทีละนิด ๆ
เมื่อมองออกไปก็เห็นหิมะขาวโพลนไปหมด กองหิมะหนา ๆ นั้น ก้าวไปหนึ่งก้าวก็จะเกิดหลุมหนึ่งหลุม
ขาสั้น ๆ ของหนวนหน่วนนั้นทำให้เดินได้ยากจริง ๆ
แต่ตรงกันข้าม หมาป่าหิมะตัวใหญ่ทั้งสามตัวกลับเดินได้ เหมือนปลาใต้น้ำ สามารถวิ่งบนพื้นหิมะได้อย่างง่ายดาย เด็กหญิงตัวเล็กมองดูขายาว ๆ เหล่านั้นแล้วอิจฉามาก
หนวนหน่วนขึ้นเขาหิมะอย่างเหนื่อยหอบ ถ้าไม่มีพวกพี่ ๆ คอยอุ้มบ้างเป็นครั้งคราว เธอคงรู้สึกเหมือนตัวเองจะพิการแล้ว
“ถึงแล้ว”
ไคน์เองก็หอบอย่างหนักเช่นกัน ลมหายใจที่พ่นออกมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้กลายเป็นหมอกสีขาวในทันที
หลังจากเลือกพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้วก็เตรียมตัวเล่นสกี ผู้ใหญ่สองสามคนต่างเข้ามาสอนเด็กน้อยเล่นสกี
เมื่อเท้าก้าวขึ้นไปบนสกี หนวนหน่วนก็พยายามควบคุมสมดุลของร่างกายอย่างยากลำบาก ส่วนข้าง ๆ ของเธอก็คือไป๋โม่ซูที่ยืนอยู่บนสกี ท่าทางเหมือนนกนางแอ่นที่ออกบิน
“พี่คะหนูจะล้มแล้ว!”
เด็กหญิงจับแขนของลูกพี่ลูกน้องคนโตเอาไว้อย่างเป็นกังวล ตอนเล่นสกีก็หลับตาและกรีดร้องออกมา ใบหน้าเล็ก ๆ ขาวนวลและแก้มที่เหมือนลูกซาลาเปาเต็มไปด้วยความกังวล
แต่เธอก็ยังใจสู้อยู่บ้าง ยืนกรานที่จะไม่ลงจากสกี จะเล่นสกีให้ได้ ทั้งยังต้องการเรียนรู้ให้ได้ในวันเดียวด้วย
ไป๋โม่ซู “…ไม่ต้องกลัว พี่จับอยู่”
“อ๊ะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องของไป๋โม่ฮัวดังขึ้น ก่อนที่เสียงโครมครามจะตามมา เขาล้มลงบนหิมะเข้าเต็ม ๆ
ถูกต้องแล้ว เขาเองก็เล่นสกีไม่เป็น ตอนนี้ไคน์และอีวานกำลังสอนเขาอยู่ หลังจากวุ่นวายอยู่สักพักหนึ่งก็ล้มลงไปในหิมะจนเกิดเป็นหลุมใหญ่
เห็น ๆ อยู่ว่าสภาพอากาศหนาวมาก แต่ทุกคนกลับเล่นสกีกันจนเหงื่อออกทั้งตัว
“สภาพอากาศผิดปกติไปหน่อยนะ”
หลังจากเล่นสกีไปสองชั่วโมง ไป๋โม่ซูก็ขมวดคิ้ว เขาเฝ้าดูลมพัดและท้องฟ้าที่ค่อย ๆ มืดลง สีหน้าดูจริงจังเล็กน้อย
“บรู๊ว…”
หมาป่าหิมะทั้งสามตัวกลับมาแล้ว ทั้งยังใช้หัวผลักไคน์อย่างกระวนกระวายด้วย
ไคน์เปลี่ยนสีหน้าไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกริคกำลังเร่งให้พวกเรากลับไป”
ไป๋โม่ซูอุ้มหนวนหน่วนขึ้นมาทันที “รีบเก็บของเร็ว”
ทุกคนยุ่งขึ้นมาทันที แต่ระหว่างทางกลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด
พายุหิมะที่เกิดขึ้นกะทันหันขัดขวางการเดินทางของพวกเขา การมองเห็นก็ถูกบดบังเอาไว้หมดสิ้น
ไป๋โม่ซูกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนไว้แน่น “ทุกคนจับคนข้าง ๆ ไว้ให้ดีนะ อย่าแยกจากกันล่ะ”
เขาเตือนคนอื่น ๆ แต่เป็นเพราะตัวเองอุ้มหนวนหน่วนอยู่ จึงไม่สามารถจับคนข้าง ๆ เอาไว้ได้ สุดท้าย… คนที่แยกออกมาก็คือพวกเขาทั้งสองคน
ยังดีที่ไป๋โม่ซูและหนวนหน่วนโชคดีบังเอิญไปพบถ้ำหนึ่งเข้า ทั้งสองคนจึงเข้าไปหลบพายุหิมะในถ้ำอย่างปลอดภัย
ทั้งสองคนอยู่ในถ้ำ พายุหิมะกำลังพัดโหมอยู่ด้านนอก ทุกอย่างขาวโพลนไปหมดจนมองไม่เห็นทิศทางและเส้นทางเลย
หนวนหน่วนซุกอยู่ในอ้อมแขนของลูกพี่ลูกน้องคนโต ถามอย่างเป็นกังวล
“พี่คะ พวกพี่รองจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ไป๋โม่ซูพยักหน้ายืนยัน “พวกเขายังมีพวกริคอยู่ด้วย ไม่เป็นอะไรหรอก”
หนวนหน่วนได้ยินแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อย แต่เมื่อมองพายุหิมะด้านนอกที่ยังไม่หยุดสักที ในใจก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอสถานการณ์แบบนี้ เด็กหญิงงุนงงมาก ทำได้เพียงอิงแอบอยู่กับพี่ชายแนบแน่น
ไป๋โม่ซูอุ้มเด็กหญิงเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยมือเดียว อีกมือหนึ่งก็ถือโทรศัพท์ลองติดต่อกับคนอื่น ๆ
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่มีสัญญาณเลย
สีหน้าของเขาไม่เป็นสุข “ไม่ต้องกลัว รอหิมะหยุดตกเราค่อยกลับไป”
“อือ”
หนวนหน่วนพยักหน้าแล้วตอบรับ เชื่อใจพี่ชายของตัวเองอย่างมาก
แต่ไป๋โม่ซูกลับไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกับที่แสดงออก เป็นเพราะดูจากเวลาทางด้านนี้ ยังไม่ถึงหกโมงเย็นท้องฟ้าก็มืดแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้วด้วย
ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จะหาทางลงจากเขาคงต้องใช้เวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้เลยว่าพายุหิมะจะหยุดลงเมื่อไหร่ด้วย
“หนาวไหม”
เพราะกลัวหนวนหน่วนจะหนาว ไป๋โม่ซูจึงดึงเสื้อคลุมมาแล้วให้เด็กน้อยซุกอยู่ข้างใน
“ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงอู้อี้ของหนวนหน่วนดังมาจากอ้อมอก จากนั้นก็เห็นเด็กน้อยหยิบกระเป๋าเป้ของเขา แล้วคุ้ยหาหินก้อนนั้นออกมา
มันคือหินให้ความร้อนที่เหล่าหมาป่าหิมะมอบให้
เธอหยิบมันแล้วยื่นให้ไป๋โม่ซู “พี่คะดูสิ ถือเจ้านี่ไว้ในมือก็จะไม่หนาวแล้ว”
มือของไป๋โม่ซูยิ่งเย็นกว่าเดิมในสถานการณ์แบบนี้ หนวนหน่วนจึงดึงมือเขามาแล้ววางก้อนหินลงไป
ชายหนุ่มดวงตาเย็นชาถือก้อนหินให้ความร้อนเอาไว้ในมือพลางครุ่นคิด “ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร”
“เราเปิดดูกันดีไหม”
หนวนหน่วนก็อยากรู้เหมือนกัน ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ามัวแต่อยู่เฉย ๆ ก็จะยิ่งเป็นกังวล ถ้ามีเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ไป๋โม่ซูหยิบมีดผ่าตัดของเขาออกมาแล้วเริ่มตะไบหินชั้นนอกอย่างช้า ๆ
ถึงแม้จะต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย แต่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ผลที่ได้ก็ออกมาไม่เลวเลย
ภายใต้ก้อนหินพื้นผิวขรุขระ สิ่งที่ห่อไว้กลับเป็นหยกอุ่นเนื้อละเอียดที่ขาวสะอาด อีกทั้งเมื่อลอกเปลือกหินออกมาแล้ว ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากด้านในก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ไป๋โม่ซูมองหยกอุ่นแล้วก็ตกตะลึงไป
เขารู้ว่าหยกอุ่นที่ให้ความร้อนได้ประเภทนี้ มีบันทึกในยุคสมัยก่อนน้อยมาก แม้แต่คนอย่างตระกูลกู้ที่มีทรัพย์สินมากมายเองก็ไม่เคยได้เห็นหยกอุ่นที่ให้ความร้อนมาก่อนเลย
“เป็นหินที่สวยจังเลย”
มือเล็กของหนวนหน่วนสัมผัสหยกงามที่ถูกเปิดเผย รู้สึกเหมือนว่ามีเตาอุ่น ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ไป๋โม่ซูมองหนวนหน่วนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ยกมือขึ้นลูบหัวน้อย ๆ ของเธอ
“หนวนหน่วน เธอเป็นลูกของตระกูลกู้จริงเหรอ”
หนวนหน่วนเบิกตากว้างในทันที “พี่พูดอะไรเนี่ย”
เธอตกใจมากจนน้ำเสียงเผยความตระหนกออกมา ถ้าไม่ใช่หนวนหน่วนของตระกูลกู้แล้วเธอเป็นใครล่ะ!
ไป๋โม่ซูเชิดคางขึ้น “พี่จะคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของพระเจ้าแล้วนะเนี่ย”
ไม่งั้นก็ไม่รู้จะอธิบายถึงร่างกายนี้ที่เป็นมิตรกับเหล่าสัตว์อย่างมหัศจรรย์ได้อย่างไร
สิ่งที่หมาป่าหิมะมอบให้อย่างง่าย ๆ นั้นล้วนไม่ใช่ของธรรมดา ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักผลไม้นั้น แต่สิ่งที่หมาป่าหิมะทั้งสามตัวมอบให้พร้อมกับบัวหิมะและหยกอุ่นก็คงจะเป็นของหายากมาก ๆ เหมือนกัน
ของที่อัศจรรย์อย่างบัวหิมะ รวมไปถึงหยกอุ่นในตอนนี้ด้วย
นี่จะโชคดีมากเกินไปหน่อยแล้ว
หนวนหน่วนกอดเขาพลางพึมพำ “ไม่ใช่ลูกสาวของพระเจ้าสักหน่อย หนวนหน่วนคือหนวนหน่วนของตระกูลกู้”
ไป๋โม่ซูยิ้มออกมา มุมปากยกขึ้น แววตาเองก็ปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาแตะนิ้วที่ปลายจมูกเล็ก ๆ นั้น น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างอธิบายไม่ถูก
“ใช่แล้ว เธอเป็นหนวนหน่วนของตระกูลกู้”