ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 243 สิงโตภูเขา
บทที่ 243 สิงโตภูเขา
ภายในบ้านของอีวานคึกคัก ไม่ได้มีแต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีสาวสวยหลากสไตล์ แต่ละคนดูอินเตอร์ไม่เหมือนใคร
หลังจากที่เขาพาไป๋โม่ซูเข้าไป หญิงสาวหลายคนก็ตกหลุมรักเขาทันที
ผู้คนที่นี่มีความกล้าหาญตรงไปตรงมา และแสดงออกในเรื่องความรักอย่างไม่ปิดบัง ถูกใจใครก็จะแสดงความรักออกมาตรง ๆ
กล้าหาญ… พอสมควรเลยละ
แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของไป๋โม่ซูไม่มีการแสดงออกใด ๆ แถมยังปฏิเสธการจีบของพวกเธอ
เขาคิดว่า โชคดีที่คนที่นี่พูดภาษารัสเซียที่หนวนหน่วนไม่เข้าใจ ไม่อย่างนั้นเขาจะสั่งสอนอีวานอย่างโหดเหี้ยมเหมือนเมื่อวานอีกครั้ง
ไม่น่ามาเลยจริง ๆ!
ไป๋โม่ฮัวยังได้รับการปฏิบัติอย่างอบอุ่นจากเหล่าสาวงาม เขาหน้าแดงทันที กกหูก็แดง ชายทั้งกลุ่มเห็นก็หัวเราะลั่นอยู่ข้าง ๆ
ไป๋โม่ฮัว “…”
“พี่ พวกเราไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยเข้าบาร์เลย
ไป๋โม่ซูตอบรับ เดิมทีอยากพาหนวนหน่วนออกไปเล่นสักพัก แต่เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่เหมาะสมเลย
เมื่อเทียบกับปาร์ตี้สละโสดที่สามารถจัดขึ้นได้ทุกเมื่อ อีวานย่อมสนใจเพื่อนที่นาน ๆ เจอกันทีอย่างไป๋โม่ซูมากกว่า
ดังนั้นเขาจึงรีบจบปาร์ตี้นี้อย่างลวก ๆ ก่อนจะครุ่นคิดว่าจะพาพวกเขาไปเที่ยวที่ไหนต่อ
“หนูน้อยชอบอะไรมากที่สุด?”
อีวานถามหนวนหน่วน
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ “หนูอยากไปดูหมี พี่ชายบอกว่าพวกคุณต่อสู้กับหมีได้! หนูอยากเห็นหมาป่าด้วย ได้ไหมคะ?”
เธอถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงด้วยความเกรงใจ เพราะกลัวว่าคำขอของตัวเองจะมากเกินไป
อีวานได้ยินเช่นนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ในพวกเรามีบางคนที่สามารถต่อสู้กับหมีได้จริง ๆ แต่ล้วนเป็นนักรบกล้าหาญ ถ้าเธออยากเห็นก็ได้”
เขาตบหน้าอกรับประกัน แล้วหาทางจัดการทันที
แต่วันนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจจะไปที่นั่นในเช้าวันถัดไป
…
“ในอุทยานส่วนตัวของเพื่อนฉันมีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ เขาเป็นคนรักสัตว์ป่า สัตว์เหล่านั้นล้วนได้รับการช่วยเหลือจากเขา หลายตัวรอดพ้นจากน้ำมือของพวกลักลอบล่าสัตว์ที่ชั่วช้า”
ในขณะที่คุยกัน พวกเขาทุกคนได้อยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางแล้ว
เพื่อนของอีวานคนนี้เป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยมาก เมื่อได้ยินว่าไป๋โม่ซูต้องการไปเยี่ยมชมอุทยานส่วนตัวของตนก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ส่วนที่ว่าทำไมถึงเป็นไป๋โม่ซู? ก็เพราะไป๋โม่ซูเคยช่วยชีวิตเขาไว้
เมื่อสามปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขาทั้งสองของเขาได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์หลายคนว่าไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้พบกับไป๋โม่ซูผ่านเส้นสายต่าง ๆ ทำให้เขาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งภายในเวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งปี
สำหรับคนที่ชอบสัตว์ป่า โหยหาอิสระและธรรมชาติ มันเหมือนกับการให้ชีวิตที่สองแก่เขา นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ถือว่าหมอไป๋ ไป๋โม่ซู เป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดในชีวิตของเขามาโดยตลอด
นอกจากนี้การได้เป็นเพื่อนกับนายแพทย์ที่มีความสามารถเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือปู่ของเขาต่างก็ยกมือสนับสนุน
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากอีวานในครั้งนี้ เดิมทีเขาไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยมชมอุทยานของเขาตามใจชอบ แต่พอบังเอิญได้ยินชื่อไป๋โม่ซูจากปากของอีวาน หลังจากสอบถามเขาก็แน่ใจว่าเป็นหมอไป๋ที่รักษาขาของตน ดังนั้นจึงเปลี่ยนใจตอบตกลงทันที
อีวานพูดติดตลก “ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันได้อาศัยบารมีของนาย เจ้าไคน์นั่นหวงแหนพวกสัตว์ป่าในอุทยานของตัวเองมาก ฉันอยากจะไปดู แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยข้ออ้างที่ว่ากลัวจะไปทำให้พวกลูกรักของเขาตกใจกลัว”
“ใครจะทำให้ใครตกใจกลัวกันแน่ นายไม่รู้หรอกว่าเขาเลี้ยงงูหลามสีทองตัวหนาขนาดไหน บางครั้งจะหลุดออกมาจากอุทยานให้คนตกใจเล่น ภาพเจ้าหมอนั่นอุ้มงูหลามสีทองลูกรักนี่อย่างขยะแขยงเลยละ พวกเพื่อน ๆ กังวลแทบตายว่าไคน์จะฆ่าเราตอนไหน”
ในขณะที่อีวานกำลังเหน็บแนม พวกเขาก็มาถึงจุดหมายแล้ว
ครั้งนี้ที่มาต้อนรับพวกเขาคือไคน์ ผู้เป็นเจ้าของอุทยาน
“พระเจ้า! นี่คุณหมอไป๋จริงเหรอ คุณมารัสเซียทำไมไม่ติดต่อหาฉัน แต่ไปหาอีวานแทน หรือว่าพวกเรายังไม่ได้สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งพอ?”
อีวาน “เฮ้ ไคน์ นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? หรือว่านายไม่พอใจอะไรฉัน?”
ไคน์ยักไหล่ “เปล่า ฉันแค่อยากบอกว่านายเป็นคนสะเพร่า”
อีวาน “ไคน์ นายอยากมีเรื่องกับฉันใช่ไหม”
ไคน์มองเขาด้วยความประหลาดใจ “ไม่คิดว่านายจะกล้าขนาดนี้ งั้นฉันขอถามหน่อยว่านายเคยเอาชนะฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อีวาน “…”
ดังนั้นเขาจึงเกลียดไคน์ผู้ที่อวดดีที่สุด
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ไป๋โม่ซูและไคน์กอดกัน
ไคน์มีความสุขมากจริง ๆ ที่ได้พบไป๋โม่ซู จากนั้นเขาก็สะดุดตาเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไป๋โม่ซู
“หนูน้อยสวยจัง หมอไป๋ ฉันไม่คิดเลยคุณมีลูกสาวแล้ว!”
ไป๋โม่ซู “…ไม่ใช่ครับ นี่คือน้องสาวของฉัน”
ไคน์ยิ้มอย่างเก้อเขิน “ขอโทษครับ คุณดูเหมือนพ่อคนมากจริง ๆ นะ”
หนวนหน่วนและไป๋โม่ซู “…”
คนคนนี้พูดจาเป็นหรือเปล่าเนี่ย?
หลังจากแนะนำคนรอบข้างแล้ว ไคน์ก็พาพวกเขาเข้าไปในอุทยาน
พอเข้าไปก็เห็นแมวตัวใหญ่นอนอยู่บนสนามหญ้าอาบแดดอย่างสบายอารมณ์ มันคือสิงโตภูเขาที่สวยงามมาก ทั่วร่างกายมีขนสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างมีขนาดเล็กกว่าสิงโตมาก โดยรวมแล้วดูเหมือนเสือดาวมากกว่า
“นั่นคือเคธี เป็นสิงโตภูเขาที่สวยงามมาก เขาถูกพวกลักลอบล่าสัตว์พามาที่นี่ บังเอิญลูกน้องของฉันพบเข้า เขารู้ว่าฉันชอบสัตว์ดุร้ายพวกนี้ เขาเลยบอกให้ฉันไปช่วยเคธีกลับมา”
เขาบอกว่าช่วยชีวิต ไม่มีเรื่องการซื้อขาย เพราะการซื้อขายจะกลายเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรม ถ้าใช้เงินซื้อมา พวกลักลอบล่าสัตว์เหล่านั้นจะจับจุดอ่อนนี้ของเขา ยินดีที่จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นในการล่าสัตว์ป่าแล้วนำมาขายให้เขาในภายหลัง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น
สิงโตภูเขาที่กำลังอาบแดดอยู่ตรงนั้นเลียกรงเล็บอย่างเชื่องช้า ก่อนจะชูหัวขึ้นมองมาที่พวกเขา
ความชะล่าใจและเกียจคร้านปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้น แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความบ้าระห่ำของสัตว์ร้าย
ด้านหลังตาข่ายป้องกัน ดวงตาของหนวนหน่วนเป็นประกาย มองสิงโตภูเขาด้วยความดีใจระคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“สวยจังเลยค่ะ”
ใบหูของสิงโตภูเขาทางด้านนั้นสั่นระริก ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืนสะบัดขน ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามและทรงพลัง
ไคน์เห็นดังนั้นก็ผิวปาก
“เฮ้ ลูกรัก มาหาพ่อทางนี้!”
ในสายตาของเขา สัตว์ร้ายเหล่านี้สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก
เคธีเดินได้ครึ่งทางก็หยุดลงอย่างกะทันหัน แล้วยังแสดงท่าทีระแวดระวังในทันที กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกร็งแน่นขึ้นเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม ดูมีรูปร่างสวยงามมากที่สุด
เงาดำขนาดใหญ่มหึมาพุ่งออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล รวดเร็วจนไม่มีใครเห็นชัดว่าเป็นเงาอะไร จากนั้นภายในชั่วพริบตา เคธีก็ม้วนตัวและต่อสู้กับเสือดาวดำ
ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งอุทยาน
สีหน้าของไคน์เปลี่ยนไปอย่างมาก “ไอริส เคธี หยุดนะ! พวกแกเป็นพี่น้องกัน จะสู้กันได้ยังไง!”
ไคน์ยังคงเป่านกหวีดที่แขวนอยู่บนหน้าอก แต่เจ้าสัตว์ดุร้ายนิสัยป่าเถื่อนไม่ค่อยฟังเขา แม้ว่าไคน์จะเป็นคนช่วยชีวิตพวกมันมาก็ตาม
หนวนหน่วนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นก็ร้อนใจจนนั่งไม่ติด แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะหยุดพวกมันทั้งสอง
โชคดีที่แมวใหญ่ทั้งสองตัวไม่ใช้วิธีรุนแรง แค่ตะปบกันด้วยกรงเล็บสักครู่หนึ่ง ขนถูกดึงหลุดเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งเสียงหอบออกมาทางจมูกอย่างขัดหูขัดตา
สิงโตภูเขานอนฟุบอยู่บนพื้น เลียคราบเลือดและขนที่ยุ่งเหยิงบนหัวไหล่ของมัน
มันตัวเล็กกว่าเสือดาวดำนิดหน่อย ดังนั้นเวลาสู้กันจึงค่อนข้างเสียเปรียบ
เสือดาวดำไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง ชูหางปุกปุยขึ้นมา ปลายงอนเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาหาฝูงชนทางด้านนี้ด้วยย่างก้าวที่ดุดันทรงพลัง
เพราะเพิ่งเห็นภาพการต่อสู้ของพวกมันเมื่อครู่ ดังนั้นทันทีที่เสือดำเข้ามา ไป๋โม่ซูก็อุ้มหนวนหน่วนออกไปให้ห่างจากตาข่ายป้องกันทันที