ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 241 แสงเหนือ
บทที่ 241 แสงเหนือ
ไป๋โม่ซูเมา ทึกทักไปเองว่าชายร่างใหญ่สองคนนั้นเป็นคนชั่วร้าย คิดจะลักพาตัวน้องสาวและน้องชายสุดที่รักของตัวเอง หลังอัดอีกฝ่ายจนน่วมแล้วก็อยู่เงียบ ๆ แล้วเปลี่ยนมาทำตัวเชื่อฟังแทน
หนวนหน่วนดึงมือเขาแล้วเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน “พี่คะ เราไปนั่งด้านนู้นกันดีไหม”
เด็กหญิงกลัวว่าพี่ชายขี้เมาของเธอจะล้มลงโดยไม่ทันตั้งตัว
“ได้สิ”
ไป๋โม่ซูพยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ถูกน้องสาวจูงมือให้เดินตามไปทีละก้าวอย่างเชื่อฟัง
ใบหน้าของเขาขึ้นริ้วแดง เช่นเดียวกับใบหู ดวงตาเรียวที่เดิมทีเย็นชานั้น ในตอนนี้ดูเหม่อลอย ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ดังนั้นจึงเชื่อฟังผิดปกติ หนวนหน่วนบอกให้ทำอะไรเขาก็ทำ
ไป๋โม่ฮัวเดินมาแล้วยื่นนิ้วจิ้มใบหน้าของพี่ชายแท้ ๆ
ตัวร้อนนิดหน่อยแฮะ
คนที่เดิมทีเหมือนกับหยกเย็น ตอนนี้กลับกลายเป็นหยกอุ่น ๆ แล้ว อยู่ท่ามกลางแสงไฟที่ล้อมรอบก็ยังคงดูดีอยู่
เป็นเพราะขามาพื้นที่ในเลื่อนหิมะมีจำกัด ดังนั้นเก้าอี้ที่เอามาล้วนเป็นเก้าอี้เตี้ยแบบพับได้ทั้งหมด หลังจากไป๋โม่ซูนั่งลง ขายาวคู่นั้นก็ไม่มีที่ให้วาง
แต่เขากลับงอขาเข้าอย่างเงียบ ๆ ดูเชื่อฟังเป็นที่สุด ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กอย่างคับข้องใจ คิ้วโก่งค่อย ๆ ผูกเป็นปม ราวกับกำลังคิดว่าไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร
“หนวนหน่วน” ทันใดนั้นก็เอ่ยปากเรียกลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
“มีอะไรเหรอคะ”
เด็กหญิงตอบเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกแรงหนึ่งดึงเขาไป ถูกกอดเอาไว้ในที่สุด
แค่ถูกกอดยังไม่พอ นิ้วเรียวของไป๋โม่ซูบีบแก้มยุ้ยนิ่ม ๆ ของเด็กหญิงตัวเล็ก แต่ไม่แรงนัก เพียงแค่บีบเล่นอย่างจริงจังเท่านั้น
ถูกต้องแล้ว เล่นนั่นแหละ!
ไป๋โม่ซูลดสายตาลง ใช้นิ้วแหย่ใบหน้าของเธอสักพัก จิ้มให้เนื้อนุ่มบนใบหน้าที่มีก้อนไขมันนั้นกลายเป็นหลุม จากนั้นเขาก็ปล่อย พอใบหน้าของหนวนหน่วนกลับไปเป็นแบบเดิม เขาก็จิ้มอีกครั้ง
หลังจากเป็นแบบนั้นอยู่สองสามครั้ง เขาก็เริ่มหยิกแก้มทั้งสองข้างของเจ้าตัวเล็กอีกครั้ง บีบทั้งสองข้างเข้าไปตรงกลาง แก้มของหนวนหน่วนจนหน้ายู่ สักพักก็ใช้ฝ่ามือกดใบหน้าของหนวนหน่วนแล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว จากนั้นใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มของเด็กน้อยก็สั่นกระเพื่อม
กำลังครึ้มใจเลยสินะ
นี่คือความคิดจากเหลียงฉือและไป๋โม่ฮัวที่อยู่ข้าง ๆ
ไป๋โม่ซูเล่นกับน้องสาวอย่างสนุกสนานจนปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า มุมปากยกขึ้นราวกับดอกบัวหิมะบนภูเขาหิมะที่บานออกอย่างงดงาม
แต่หนวนหน่วนที่ถูกปฏิบัติเหมือนของเล่นไม่มีความสุขแล้ว
นี่มันหน้าของหนูนะ!
“แสงเหนือมาแล้ว!”
เสียงของอีวานดังขึ้นจากด้านหลัง ทันใดนั้นทุกคนตรงนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ท้องฟ้าที่เดิมเป็นสีดำค่อย ๆ ปรากฏสีอื่น ๆ ขึ้นมา แสงเหนือดูราวกับผ้าชีฟองที่ลอยละล่องอยู่บนฟ้า เริ่มการแสดงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยท่วงท่าที่งดงาม
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นก็คือแสงเหนือสีเขียวเรืองแสง เหมือนกับว่ามันเป็นนางฟ้าที่ค่อย ๆ มาจากที่ไกล ๆ ขยับขึ้นลงอยู่บนท้องฟ้าแล้วเริ่มร่ายรำอย่างสวยงาม
การยืนอยู่บนที่สูง ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าหรือแสงเหนือที่สว่างไสวก็ล้วนทำให้คนมีความรู้สึกเหมือนกับว่าสามารถสัมผัสมันได้ด้วยมือ
หนวนหน่วนยกแขนขึ้นโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับว่ามือขาวเล็กอวบอิ่มของเธอได้สัมผัสกับแสงนั้น แสงเหนือนั้นทำเหมือนว่ากำลังเชิญให้เธอไปเต้นด้วยกัน
แสงเหนือสีอื่น ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง สีของพวกมันทำให้ท้องฟ้าสว่างไสว ทั้งยังส่องสว่างแก่คนที่ยืนดูอยู่บนพื้นดิน
การร้องรำอย่างช้า ๆ ขยับขึ้นลง เสียงตามธรรมชาติของลมและหิมะเป็นบทเพลงที่จริงใจที่สุด อีกทั้งแสงเหนือเหล่านั้นก็เหมือนเป็นเทพเซียนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย พวกมันดูสง่างาม เป็นความงดงามที่คนใฝ่หา
บนหน้าผาเงียบสงบมาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่สติยังดีอยู่หรือจะเป็นคนเมาก็ล้วนเงยหน้ามองงานเลี้ยงจากธรรมชาตินี้อย่างชื่นชม
เหลียงฉือมองไปยังแสงเหนือที่สวยงามจนทำให้คนตกตะลึงเหล่านั้น ในใจสงบอย่างน่าประหลาด แต่ในแววตากลับสะท้อนสีสันเหล่านั้น เขาได้ทำตามความฝันในวัยเด็กแล้ว ได้เห็นแสงเหนือของจริงสักที
ในตอนเด็ก โลกของเขานั้นเป็นสีเทา เสียงที่ได้ยินก็เป็นเสียงครึกโครม
แต่เขาในตอนนั้นที่ตัวสั่นด้วยความกลัวราวกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ บังเอิญได้เห็นแสงเหนือในโทรทัศน์ เขาก็รู้ได้ทันที ที่แท้โลกภายนอกกลับมีความสวยงามจนน่าตกตะลึงแบบนี้อยู่ด้วย
ภาพนั้นฝังลึกอยู่ในใจเขา เขาอยากดูแสงเหนือ อยากเห็นแสงเหนือสักครั้ง
หลังจากหนีออกมาจากชีวิตที่เหมือนฝันร้ายนั้นได้จริง ๆ เขาเองก็เคยคิดว่าตัวเองจะได้เห็นแสงสว่าง แต่ความเป็นจริงแล้ว โลกของเขาหลังจากนั้นกลับดำมืดลงไปอีก
หนวนหน่วนเป็นแสงแรกที่สายตาของเขามองเห็น เธอเป็นแสงที่เขาต้องการปกป้องและทะนุถนอม ตอนนี้คนที่เขาต้องการจะปกป้อง กลับเป็นฝ่ายพาเขามาดูสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดตั้งแต่เด็ก
ความจริงแล้วหลังจากรู้สึกประหลาดใจ เขาก็สงบลง ตอนนี้ก็ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้าเมื่อตอนยังเด็กที่อยากจะเห็นแสงเหนือเป็นครั้งแรกแล้ว
เป็นเพราะตอนนี้เขารู้ได้อย่างชัดเจน แสงเหนือนั้นงดงามมาก แต่มันกลับเป็นเหมือนดอกไม้ไฟที่สามารถมองได้จากที่ไกล ๆ เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถไปถึง
แต่ตอนนี้รอบตัวเขามีแสงสีขาวที่สะอาดและอบอุ่น สามารถมองเห็นได้และสัมผัสได้ ทั้งยังอบอุ่นแต่กลับไม่ร้อนจนแผดเผาเขา
เหลียงฉือเอนศีรษะ แววตาที่มองคนตัวเล็กดูสว่างสดใส ชายหนุ่มโค้งมุมปาก ระบายยิ้มอย่างผ่อนคลาย
ตลอดชีวิตนี้เขาอยู่ในความมืด เมื่อได้พบเธอในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ไม่เสียใจแล้ว
“ว้าว สวยจังเลย!”
“พี่อาหนานรีบดูเร็วค่ะ แสงเหนือที่พี่อยากดู!”
หนวนหน่วนหันหน้าไปมองเหลียงฉือด้วยรอยยิ้มสดใส นิ้วชี้ไปยังแสงบนท้องฟ้า ดวงตาคู่สวยเปล่งประกาย ในสายตาของเขานั้น เด็กหญิงสวยยิ่งกว่าแสงเหนือที่อยู่บนท้องฟ้าเสียอีก
หลังจากแสงเหนือหายไป ทุกคนก็ยังรู้สึกเหมือนอารมณ์ค้างอยู่เล็กน้อย
แม้แต่คนอย่างอีวานและอันเดรที่เห็นมาหลายครั้งแล้วก็ยังเป็นเหมือนกัน
อีวานอ้าแขนออกอย่างโอ้อวดราวกับต้องการจะโอบกอดโลกใบนี้ “ธรรมชาตินี่ช่างเป็นผู้สรรค์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ฉันรักมันจัง!”
อันเดรหัวเราะฮ่า ๆ ออกมา “ฉันก็รักเหมือนกัน”
ไป๋โม่ซูที่ใช้แขนโอบหนวนหน่วนอยู่ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาดูเรียบง่าย แต่ก็สง่างามมาก
ไป๋โม่ฮัวดูภาพที่ถ่ายเอาไว้ในโทรศัพท์ไม่ต่ำกว่าสิบภาพ “ผมจะต้องวาดมันให้ได้เลย”
เมื่อก่อนเขาก็เคยเห็นและวาดภาพแสงเหนือมาก่อน แต่กับสิ่งเดียวกันนี้ ทุกครั้งที่เห็นก็จะรู้สึกต่างกันออกไป ผลของภาพที่วาดออกมาก็จะแตกต่างกันด้วย
จางเหลียงเองก็เพิ่งได้เห็นแสงเหนือเป็นครั้งแรก เขาคิดว่าในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมพี่เหลียงฉือถึงอยากดูแสงเหนือขนาดนี้ เป็นเพราะมันสวยงามมากจริง ๆ
ค่ำคืนนี้สวยงามมาก ทั้งยังน่าประหลาดใจมากด้วย
“พี่โม่ซูหลับไปแล้ว”
ท้องฟ้ามืดมากแล้ว หนวนหน่วนกะจะพาไป๋โม่ซูไปนอน
แต่ไป๋โม่ซูที่เห็นชัด ๆ ว่าเมื่อครู่เชื่อฟังอย่างมาก ในตอนนี้กลับดูเหมือนจะ ‘ดื้อรั้น’ ขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ พี่จะดูแสงเหนือ” ไป๋โม่ซูเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เหลือไว้เพียงใบหน้าด้านข้างและคางที่หล่อเหลาคมชัดให้หนวนหน่วนดู
หนวนหน่วนตัวน้อยเป็นกังวลเสียจนใบหน้าเล็ก ๆ ยับยู่
“แต่ดูแสงเหนือเสร็จไปแล้วนะ”
ไป๋โม่ซูเชื่อมั่น “ยังซะหน่อย”
อีวาน “ไป๋โม่ซู! วันนี้ไม่มีแล้ว”
ไป๋โม่ซูค่อย ๆ เลื่อนสายตาหันมาจ้องมองเขาแล้วถามอย่างเย็นชา
“นายเป็นใคร”
อีวาน “!!!”
เสียงระฆังเตือนดังขึ้นมาในหัวทันที ชายหนุ่มหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป เขาไม่อยากถูกซ้อมอีกแล้ว!
ไป๋โม่ซูส่งเสียงฮึดฮัด อุ้มเด็กหญิงที่อยู่ข้าง ๆ มาวางไว้บนตักแล้วกอดหมับ
“ดูแสงเหนือ”
ทุกคน “…”
เมาจนเสียสติไปแล้วมั้ง
โชคดีที่ถึงแม้ไป๋โม่ซูที่เมาจะแปลกไปหน่อย แต่ก็โน้มน้าวได้ง่ายมาก
ไป๋โม่ฮัวดึงเขา “พี่ เราไปนอนเถอะ”
หนวนหน่วนเจื้อยแจ้วให้เขาฟังว่าได้ดูแสงเหนือไปแล้วเมื่อกี้ ถ้าอยากจะดูอีกก็ต้องรอพรุ่งนี้หรือไม่ก็ครั้งหน้า
ในที่สุด ไป๋โม่ซูก็ถูกน้องชายของตัวเองและญาติผู้น้องเกลี้ยกล่อมให้เข้าไปในเต็นท์ จากนั้นก็ถูกสั่งทีละขั้นตอนให้เข้าไปนอนในถุงนอนราวกับเด็กประถม
เต็นท์อยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางลมหนาว นอนในถุงนอนสักพักก็อบอุ่นขึ้นมาเป็นพิเศษ จากนั้นค่ำคืนนี้ก็ค่อย ๆ เงียบสงบลง