ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 237 วันแรกในมูร์มันสค์
บทที่ 237 วันแรกในมูร์มันสค์
การไปส่งหนวนหน่วนขึ้นเครื่องบินโดยที่ตัวเองไม่ได้ขึ้นไปด้วยกันเป็นเรื่องยากลำบากมาก
กู้หนานหน้าตาบึ้งตึง ไม่เต็มใจส่งน้องน้อยตัวนุ่มในมือออกไป
ไป๋โม่ซู “…พี่กู้หนาน พี่คิดจะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เหรอ?”
กู้หนานเม้มริมฝีปากบาง จ้องมองไป๋โม่ซูด้วยดวงตาดำมืดมิดลึกล้ำราวกับบ่อน้ำโบราณ
หากเป็นคนอื่นถูกเขาจ้องมองเช่นนี้ หนังศีรษะคงจะระเบิดออก ขาอ่อนระทวย แต่ไป๋โม่ซูกลับเอื้อมมือออกไปรับเด็กหญิงตัวน้อยน่าเอ็นดูดั่งบัวลอยขาวจากอ้อมอกของเขาอย่างมุ่งมั่น
หนวนหน่วนโอบรอบคอของพี่ชายใหญ่ ยื่นใบหน้าจ้ำม่ำนุ่มนิ่มของตนเข้าไปแนบด้านข้างใบหน้าอันคมสันเคร่งขรึมของเขา
“พี่ใหญ่ คราวหน้าหนวนหน่วนจะไปเที่ยวกับพี่ดีไหมคะ…”
จะทำอย่างไรเวลาพวกพี่ชายไม่มีความสุข? แน่นอนว่าหนวนหน่วนต้องปลอบใจ
หนวนหน่วนเสียงอ่อนเสียงหวาน คลอเคลียปลอบประโลมพี่ชายใหญ่อย่างอ่อนโยน สีหน้าของกู้หนานจึงดูดีขึ้น
แต่ก็ต้องปลอบใจพี่ชายคนอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะพี่ชายคนเล็ก ที่ทำท่าเหมือนจะกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น โวยวายจะตามไปด้วย
เช้าวันนี้ก็เกือบยัดตัวเองเข้าไปในกระเป๋าเดินทาง พยายาม ‘ใช้วิธีการตบตา’ ขึ้นเครื่องบินด้วยกัน แต่โชคดีที่ญาติผู้พี่ที่ฉลาดปราดเปรื่องพบเข้า
หนวนหน่วน “คราวหน้า คราวหน้าพวกเราไปเที่ยวด้วยกันนะ”
แม้จะไม่รู้ว่าคราวหน้าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เถอะ
ในที่สุดก็ไปแล้ว จางเหลียงลากกระเป๋าเดินทางถอนหายใจโล่งอก พวกพี่ชายของหนวนหน่วนแต่ละคนเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน แค่ชำเลืองมองมาก็ทำให้เขาเหงื่อตกแล้ว
ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งเลื่อมใสเหลียงฉือมากขึ้นไปอีก เพราะพี่ชายใหญ่ของหนวนหน่วนมองพวกเขาสองคน แต่พี่เหลียงฉือไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
ในขณะที่นั่งเครื่องบินส่วนตัว จางเหลียงก็อยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งที่นี่
เมื่อก่อนเขาเป็นเพียงเด็กยากจนที่ถูกพ่อขี้เมาทุบตี แม้แต่อาหารก็ยังไม่มีจะกิน แต่ตอนนี้เขาได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวแล้ว!
เป็นการบังคับเลื่อนตำแหน่งที่รวดเร็วมาก
สิ่งก่อสร้างในเมืองค่อย ๆ กลายเป็นจุดเล็ก ๆ ในที่สุดเครื่องบินก็ขึ้นมาถึงชั้นเมฆ ชั้นเมฆหนา กลุ่มเมฆดั่งขนมสายไหมม้วนตัวมาบดบังสายตา มองไม่เห็นสิ่งอื่น ๆ บนพื้นดินอีกต่อไป
เมืองเล็ก ๆ ในมูร์มันสค์เป็นสถานที่ที่หนวนหน่วนและคนอื่น ๆ พักอาศัยอยู่ชั่วคราวในเวลานี้
เพื่อนของไป๋โม่ซูเป็นชาวรัสเซียท้องถิ่น สูงใหญ่หล่อเหลา ผิวขาวได้มาตรฐาน ทั้งเส้นผมและดวงตาเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ทันทีที่เห็นไป๋โม่ซูก็อ้าแขนเข้ามากอดด้วยความกระตือรือร้น
“โม่ซูเพื่อนรัก นายไม่ได้ติดต่อฉันนานมาก ๆ เลยนะ ยินดีต้อนรับสู่มูร์มันสค์”
ไป๋โม่ซูกอดเขาพอเป็นพิธีแล้วปล่อย แนะนำผู้คนรอบตัวเขาด้วยภาษารัสเซียชัดปร๋อ พร้อมกันนั้นได้แนะนำตัวเขากับหนวนหน่วนและคนอื่น ๆ ด้วย
“นี่เพื่อนของพี่ ชื่ออีวาน”
หนวนหน่วนทักทายอย่างว่าง่าย
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่อีวาน”
อีวานก็พูดภาษาจีนได้ แต่สำเนียงเวลาพูดออกจะแปร่ง ๆ ไปสักหน่อย
“โม่ซู ฉันไม่เคยได้ยินนายเล่าว่ามีน้องสาวสวยน่ารักขนาดนี้ ตอนเรียนนายก็พูดถึงแต่น้องชาย”
ถูกแล้ว อีวานและไป๋โม่ซูเป็นเพื่อนนักศึกษาตอนเรียนมหาวิทยาลัย
หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว อีวานก็พาพวกเขาไปที่บ้านพักชั่วคราว
ที่นั่นเป็นบ้านไม้อบอุ่นในป่าบนภูเขา แม้จะเป็นเพียงบ้านไม้ แต่พื้นที่ก็ไม่เล็กเลย เตาผิงยังคงเผาไหม้อยู่ในบ้าน เข้าไปก็รู้สึกอบอุ่นมาก อากาศก็สดชื่นและสะอาด
อากาศที่นี่หนาวมากจริง ๆ แต่ทุกคนก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหนา ๆ โดยเฉพาะหนวนหน่วน เธอเหมือนหมีน้อยน่ารักไม่มีผิด ตลอดทางอีวานชอบชวนเด็กหญิงตัวน้อยอ่อนหวานพูดคุย บางครั้งก็พูดภาษาจีนปนรัสเซียด้วยความตื่นเต้น โชคดีที่หนวนหน่วนพอจะเดาความหมายได้
“ฉันพักอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ มีอะไรก็มาหาฉันได้ทุกเมื่อ ถ้าอยากเล่นสกีกัน ฉันสอนได้”
ไป๋โม่ซูพยักหน้า “ขอบใจนะ วันนี้เราอาจจะต้องเก็บข้าวของกันก่อน”
อีวานพยักหน้า “ถ้าอยากดูแสงเหนือก็มาหาฉันก่อนจะมืดดีกว่า ฉันรู้จักสถานที่ที่เหมาะสมมากที่หนึ่ง แต่ก่อนอื่นฉันต้องไปยืมแคร่เลื่อนหิมะสองอันจากเพื่อนเก่าก่อน”
หนวนหน่วนถาม “แคร่เลื่อนหิมะคืออะไรคะ?”
อีวานย่อตัวลง พูดคุยเรื่องแคร่เลื่อนหิมะกับหนวนหน่วนอย่างฮึกเหิม
“มันเป็นเครื่องมือขนส่งที่ใช้สุนัขลากเลื่อนบนพื้นหิมะ สุนัขลากเลื่อนที่ครอบครัวของอันเดรเลี้ยงหล่อที่สุด ฉันอยากยืมสุนัขลากเลื่อนของพวกเขามาใช้หลายครั้งแล้ว แต่เจ้าพวกนั้นมันดื้อ ไม่ฟังใครเลยนอกจากเจ้าของของพวกมัน!”
หนวนหน่วนสนใจสุนัขลากเลื่อนมาก แต่เธอไม่ได้ขอไปด้วยให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอต้องปวดหัว
หลังจากอีวานไปแล้ว หนวนหน่วนก็บอกให้เหลียงฉือนั่งผิงไฟอยู่เฉย ๆ อย่างใส่ใจ ตัวเธอวิ่งวุ่นไปทั่วกับญาติผู้พี่ทั้งสองเหมือนผึ้งที่ขยันขันแข็ง
เด็กหญิงวิ่งจนเหงื่อชุ่ม
ไป๋โม่ซูถอดผ้าพันคอของเธอออก พาเด็กน้อยไปนั่งข้างเตาผิงกับเหลียงฉือ
“เด็กดี เรื่องพวกนี้พี่จัดการเอง”
หลังจากพูดอย่างเยือกเย็น เขาก็เอาฝ่ามือแตะศีรษะทุย ๆ ของเธออย่างแผ่วเบาแล้วเดินออกไป
ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับหนังสือนิทานเล่มหนึ่งในมือ
“อ่านหนังสือนิทานฆ่าเวลาไปก่อน”
หนวนหน่วนกวัดแกว่งขาสั้น ๆ กอดหนังสือเอาไว้แล้วกระเถิบเข้ามาใกล้พี่อาหนานอีกนิด
“พี่อาหนาน หนวนหน่วนอ่านนิทานให้พี่ฟังดีไหมคะ?”
เหลียงฉือพยักหน้า นิ้วมือซูบผอมเรียวยาวถือองุ่นกลมมนอยู่หนึ่งเม็ด เขาปอกเปลือกองุ่นอย่างคล่องแคล่วแล้วป้อนหนวนหน่วน
เด็กหญิงตัวน้อยอมองุ่นไว้ในปาก เริ่มอ่านเรื่องราวในหนังสือด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอู้อี้
ตัวอักษรในหนังสือเป็นภาษารัสเซีย แต่โชคดีที่มีคำแปลภาษาจีนอยู่ข้างใต้ภาษารัสเซีย
ในบ้านไม้อันอบอุ่น เสียงเด็กน้อยนุ่มนวลลอยออกมานอกหน้าต่าง ผู้คนที่กำลังยุ่งอยู่ในบ้านไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ตรงกันข้ามกลับมีพละกำลังอย่างไม่หมดสิ้น
ไม่นานห้องนอนของทุกคนก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไป๋โม่ซูค่อนข้างเผด็จการ บนเตียงไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มดูเรียบร้อยไม่มีรอยยับ รองเท้าวางเรียงลำดับจากสูงไปต่ำ เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าก็เช่นกัน เขาต้องมองแล้วรู้สึกสบายใจ
ไป๋โม่ซู “คืนนี้หนวนหน่วนจะนอนห้องเดียวกับฉัน”
เพิ่งมาถึงสถานที่แปลกใหม่ ไป๋โม่ซูไม่วางใจให้น้องสาวคนเล็กนอนคนเดียว
จางเหลียง “ผมอยู่กับพี่เหลียงฉือ”
เช่นนี้ตอนกลางคืนจะได้ดูแลพี่เหลียงฉือให้ดี ๆ
ตัวเหลียงฉือเองก็ไม่ขัดข้อง
“แล้วจะให้ผมนอนคนเดียวเหรอ?”
ไป๋โม่ฮัวมองพี่ชายและน้องสาวคนเล็กตาปริบ ๆ จากนั้นทอดสายตาไปยังเตียงใหญ่ภายในห้อง
“พี่…”
เห็นสายตาน่าสงสารของเขาไหม พี่จะทนเห็นน้องชายแท้ ๆ นอนคนเดียวได้เหรอ?
ไป๋โม่ซู “…”
“ไม่เป็นไร เบียด ๆ กันหน่อยแล้วกัน”
น้องชายของตนคนนี้ว่านอนสอนง่ายแต่เด็ก เพิ่งเดินได้ก็คอยวิ่งตามก้นเขาเรียกพี่ชายมาตลอด
ถ้าเขาเย่อหยิ่งเหมือนน้องชายของกู้หมิงอวี๋ ตนก็คงไม่รักและเอ็นดูเขามากขนาดนี้ อย่างเช่นในตอนนี้ อย่าว่าแต่นอนเตียงเดียวกันเลย แค่เรียกร้องเขาก็พร้อมจะถีบออกไปโดยไม่ลังเลแล้ว
แต่ว่า… ใครใช้ให้น้องชายของเขาเป็นเด็กดีล่ะ
ห้องถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เตาผิงในบ้านไม้กำลังอุ่นมาก ทุกคนงีบหลับได้ครู่หนึ่งอีวานก็มาหา