ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 236 ฉันอยากไปดูแสงเหนือ
บทที่ 236 ฉันอยากไปดูแสงเหนือ
“พี่อาหนาน พี่อยากไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”
ที่โรงพยาบาล หนวนหน่วนซบอยู่ข้าง ๆ เตียงคนไข้ มองยาน้ำที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของชายหนุ่มทีละนิดตามท่อสายยาง อดไม่ได้ที่จะพองปากแล้วเป่าลมลงที่หลังมือของเขา
เข็มที่ทิ่มเข้าไปในเนื้อน่าจะเจ็บมากเลย
เหลียงฉือเงียบไปพักหนึ่งแล้วตอบไปว่า “ฉันอยากไปดูแสงเหนือ”
ตอนเด็ก ๆ มีครั้งหนึ่งที่ชายคนนั้นเมาเหล้าแล้วเผลอหลับไปตอนดูโทรทัศน์ เขาแอบหลบอยู่ที่มุมห้อง ไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่นิด และแล้วก็บังเอิญได้เห็นสีสันน่าตื่นตาตื่นใจในโทรทัศน์ เสียงในโทรทัศน์แนะนำว่าสีสันสวยงามที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและพร้อมจะตกลงมาทุกเมื่อนั้นเรียกว่าแสงเหนือ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งที่สวยงามขนาดนั้น
เหลียงฉือไม่เคยคิดจะไปเที่ยวเลย แต่พอหนวนหน่วนถามว่าเขาอยากไปที่ไหน สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือสีสันที่น่าทึ่งที่เขาเห็นในโทรทัศน์ตอนนั้น
ไป๋โม่ซูที่ยืนอยู่นอกประตูชะงักมือบนลูกบิด ในหัวรีบคิดหาประเทศและเมืองที่เหมาะแก่การไปดูแสงเหนือที่สุด
ทันใดนั้นก็คิดเมืองที่เหมาะสมได้สองสามที่ แต่สุดท้ายแล้วจะไปที่ไหนก็ต้องถามเหลียงฉือก่อนค่อยว่ากัน ยังไงซะการไปเที่ยวครั้งนี้ นอกจากจะให้หนวนหน่วนได้ผ่อนคลายใจแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็เพื่อตัวเหลียงฉือเอง
หลังจากเปิดประตูเข้าไป ไป๋โม่ซูมองดูยาที่เหลือ อีกประมาณสิบกว่านาทีก็จะเสร็จแล้ว
“พี่โม่ซู พี่อาหนานบอกว่าอยากไปดูแสงเหนือค่ะ”
หนวนหน่วนวิ่งไปดึงมือของไป๋โม่ซูแล้วเดินเตาะแตะกลับมานั่งลงข้างเตียงของเหลียงฉือ ปากน้อย ๆ เอ่ยเจื้อยแจ้วถึงสิ่งที่เธอและเหลียงจือพูดคุยกันเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
ไป๋โม่ซูเองก็อดทนตั้งใจฟัง ทั้งยังหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหารูปภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับแสงเหนือให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองดูอีกด้วย
หนวนหน่วนดูรูป ก่อนจะร้องว้าวออกมาอย่างประหลาดใจ “สวยเหมือนที่พี่อาหนานบอกจริง ๆ ด้วย”
เหลียงฉือที่นั่งอยู่บนเตียงก็มองดูด้วย
ไป๋โม่ซูยื่นจอโทรศัพท์ส่งไปให้
“นายอยากไปดูแสงเหนือที่ไหนล่ะ” หลังจากนั้นไป๋โม่ซูก็เอ่ยชื่อประเทศมาสองสามแห่ง
การแสดงออกบนใบหน้าของไป๋โม่ซูไม่ได้แปรปรวนนัก ไม่ต่างจากใบหน้าเยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็งของกู้หนานเท่าไร มีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ส่งผลกระทบต่อเขาได้ ทำให้ชายหนุ่มราวกับเป็นเซียนอมตะไม่กินดอกไม้ไฟในโลกมนุษย์*[1] เสียอย่างนั้น
ถึงแม้ตอนนี้คนที่เขากำลังถามคือคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย อารมณ์ของเขาก็ยังราบเรียบ ไร้ร่องรอยของอารมณ์แปรปรวนใด
เหลียงฉือไม่ได้ตอบเขา แต่มองไปยังหนวนหน่วน “มีประเทศที่อยากไปไหม”
หนวนหน่วนมองเขาแล้วกะพริบตา ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงนุ่มนวล รู้ความและเชื่อฟังออกมา “พี่อาหนาน พวกเราไปเป็นเพื่อนพี่นะคะ พี่อยากไปที่ไหน หนวนหน่วนก็จะไปที่นั่น”
แค่คิดว่าพี่อาหนานจะจากไป หนวนหน่วนก็รู้สึกเศร้าอยู่ในใจอย่างล้นเหลือ
“ไปรัสเซียกันเถอะ”
หลังจากยืนยันจุดหมายแล้ว ในวันนั้นพวกหนวนหน่วนก็กลับไปแล้วเริ่มจัดกระเป๋า
ทั้งครอบครัวร่วมมือช่วยกันเตรียมตัว
กู้หนาน “เครื่องบินส่วนตัวเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว”
กู้หมิงอวี๋และไป๋อันหรานกำลังช่วยเลือกเสื้อผ้าให้หนวนหน่วน รสนิยมของทั้งสองคนทันสมัยเลยสามารถจับเสื้อผ้าเข้าคู่ได้อย่างดี ตอนนี้เสื้อผ้าที่เลือกไว้ให้หนวนหน่วนเป็นพวกชุดขนสัตว์ตัวหนา อย่างไรเสียอากาศทางด้านนั้นก็น่าจะหนาวมาก
ไป๋อันหราน “เอาลองจอห์นไปอีกสองสามตัวสิ จะลืมไม่ได้เลยนะ”
กู้หมิงอวี๋ “ที่ครอบหู ผ้าพันคอแล้วก็ถุงมือ พวกนี้เอาไปเยอะอีกหน่อย ถุงเท้าก็ต้องใส่ให้หนา ๆ หน่อยถึงจะดี ขนาดรองเท้าก็ต้องใหญ่กว่าที่ใส่ตอนนี้ด้วย”
ทั้งสองคนพึมพำพลางหยิบของออกมาเตรียมไว้ให้หนวนหน่วนอย่างรวดเร็ว
กู้หลินโม่ก็ช่วยเก็บกระเป๋า แม้แต่ผู้เฒ่ากู้เองก็ไม่ได้อยู่เฉย คอยเตือนอยู่ข้าง ๆ เป็นระยะ ๆ
“อย่าลืมถุงร้อนล่ะ แล้วก็ยังมีของกิน…”
ไป๋โม่ฮัวส่งเสียงเหน็ดเหนื่อยพลางหอบเอาของกินกองใหญ่เข้ามา
“ของกินมาแล้วครับ!”
ทุกคนมองไปยังเขาที่หอบของกินเล่นมากมายมาในอ้อมแขน “…”
กู้หมิงหลี่กุมขมับ ก่อนจะเดินไปตบที่ท้ายทอยของเขาแบบไม่แรงและไม่เบาเกินไป
“โง่หรือเปล่าเนี่ย ใครบอกให้เอาของกินพวกนี้มา!”
ไป๋โม่ฮัวมองของในอ้อมอกตัวเอง
ก็แค่ของกิน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย!
กู้หมิงหลี่คำรามข้างหูไป๋โม่ฮัว “เขาให้เอาของกินรองท้องมาต่างหาก!”
ไป๋โม่ฮัว “…”
“อ้อ”
แต่เขาก็ยังไม่อยากวางสมบัติที่อยู่ในมือพวกนี้ลงเลย มีแต่ของอร่อย ๆ ที่เขาชอบนี่นา
ไป๋โม่ซู “…เอาไปให้หมดนั่นแหละ”
ทันใดนั้นไป๋โม่ฮัวและหนวนหน่วนก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขทันที
กู้หมิงหลี่พึมพำ “โตขนาดนี้แล้วไม่ต่างกับหนวนหน่วนเลย”
ไป๋โม่ฮัวหูดีมาก
ฉันได้ยินนะ!
“ฉันแค่ชอบกินเฉย ๆ แล้วจะทำไมเล่า ไม่ได้ไปอ้วนบนหัวนายสักหน่อย!”
กู้หมิงหลี่ก้มลงมองเขา
“นี่นายอ้วนแล้วเหรอ”
ไป๋โม่ฮัวเอาแต่บ่นอุบ ฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพูดอะไร เจ้าตัวเดินผ่านกู้หมิงหลี่ไปด้วยความโกรธเหมือนปลาปักเป้าพองลม
ว่ากันตามตรงก็ไม่รู้ว่าทำไม นิสัยของหนวนหน่วนถึงคล้ายคลึงกับไป๋โม่ฮัวเป็นส่วนใหญ่
ไป๋โม่ฮัวจึงเป็นที่รักในบ้านหลังนี้มาก มากเสียยิ่งกว่ากู้อันผู้ซึนเดเระซะอีก
เขารักการกินขนาดนี้แต่กลับไม่อ้วน แถมยังผอมมาก แล้วก็เตี้ยด้วย
แน่นอนว่าคำสุดท้ายนั้นพูดออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวจะโกรธจนกลายเป็นบอลลูนที่ระเบิดกลางอากาศแน่ ๆ
ทั้งครอบครัวพากันยุ่งวุ่นวาย สุดท้ายแล้วของของหนวนหน่วนก็ถูกบรรจุลงในกล่องใหญ่ห้าใบ ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นเสื้อผ้า ที่นั่นอากาศหนาว ดังนั้นเสื้อผ้าที่พกไปจึงค่อนข้างหนา
เสื้อผ้าตัวหนากินพื้นที่มาก แต่นี่ก็มากไปหน่อย ไม่ว่าไป๋โม่ซูจะอธิบายว่าไปถึงที่นั่นแล้วจะซื้อเสื้อผ้าให้หนวนหน่วนอย่างไร แต่คนที่เป็นแม่และพี่ชายก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจที่เป็นห่วงเป็นใยได้
ไป๋โม่ซูมองไปยังของเหล่านี้บนพื้น กระตุกมุมปากเล็กน้อย ไม่นานก็ควบคุมสีหน้าของตัวเองกลับมาเยือกเย็นดังเดิม
“ไปกันเถอะ”
ยังดีที่เขาไม่จำเป็นต้องแบกของพวกนี้ ไม่อย่างนั้นคงเหนื่อยตายแน่
สิ่งที่ไป๋โม่ฮัวพกมาก็มีไม่มาก เดิมทีของที่เจ้าเด็กนี่ขนไปก็ล้วนเป็นของกิน
พูดถึงความแตกต่างของทั้งสามคนนี้ ไป๋โม่ซูถือกระเป๋าสีดำเพียงใบเดียว ดูแล้วน่าสงสารชอบกล
หนวนหน่วนกวาดตามอง “พี่โม่ซู พี่เอาเสื้อผ้าไปพอไหมคะ พวกพี่เขาบอกว่าที่นั่นหนาวมากเลยนะ”
ไป๋โม่ซูไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า “ที่นั่นมีเสื้อผ้าขายนะ”
หนวนหน่วนตอบรับอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ถามต่ออีก
ไป๋โม่ฮัวโน้มตัวเข้ามาอีกครั้ง “พี่ไม่เอาของกินไปอีกหน่อยเหรอ”
ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋โม่ซูยังคงไร้ความรู้สึก “ที่นั่นก็มีของกิน”
ไป๋โม่ฮัวตอบเสียงอ้อแอ้ “แต่ถ้าพวกเรากินแล้วไม่ถูกปากจะทำยังไงล่ะ”
ไป๋โม่ซูเคาะหัวน้องชายของตัวเองทีหนึ่ง “แค่หาของที่อยากกิน พี่ชายนายมีความสามารถอยู่แล้วน่า”
กล่าวจบก็ย่อตัวลงอุ้มหนวนหน่วนขึ้นมา อีกมือก็ลากกระเป๋าเดินทางเดินออกไปข้างนอก
“ไปละ”
ไป๋โม่ฮัวรีบเดินตามไป
ครั้งนี้หนวนหน่วนออกจากบ้านไปไกล ทุกคนที่บ้านก็พากันมาส่ง ทำเหมือนอยากจะไปด้วยเสียอย่างนั้น
ตลอดทางในรถถ้าไม่ใช่คอยกำชับว่าให้จำเรื่องนี้ ก็กำชับว่าให้จำเรื่องนั้น
“หนวนหน่วนช่วงนี้ก็เรียนภาษารัสเซียไว้หน่อยนะ ไม่อย่างนั้นพอไปถึงแล้วฟังไม่ออก ถ้าเสียเปรียบจะทำยังไงล่ะ”
“จำไว้ว่าต้องอยู่ใกล้พี่ไว้นะ คนที่นั่นดุมาก ดุขนาดสู้กับหมีได้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหนวนหน่วนก็ตาเป็นประกาย “แล้วหนวนหน่วนจะได้เห็นหมีไหมคะ”
ไป๋โม่ซูลูบหัวของเธอ “ที่นั่นมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์อยู่ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวพี่พาเธอไปดูนะ”
หนวนหน่วนยกยิ้มออกมา “แล้วจะมีหมาป่าไหมคะ”
พี่อาหนานชอบหมาป่า จะพาพี่อาหนานไปดูด้วย
ไป๋โม่ซูตอบ “มีสิ”
ทั้งยังเป็นหมาป่าหิมะที่สวยมากด้วย
พวกเขาไปรับเหลียงฉือและจางเหลียงแล้วก็ตรงไปยังสนามบิน เพียงพวกเขาปรากฏตัว ก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทันที
ข้างกายมีบอดีการ์ดที่คอยแบกกล่องสัมภาระมากมาย พอปรากฏกลุ่มชายหนุ่มรูปหล่อที่ทั้งหล่อเหลา บุคลิกและรูปร่างดีขนาดนี้ ทุกคนต่างก็อยากจะกรีดร้อง
หนวนหน่วนพิงไหล่พี่ใหญ่แล้วมองไปรอบ ๆ ดวงตาคู่โตกวาดมองไปที่ไหนก็จะเห็นนัยน์ตาพร่างพราวไปด้วยประกายนับไม่ถ้วน เธอเคยชินกับภาพนี้แล้ว ทุกครั้งที่พวกพี่ ๆ พาออกไปข้างนอกก็จะเห็นภาพนี้ตลอดเลย
รู้สึกว่าพี่ ๆ ของตัวเองถูกจ้องมองตาเป็นมัน ถ้าอยากจะซ่อนตัวพี่ ๆ ไว้ เธอจะซ่อนได้ไหมนะ
หนวนหน่วนมองร่างสูงเพรียวของเหล่าพี่ชาย ก่อนจะมองรูปร่างเล็กเตี้ยของตัวเอง
หนวนหน่วนซ่อนไม่มิดแน่เลย!
“เป็นอะไรไปเหรอ”
ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเด็กน้อย กู้หนานก้มหน้าลงถาม น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยการเอาใจน้องสาวเป็นพิเศษ ทุ้มต่ำน่าฟังอย่างมาก
หนวนหน่วนเขินอายเล็กน้อย เธอพิงเข้ากับข้างหูของพี่ชายแล้วบอกถึงความคิดเล็ก ๆ ของตัวเองกับพี่คนโตอย่างตรงไปตรงมา
มุมปากของกู้หนานยกขึ้นเล็กน้อย “อยากเอาพวกเราไปซ่อนเหรอ”
หนวนหน่วนส่ายหน้าอย่างเขินอาย “เมื่อกี้คิดแบบนั้น ตอนนี้หนวนหน่วนไม่อยากซ่อนแล้ว”
ขณะที่พูดก็เหลือบมองพี่ ๆ แวบหนึ่ง ไม่นานหัวเล็ก ๆ ก็ส่ายไปมาอย่างน่ารัก
เด็กหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุงหงิง “พี่ ๆ ของหนูดีขนาดนี้ ไม่ซ่อนหรอก”
เหล่าพี่ ๆ ของเธอเปล่งประกายแบบนี้ ซ่อนไม่มิดอยู่แล้ว
อย่างไรทุกคนก็จะเป็นพี่ของหนวนหน่วนตลอดไป เธอโชคดีจังเลย มีพี่ชายหล่อ ๆ ที่ใจดีจนคนอื่นอิจฉามากขนาดนี้
เพื่อน ๆ ในชั้นเรียนต่างก็อิจฉาเธอด้วยละ
[1] เซียนไม่กินดอกไม้ไฟในโลกมนุษย์ (不食人间烟火) หมายถึง เทพเซียนไม่กินอาหารปรุงสุกของโลกมนุษย์