ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 234 พี่อย่าตายนะเข้าใจไหม
บทที่ 234 พี่อย่าตายนะเข้าใจไหม
หลังเลิกเรียนตอนบ่าย ไป๋โม่ฮัวก็มารับพวกเขาจริง ๆ เพื่อนร่วมชั้นหลายคนของหนวนหน่วนยังคงจำได้ว่าพี่ชายของหนวนหน่วนคนนี้หล่อเกินจริงไปมาก ทั้งยังยินดีเล่นกับพวกเขาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่ชายหนวนหน่วน”
“พี่ชายหนวนหน่วน พี่มารับหนวนหน่วนเหรอคะ”
แต่ละคนต่างก็ทักทายไป๋โม่ฮัวอย่างมีชีวิตชีวา
ไป๋โม่ฮัวเองก็ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส บุคลิกชายหนุ่มยังคงดูสะอาดสะอ้าน ไม่มีความมืดมนเลยแม้แต่น้อย บรรดาพ่อแม่ที่มารับลูกหลายคนรอบ ๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองมาที่เขา
“หนวนหน่วน”
เห็นหนวนหน่วนแล้ว รอยยิ้มของไป๋โม่ฮัวก็กว้างขึ้นไปอีก ชายหนุ่มยกแขนขึ้น โบกมือพร้อมกระโดดเหยง ๆ คนเลยมองเขามากกว่าเดิม
หากมองตามสายตาของเขาก็จะเห็นหนูน้อยน่ารักราวกับโมจิสีขาวคนหนึ่ง เธอแต่งเครื่องแบบนักเรียนสะพายกระเป๋าดูท่าทางเชื่อฟัง ในดวงตากลมสองคู่ปรากฏรอยยิ้มเป็นประกายสดใส เธอใช้ขาสั้น ๆ วิ่งไปหาพี่ชายของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“พี่โม่ฮัว!”
ทั้งสองคนวิ่งเข้าหากัน ต่อจากนั้นหนวนหน่วนตัวน้อยก็ถูกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอุ้มขึ้นไป
พวกเขากลายเป็นจุดรวมสายตาของคนอื่นในทันที
เด็กสองคนนี้น่ารักจริง ๆ
“ไปกัน พี่จะพาเธอไปเมืองอาหารเลิศรส ที่นั่นมีของอร่อย ๆ เยอะมากเลยล่ะ”
“ได้เลยค่ะ”
ผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กหนึ่งคน ทั้งสองคนเดินออกนอกประตูโรงเรียนอย่างมีความสุข เดิน ๆ ไปหนวนหน่วนก็กัดนิ้ว รู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรไปสักอย่าง
เดินออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นเธอก็คิดออก
“พี่คะ เราลืมพี่กู้อันไปเลย!”
ไป๋โม่ฮัว “…เหมือนจะจริงแฮะ”
เขาตีหัวตัวเอง จากนั้นก็อุ้มหนวนหน่วนกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เฮอะ พี่ยังรู้จักกลับมาด้วยเหรอ ผมก็คนเหมือนกันนะ พี่ยังจำผมได้ไหมเนี่ย”
เมื่อกู้อันเห็นทั้งสองวิ่งกลับมาก็ประชดประชันพลางตัดพ้อตนเอง
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวรู้สึกผิด ได้แต่เกลี้ยกล่อมกู้อันอย่างสำนึกผิด
หนวนหน่วน “พี่กู้อันอย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวหนวนหน่วนเลี้ยงของอร่อยดีไหม”
ไป๋โม่ฮัวพยักหน้า “พี่เลี้ยงเอง ๆ”
กู้อันเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ยังคงไม่ยอมมองพวกเขา “โธ่ลุง ผมดูขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือไง”
หนวนหน่วนโน้มตัวไปจุ๊บที่ใบหน้าของพี่ชายคนเล็ก ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน “พี่อย่าโกรธหนูเลยน้า”
กู้อัน “ก็… ก็ได้”
หนวนหน่วนได้แต่มองเขาตาปริบ ๆ ดูน่าสงสารไม่น้อย
มุมปากของกู้อันยกขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “ในเมื่อขอโทษแบบจริงใจอย่างนี้ งั้นก็อย่าให้มีคราวหน้านะ”
หนวนหน่วนกับไป๋โม่ฮัวรีบรับปากว่าจะไม่มีคราวหน้าอีก
เพื่อน ๆ ของกู้อันที่รอคนอยู่ตรงประตูโรงเรียน “…”
แล้วเมื่อกี้ใครกันที่บอกว่าจะไม่มีทางให้อภัยพวกเขาง่าย ๆ?
แค่ง้อสองทีก็หายแล้ว เกินไปแล้วมั้ง!
กู้อันผู้ถูกง้อแค่สองสามครั้งก็หายหันหน้ามามองเพื่อน ๆ ของตัวเอง
“พวกนายกลับไปได้แล้วละ”
เพื่อน ๆ “หายแล้วหรือไงกู้อัน”
กู้อันยอมรับอย่างแน่วแน่พร้อมด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ไม่เห็นเหรอว่าน้องสาวฉันเพิ่งหอมแก้มฉันน่ะ”
เพื่อน ๆ “…”
“ตอนนี้พวกเราไร้ประโยชน์แล้วสินะ”
กู้อันโบกมือ “พรุ่งนี้เดี๋ยวเลี้ยงชานมแล้วกัน”
“ของแบบนั้นมีแต่ผู้หญิงเขากินกันเว้ย ฉันจะกินโคล่า!”
กู้อัน “ไม่มีปัญหา!”
หนวนหน่วนโบกมือบอกลาเหล่าเพื่อน ๆ ของพี่ชายอย่างเชื่อฟังและสุภาพ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามลูกพี่ลูกน้องไปเดินซื้อของด้วยกัน
หนวนหน่วนกินทาโกยากิหนึ่งชิ้น ก่อนจะนึกถึงเหลียงฉือที่ยังอยู่โรงพยาบาล “เราเอาของกินไปฝากพี่อาหนานด้วยดีไหมคะ”
กู้อัน “เหลียงฉือที่น่าสงสาร ของพวกนี้เขากินไม่ได้หรอก”
ความจริงแล้วอาการของเหลียงฉือในตอนนี้ เดิมทีก็ต้องพึ่งพาการให้ยาทางสายน้ำเกลือ
หนวนหน่วนไม่มีความสุขในการกินอาหารอีกต่อไป “พี่อาหนานจะหายดีตอนไหนเหรอคะ”
ไป๋โม่ฮัวพอรู้สถานการณ์อยู่บ้าง เดิมทีอาการของเหลียงฉือนั้นเกินเยียวยาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครบอกหนวนหน่วน เพราะกลัวเด็กน้อยจะเสียใจมากเกินไป
พอรู้ว่าพี่อาหนานกินอะไรไม่ได้ หนวนหน่วนก็ไปที่ร้านดอกไม้เพื่อซื้อดอกทานตะวันที่สดใหม่และสวยงามไปเยี่ยม
เหลียงฉือที่เพิ่งทำเคมีบำบัดเสร็จครั้งหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย ทั้งตัวดูแล้วไร้เรี่ยวแรง จางเหลียงจึงลาเรียนเพื่อมาดูแลเขาโดยเฉพาะ
เห็นอาการของเหลียงฉือที่ดูเซื่องซึม ในใจเด็กหนุ่มก็เจ็บปวดตามไปด้วย เขาต้องแอบไปร้องไห้อยู่ที่มุมห้องอยู่หลายครั้ง
ตอนที่พวกหนวนหน่วนมา ไป๋โม่ซูเองก็อยู่ด้วย “อาการของคุณตอนนี้ อย่างมากที่สุดฉันก็ทำได้แค่ให้คุณไม่เจ็บปวดมากเกินไป หลังจากทำเคมีบำบัดครั้งนี้แล้วคุณก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ขอแค่กลับมาทำเคมีบำบัดครั้งต่อไปหลังผ่านไปเจ็ดวันก็พอ”
เหลียงฉือตอบรับ รอจนกระทั่งไป๋โม่ซูใกล้จะออกจากห้อง เขาก็เอ่ยต่อ “ขอบคุณ”
ไป๋โม่ซูชะงักไป “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องครั้งก่อนก็ต้องขอบคุณเช่นกัน”
เมื่อเปิดประตูห้องผู้ป่วยออก ไป๋โม่ซูก็เห็นน้องชายของตัวเองพาเด็กน้อยสองคนมา
ในมือของทั้งสามคนกำลังถือถังหูลู่กินกันอยู่
พอไป๋โม่ซูเลื่อนสายตาไปมอง ทั้งสามคนก็เอาถังหูลู่ซ่อนไว้ข้างหลังอย่างพร้อมเพรียง
“พี่ครับ/พี่คะ”
ทั้งสามทำตัวเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี
ไป๋โม่ซูมองพวกเขา “วันนี้กินถังหูลู่ไปเท่าไรแล้ว”
“หนึ่งไม้!”
“สองไม้”
ให้ตายสิ ลืมเตี๊ยมบทซะได้
ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋โม่ซูผุดไอเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย “สรุปว่าเท่าไร”
ทั้งสามคนชูสามนิ้วอย่างอ่อนแรง
“เอามา” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปพร้อมน้ำเสียงราบเรียบ
กู้อันยื่นถังหูลู่โดยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยังไงซะก่อนหน้านี้ก็กินไปสองไม้แล้ว
หนวนหน่วนกับไป๋โม่ฮัวสีหน้าเจ็บปวด สุดท้ายแล้วก็ยอมยื่นถังหูลู่ให้ไป๋โม่ซูที่มีสีหน้าเย็นชาอย่างว่าง่าย
หนวนหน่วนมองอย่างร้อนรน พยายามร้องขออีกครั้ง “พี่โม่ซูเอาไว้ให้หนวนหน่วนไม้หนึ่งได้ไหม”
ไป๋โม่ฮัวเองก็คะยั้นคะยอ “พี่”
ไป๋โม่ซูปฏิเสธอย่างเยือกเย็น เขาถือถังหูลู่ที่ยังกินไม่หมดจากไป
นักชิมทั้งสองผิดหวังไปตาม ๆ กัน
ไป๋โม่ฮัว “ไม่เป็นไร เรายังมีอย่างอื่นให้กินอีก”
หนวนหน่วน “แต่ถังหูลู่ไม้นั้นอร่อยมากจริง ๆ นะคะ”
เด็กหญิงว่าพลางถือดอกทานตะวันแสนสดใสเข้าไปในห้องผู้ป่วย จากนั้นเธอก็เอ่ยถามเหมือนเคย “พี่อาหนาน ดีขึ้นหรือยังคะ ทำไมหนูรู้สึกว่าสีหน้าพี่ดูไม่ดียิ่งกว่าเดิมอีกล่ะ วันนี้ได้กินอะไรหรือยังคะ ไม่กินอะไรไม่ได้นะพี่อาหนาน พี่ดูผอมไปตั้งเยอะ”
เหลียงฉือยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบหัวของเธอ “ดีขึ้นเยอะแล้ว เพราะเพิ่งทำเคมีบำบัดเสร็จเลยไม่สบายมากน่ะ กินไปหน่อยแล้วด้วย”
ในใจจางเหลียงร้องไห้อย่างกับสายน้ำ วันนี้พี่เหลียงฉือไม่ได้กินอะไรเลยสักนิด!
เด็กหนุ่มดวงตาแดงก่ำ เพราะกลัวว่าพวกหนวนหน่วนจะดูออกเลยทำได้เพียงหาข้ออ้างผละออกมา
หนวนหน่วนอยู่คุยเป็นเพื่อนเหลียงฉืออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดูเหนื่อยแล้วก็ปล่อยให้เขานอนอย่างว่าง่าย
ตอนที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน หนวนหน่วนอยากจะเข้าห้องน้ำเลยให้พี่ ๆ รอก่อน หลังออกจากห้องน้ำเตรียมจะกลับห้องพัก พอไปถึงทางเลี้ยว เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันที่คุ้นหูสองเสียง
หนวนหน่วนเดินตามเสียงไป แล้วก็เห็นว่าคนคนนั้นกำลังคุยกับพี่โม่ซูอยู่
“หมอไป๋ครับ รักษาพี่เหลียงฉือไม่ได้แล้วจริง ๆ เหรอครับ เขาอายุยังน้อย จะตายไปแบบนี้ได้ยังไง”
อารมณ์ของจางเหลียงตอนนี้ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงได้ ทำให้เสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย
หนวนหน่วนตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงที่เขาพูด ในหัวเล็ก ๆ สับสนไปหมด
เมื่อกี้… เมื่อกี้พี่จางเหลียงพูดอะไร พี่อาหนานเขา… เขาจะตายแล้วเหรอ
ตอนนี้น้ำเสียงเย็นชาที่หนวนหน่วนคุ้นเคยดังขึ้น แต่คราวนี้น้ำเสียงเจือไปด้วยความจนปัญญา
“ฉันทำได้แค่ยื้ออาการป่วยของเขาไปอีกเดือนเท่านั้น”
“ฮึก…”
จางเหลียงร้องไห้ออกมา ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองขี้แยขนาดนี้
“ผมผิดเอง ถ้าผมใส่ใจเขา ให้เขากินอาหารตรงเวลา ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ก็คงดี…”
หนวนหน่วนหน้าซีดเซียว เด็กหญิงไม่สนใจพี่โม่ซูแล้ว เธอหมุนตัววิ่งกลับไปที่ห้องผู้ป่วยของเหลียงฉือทันที
“พี่ พี่อาหนาน…”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งไปร้องไห้ไป ตอนนี้ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาโตสองข้างที่เปียกชื้นก็แดงก่ำเช่นกัน
เมื่อเหลียงฉือเห็นเธอก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นแววตาก็เย็นชาขึ้นมาทันที “ใครรังแกเธอ”
หนวนหน่วนกลับร้องไห้อย่างหนักแล้ววิ่งเข้าไปกอดเหลียงฉือเอาไว้
“ฮืออ พี่อาหนาน พี่อย่าตายนะ อย่าตายนะเข้าใจไหม… ฮือ… หนวนหน่วนไม่อยากให้พี่ตาย”
เสียงร้องไห้ที่น่าเศร้าและไร้เดียงสาดังไปทั่วห้องผู้ป่วย เหลียงฉือไม่สามารถขยับตัวได้เร็วนัก จนผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงวางมือไว้บนหัวของหนวนหน่วน
ชายหนุ่มพึมพำ “หนวนหน่วน ใคร ๆ ก็ต้องตายทั้งนั้น”