ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 242 คนโสดก็คือคนไม่มีแฟน แบบพี่ชายของเธอ
บทที่ 242 คนโสดก็คือคนไม่มีแฟน แบบพี่ชายของเธอ
ราคาของการเมาค้างก็คือต้องตื่นมาอย่างวิงเวียนและหัวตื้อในเช้าวันรุ่งขึ้น
ไป๋โม่ซูค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง นิ้วนวดขมับของตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่คิ้วกลับขมวดแน่น
“พี่คะ”
หนวนหน่วนโผล่หัวเข้ามาจากด้านนอก ในมือยังถือชามที่มีน้ำร้อนอยู่
“พี่คะ ดื่มน้ำหน่อยสิ”
ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงครึ่งของวันถัดมาแล้ว วันนี้ไป๋โม่ซูเป็นคนสุดท้ายที่ตื่น
ไป๋โม่ซูรับน้ำมาดื่มแล้วก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย แต่ว่า…
เขาวางถ้วยลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงแข็งทื่อเล็กน้อย “หนวนหน่วน ออกไปก่อนนะ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วปกติมาก แต่หลังจากหนวนหน่วนเดินออกไปอย่างว่าง่ายแล้ว ไป๋โม่ซูก็เอามือข้างหนึ่งปิดหน้า ความทรงจำทั้งหมดหลังจากตอนเมาเมื่อวานย้อนกลับมาในหัว!
ในตอนนี้เขาที่เย็นชาและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นมาโดยตลอด กลับรู้สึกได้แล้วว่าอะไรคือคำว่าขายหน้า
ถ้าสั่งคัตได้ก็คงดี
ใบหูของไป๋โม่ซูที่ปิดหน้าอยู่ขึ้นสีแดง แต่ไม่นานก็ปรับอารมณ์ของตัวเองได้ หลังจากออกจากเต็นท์ไปแล้วก็ไม่มีใครดูออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
เพียงเดินออกไป ไป๋โม่ซูก็รู้สึกได้ถึงสายตาสองคู่ที่มาจากอีวานและอันเดร
และทั้งสองคนก็เริ่มการแสดง
อีวานดึงอันเดรและตะโกนเป็นภาษารัสเซียอย่างเกินจริง
“แกคิดจะลักพาตัวน้องสาวกับน้องชายฉันใช่ไหม!” จากนั้นก็แกล้งทำเป็นต่อยเขาหมัดหนึ่ง
อันเดรปิดหน้า ล้มลงกับพื้นอย่างเกินจริง “ใครจะไปลักพาตัวน้องชายน้องสาวนายกัน!”
อีวานมองเขา ตะโกนว่า “เฮอะ ไอ้เลว!”
หลังจากทั้งสองคนแสดงเสร็จก็มองมายังไป๋โม่ซู
ไป๋โม่ซูยังคงสีหน้าไร้อารมณ์
จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มแสดงฉากที่เขาดูแสงเหนือเสร็จแต่ก็ไม่ยอมจากไป ต้องให้น้องชายและน้องสาวมาเกลี้ยกล่อม อันเดรที่ตัวสูงใหญ่และน้ำเสียงห้าว ๆ กลับต้องมาเลียนเสียงของหนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัว บีบเสียงให้ดูเขินอายซะจนไม่น่าดูและไม่น่าฟังด้วย
แสดงไปเรื่อย ๆ พวกเขาเองก็อดไม่ได้จนหัวเราะออกมา ถึงแม้หนวนหน่วนจะฟังไม่ออกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่เธอก็เห็นอันเดรหัวเราะจนกลิ้งลงไปกับพื้น
ไป๋โม่ฮัวเองก็กุมท้องและหัวเราะฮ่า ๆ ออกมาเสียงดัง
มีเพียงไป๋โม่ซูที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย
จากนั้นสองมือของเขาก็สอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม ดวงตาเย็นชามองไปยังทั้งสองคน สองเท้าเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกเท้า เตะทั้งสองคนออกไปอย่างไร้ปรานี
“โอ๊ย!”
จากนั้นก็กลิ้งลงไปตามทางลาดเอียงที่เต็มไปด้วยหิมะ ทั้งสองคนแทบจะกลายเป็นตุ๊กตาหิมะไปแล้ว
“ไป๋โม่ซู นายโมโหเพราะขายหน้านี่นา!”
ไป๋โม่ซูไม่อธิบายอะไร เพียงแต่เดินไปทำกับข้าวอย่างเรียบเฉย
ยังไงตราบใดที่ไม่ใช่เขาที่อาย ก็ต้องเป็นคนอื่น
เฮ้อ… เขารู้สึกกระอักกระอ่วนแทนอีวานและอันเดร การแสดงเมื่อครู่มันเงอะงะจนไม่น่าดู ตอนนี้เขาต้องไปล้างตาให้น้องสาวแล้ว
ยกเว้นอีวานและอันเดรที่ยังกินเนื้อเป็นอาหารเช้า คนอื่น ๆ ต่างก็กินอาหารที่เบากว่าหน่อย
การออกมาตั้งแคมป์นอกเมืองในครั้งนี้ โดยรวมแล้วถือว่าไม่เลวเลย
หลังจากเก็บของให้เหมือนตอนขามาแล้วพวกเขาก็กลับ ไป๋โม่ซูจุดไฟเตาผิงในบ้านไม้ ไม่นานนักทั้งบ้านไม้ก็อบอุ่นขึ้นมา
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวทั้งสองคนกำลังดูรูปที่ถ่ายกันเมื่อวาน คุยกันอย่างสนอกสนใจมากว่าจะวาดมันออกมายังไงดี
ไป๋โม่ฮัวดวงตาเป็นประกาย “ตอนนี้มีเวลา เรามาวาดรูปกันเถอะ”
หนวนหน่วนกอดกระดานวาดรูปอันเล็กแล้วพยักหน้า “อื้อ”
จากนั้นทั้งสองคนก็รีบช่วยกันจัดกระดานแล้วเริ่มวาดภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ เหลียงฉือค่อย ๆ ลากม้านั่งเล็ก ๆ มานั่งข้างกายของหนวนหน่วน มองดูเธอวาดภาพอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ไปรบกวน
เด็กหญิงวาดภาพอย่างช้า ๆ และตั้งใจมาก ค่อย ๆ แสดงภาพความทรงจำลึกซึ้งของตัวเองลงบนผืนผ้าใบสีขาวด้วยสีและพู่กันนานาชนิด
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เหมือนหินออบซิเดียนนั้น ไม่ใช่สีดำเงียบงันที่ชวนให้คนโศกเศร้า ในสายตาของเด็กหญิง ในตอนนั้นท้องฟ้าสีดำมืดก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเอง
แสงเหนือหลากสีสันที่สว่างไสว รวมไปถึงเมื่อมองลงไปเห็นหิมะสีขาวโพลนบนทะเลสาบใต้ภูเขา เงาคนและเต็นท์บนเขาที่มองเห็นไม่ชัด แต่ก็รู้สึกได้ถึงความครึกครื้นอย่างมากของคนเหล่านั้น
หนวนหน่วนที่กำลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ได้คิดถึงความเข้ากันของสีเลย เดิมทีนั้นเธอจะใช้สีตามที่ตัวเองเห็นในความทรงจำ
ทั้งภาพวาดให้ความรู้สึกที่สดใสและอบอุ่นมาก
เห็นได้ชัดว่าดูแล้วมีความไร้เดียงสาฉายออกมา แต่เมื่อเทียบกับภาพวาดของไป๋โม่ฮัวแล้ว ก็กลายเป็นภาพวาดเล่นของเด็กไปเลย ทว่าเมื่อดูภาพรวมแล้วสีสันก็ชวนให้คนรู้สึกดีอย่างมาก
ไป๋โม่ฮัววาดชิ้นงานของตัวเองเสร็จแล้ว ภาพวาดของเขาสวยมากจริง ๆ แสงและเงาสวยสดงดงาม ท้องฟ้าที่มืดมิดเหมือนว่ากำลังปิดบังความลับอยู่มากมาย มองออกไปจากหน้าผาลงไปยังทะเลสาบก็สะท้อนให้เห็นทุกสิ่ง
สีสันของแสงเหนือ ท้องฟ้ามืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวไปจนถึง… เงาสีดำบนหน้าผา
แต่เงาบนหน้าผาที่สะท้อนให้เห็นในน้ำนั้นยังถูกย้อมด้วยแสงเหนืออีกด้วย
ราวกับว่าในเหวลึกสีดำมองไม่เห็นก้นบึ้งนั้น ในที่สุดเงาคนที่มองเห็นไม่ชัดเจนก็หาแสงที่ส่องสว่างพบ
ภาพวาดแบบเดียวกับที่หนวนหน่วนวาด แต่ความรู้สึกที่เขาแสดงออกมากลับไม่เหมือนกัน
เหลียงฉือเมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรกก็จมดิ่งลงไปในภาพวาด เลือดในกายเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา เขายังได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงอีกด้วย
“ภาพวาดนี้ชื่ออะไรเหรอ”
บางทีเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าเสียงของเขาในตอนนี้สั่นไหว
ไป๋โม่ฮัว “อ้อ มันชื่อ ‘แสงขจาย’ ครับ”
“แสงขจาย” เหลียงฉือพึมพำสองคำนี้
หลังจากวาดเสร็จ ไป๋โม่ฮัวก็ไปดูผลงานของหนวนหน่วน เมื่อดูเสร็จก็สอนเทคนิคการใช้สีให้เธอและบอกจุดที่วาดไม่ถูกต้อง
“หนวนหน่วนเก่งมากเลย คนที่โตเท่าเธอเขาไปเล่นกันหมดแล้ว แต่เธอกลับวาดรูปสวยได้ขนาดนี้!”
สมกับเป็นญาติผู้น้องของเขา ช่างต่างกับคนอื่นจริง ๆ
หนวนหน่วนที่ถูกชมยิ้มอย่างมีความสุขมาก
สุดท้ายแล้วเหลียงฉือก็จ่ายเงินซื้อภาพ ‘แสงขจาย’ ของไป๋โม่ฮัว แล้วก็ภาพ ‘แสงเหนือ’ ของหนวนหน่วนด้วย
เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นทิวทัศน์เดียวกัน แต่ด้วยสายตาที่ต่างกันและความเข้าใจที่ต่างกัน ซึ่งหนวนหน่วนดูสะอาดตา ส่วนของไป๋โม่ฮัวคือความหวัง
ส่วนเหลียงฉือ… ชอบทั้งสองสิ่งนี้
ไป๋โม่ฮัวขายภาพให้เขาอย่างตรงไปตรงมา ส่วนหนวนหน่วนมอบภาพวาดของตัวเองให้เขา แม้ว่าเดิมทีเหลียงฉืออยากจะจ่ายเงินซื้อมันก็ตาม
แต่หนวนหน่วนถือภาพนั้นแล้วยื่นให้เขาก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู “อันนี้ให้พี่อาหนาน แบบนี้ต่อไปพี่จะได้เห็นแสงเหนือตลอดค่ะ”
เหลียงฉือรับภาพมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
วาดรูปไปสองสามชั่วโมง หนวนหน่วนก็ลูบบั้นท้ายตัวเองแล้วทำหน้ามุ่ย
“เจ็บก้นจัง”
นั่งนานไปแล้วเหนื่อยจังเลย
ไป๋โม่ซูสวมผ้าพันคอให้เธอแล้วอุ้มออกไปข้างนอก
“ออกไปเล่นกัน”
พอได้กระโดดก็ไม่เจ็บแล้ว
ไป๋โม่ฮัวหยิบผ้าพันคอมาพันให้ตัวเองแล้วรีบวิ่งตามออกไป
“พี่ พวกพี่รอด้วยสิ”
เหลียงฉือไม่ได้ออกไป ตอนนี้เขากำลังดูภาพวาดทั้งสอง ส่วนจางเหลียงคอยอยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ เขา
หนวนหน่วนถูกไป๋โม่ซูพาออกมา ด้านอีวานตอนนี้หมอนั่นกำลังจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่มีชีวิตชีวากับเหล่าเพื่อน ๆ
“ว้าว นางฟ้าตัวน้อยในที่สุดก็มาแล้ว ตอนที่ฉันไปชวนพวกเธอมาร่วมงานสละโสดของฉัน พวกเธอยังวาดภาพอยู่เลย แล้วภาพล่ะ”
อีวานพูดคุยกับหนวนหน่วนด้วยภาษาจีนแปร่ง ๆ ทั้งยังพยายามอย่างกล้าหาญที่จะแย่งตัวเด็กน้อยมาจากเพื่อนรักของตัวเอง
แต่ไป๋โม่ซูก็หลบได้อย่างสบาย ๆ
หนวนหน่วนไม่รู้ว่าอีวานได้ไปหาพวกเธอแล้ว แต่ว่า…
“พี่คะ อะไรคือปาร์ตี้สละโสดเหรอ” แววตาใสซื่อไร้เดียงสาของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความอยากรู้
ไป๋โม่ซู “…”
ความสนใจของเด็ก ๆ มักจะแปลกอยู่เสมอ
อีวาน “คนโสดก็คือคนไม่มีแฟน แบบพี่ชายของเธอไง โอ๊ย ๆ”
อีวานถูกไป๋โม่ซูที่หน้าตาถมึงทึงใช้มือที่ใส่ถุงมือปิดหน้าแล้วดันออกไป
“หุบปาก”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกของไป๋โม่ซูแฝงคำเตือนและการข่มขู่เอาไว้ชัดเจน
อีวานรีบยกมือยอมแพ้ ทั้งยังทำท่ารูดซิปปากด้วย
ไม่ให้พูดก็ไม่พูด ก็ใครกันแน่ล่ะที่โสด!