ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 232 ครอบครัวของกู้หว่านแตกแยก
บทที่ 232 ครอบครัวของกู้หว่านแตกแยก
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเยือกเย็นนั้นไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็ทำให้หญิงชราและพ่อของกู้หว่านตกใจจนหน้าซีดเซียว
จนกระทั่งรถแล่นผ่านหน้าทั้งสองไปได้อย่างงุนงงถึงจะรู้ตัว
หลังจากรถของกู้หนานเคลื่อนตัวไป ก็มีเหล่าคนสวมชุดสีดำเดินเข้ามา พวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตัวค่อนข้างสูงใหญ่ พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่
“กรุณาออกไปจากที่นี่ด้วยครับ”
เสียงของพวกเขาดูหนักแน่นมาก
สองแม่ลูกที่ตอนแรกเดินเข้ามาอย่างอุกอาจก็ต้องถอยกลับไปด้วยความอับอาย
พวกเขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
กู้หนานไม่เคยใช้ฐานะและอำนาจของเขาในการข่มขู่คนอื่นมาก่อน แต่ครอบครัวนี้ทำให้เขาสุดจะทนจริง ๆ
มังกรมีเกล็ดย้อน และหนวนหน่วนก็คือเกล็ดย้อน*[1] ของพวกเขา กู้หนานจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนที่แตะต้องน้องสาวของเขาอยู่ในเมืองหลินเฉิงอีกต่อไป
ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่เพียงสองวัน พ่อของกู้หว่านเริ่มอับอายขายหน้าไปทั่วและเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
บริษัทของเขาก็ทำเงินไม่ได้มากนัก ซ้ำตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่บ่อยครั้งด้วย และปัญหาเหล่านี้ก็ทำเอาเขาหมดหวัง
นี่ยังไม่ใช่ปัญหาทั้งหมดหรอก เพราะหลังจากกลับบ้านก็ต้องเจอเหตุการณ์ที่แม่สามีกับลูกสะใภ้ทะเลาะกันแทบทุกวัน ส่วนเจ้าลูกชายก็เอาแต่เล่นเกมไม่ได้ช่วยสร้างประโยชน์อะไรให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
วันหนึ่งเขากลับมาถึงบ้านอีกครั้งด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่หม้อกับเตายังเย็นชืด ซ้ำแม่ของตนกับภรรยาก็ทะเลาะกันอีกแล้ว เขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป
“หุบปาก ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวตัวดีที่แกเลี้ยงมา ฉันจะมาตกระกำลำบากแบบนี้ไหม?”
ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำฉายแววอำมหิตออกมา เขารู้สึกว่ากู้หนานกำลังใช้อำนาจข่มขู่ตัวเองอยู่ ไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเองแต่อย่างใด กลับกัน เขาสาปส่งครอบครัวของกู้หนานแทบทุกวัน และตอนนี้ก็กำลังจะกล่าวโทษภรรยาของตัวเองด้วย
มันเป็นเพราะเธอคลอดกู้หว่านออกมานั่นแหละ เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้มันก็กลายเป็นเรื่องสนุกปากของทุกคนไปเสียแล้ว
แต่ก็ต้องจำยอมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ รอเวลาให้เขาได้เอาคืนก่อนเถอะ จะทำให้ทุกคนต้องสยบแทบเท้าของตัวเองและขึ้นไปอยู่เหนือกว่าให้ได้เลย
หลังจากทุบตีภรรยาของตนแล้วก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มได้พบที่ระบายความแค้น ใบหน้าของเขาดูสะใจมากขึ้น
“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอที่สอนลูกสาวอย่างกู้หว่านให้ทำตัวแบบนั้นจนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว!”
แม่ของกู้หว่านกุมศีรษะตัวเองแล้วร้องโอดครวญ แต่หญิงชรากลับดีใจแล้วคอยเอาแต่ยืนถ่มน้ำลายใส่เธอ
“แม่ แม่!”
กู้หลิงวิ่งตรงดิ่งเข้ามาปกป้องหญิงที่กำลังถูกทุบตีอยู่บนพื้น เธอร้องไห้แล้วเอาแต่เรียกแม่ของตัวเอง
“เฮ็งซวย!”
ผู้เป็นพ่อสบถแล้วเดินจากไป
แม่ของกู้หว่านสวมกอดกู้หลิงพลางร้องห่มร้องไห้ออกมา
เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ลูกชายของเธอเดินเข้ามาพอดี หญิงสาวมองเขาด้วยความหวังว่าลูกชายจะสามารถช่วยเธอสักหน่อย แต่เธอกลับผิดหวัง
“หลานย่ากลับมาแล้วเหรอ? มานี่เร็วเข้า เป็นยังไงบ้างเรียนเหนื่อยไหม งานเยอะหรือเปล่า”
กู้เถิงเฟยมองดูเหตุการณ์ภายในบ้านอย่างนึกรังเกียจ เมื่อไหร่เขาจะหลุดพ้นจากครอบครัวบ้าบอนี่สักที มีแต่ทะเลาะกันทุกวันไม่จบไม่สิ้น
หากเขาได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ก็คงดี
เมื่อกู้เถิงเฟยคิดเช่นนั้นเขาก็อดนึกถึงกู้หนานและคนอื่น ๆ ไม่ได้ พลันสายตาของเขาก็เริ่มฉายแววความขุ่นเคือง พระเจ้านี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย ถ้าให้เขาได้ไปเกิดในตระกูลนั้นคงทำอะไรได้ดีกว่ากู้หนานเป็นไหน ๆ
น่าเสียดายจริง
“ผมหิวแล้ว”
กู้เถิงเฟยเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดอย่างเคยชิน
หญิงชรารู้สึกไม่ดีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อสักครู่ที่ทะเลาะกัน ตนลืมเตรียมอาหารเอาไว้
“แกไม่รีบลุกขึ้นไปทำอาหารล่ะไอ้คนสกปรก ฉันแก่ขนาดนี้แล้วยังจะรอให้ฉันทำให้กินอีกเหรอ? คิดไกลขนาดนี้เชียว? แกนี่มันขี้เกียจตัวเป็นขน ชาติที่แล้วเกิดเป็นหมูหรือไง”
หญิงชราสบถใส่แม่ของกู้หว่านที่ล้มนอนอยู่บนพื้น
เธอกอดลูกสาวเอาไว้พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะหลับตาลงเพื่อหลบซ่อนความจงเกลียดจงชังในดวงตา
เธอมองดูลูกชาย หวังให้เขาช่วยเป็นครั้งสุดท้าย
“ลูก ไม่เห็นเหรอว่าแม่โดนตี?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและเจ็บปวดใจ
กู้เถิงเฟยละสายตาออกจากเกมแล้วมองไปที่แม่ของเขาอย่างขัดใจ
“นั่นพ่อทำนี่ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ? ผมไม่ได้ตีแม่สักหน่อย”
หลังจากได้ฟังคำพูดเขา แม่กู้หว่านก็รู้สึกหมดหวัง มันทำให้เธออดนึกถึงคำพูดของลูกสาวคนโตไม่ได้เลย
‘ปล่อยมันไว้เถอะ แม่ดูไม่ออกเหรอว่ามันเป็นคนยังไง? เห็นแก่ตัวเหมือนพ่อไม่มีผิด มันไม่สนใจแม่ด้วยซ้ำ ถ้ายังพาไปด้วยแม่ก็ต้องทำงานหนักหาเงินเพิ่มมาเลี้ยงดูมันอีก มันไม่มีทางเชื่อฟังแม่หรอก ต่อให้แม่มีพระคุณกับมันมากแค่ไหนก็ตาม แล้วนี่… แม่คิดว่ามันจะอยากไปกับแม่เหรอ?’
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกลังเลนิดหน่อย เป็นเพราะอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาหลายปี มีทั้งลูกชายและลูกสาว แต่ว่า ณ ตอนนี้…
แม่ของกู้หว่านหลับตาลงด้วยความรู้สึกสิ้นหวังกับลูกชายคนนี้แล้ว
“ฉันจะหย่า”
เธอสวมกอดกู้หลิงเอาไว้แน่น เด็กหญิงคนนี้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่ออกหน้าเข้ามาปกป้องเธอด้วยตัวสั่นเทา
หญิงชราคิดว่าตัวเองฟังผิดจึงถามให้ตนแน่ใจ “แกว่าไงนะ?”
แม้แต่กู้เถิงเฟยที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ก็ละสายตามามองเธอด้วยความตกใจ
“ฉันบอกว่า… ฉันจะหย่า!”
เรื่องราวอันน่าขันของครอบครัวกู้หว่านได้ผ่านมาสามวัน แม่ของกู้หว่านได้ย้ายออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองเอาไว้ เธอจึงข่มขู่พ่อของกู้หว่านว่า หากไม่ยอมให้หย่าจะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกายและจะตามไปป่าวประกาศให้ที่ทำงานของเขาได้รู้กันทั่วอีกด้วย
พ่อของกู้หว่านต้องรักษาหน้าตาทางสังคมเอาไว้ถึงแม้ว่าในตอนนี้เศษหน้าของเขาจะไม่เหลือชิ้นดีแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังปฏิเสธตัวเองอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวเองไม่เสียหน้าไปมากกว่านี้ และหลังจากได้ทุบตีเธอเป็นครั้งสุดท้ายเขาก็ยอมหย่ากับเธอในที่สุด
เมื่อเธอออกไปแล้ว หญิงชราก็สาปแช่งไล่ส่งอย่างสาดเสียเทเสีย พ่นคำด่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ทรัพย์สินของครอบครัวกู้ แกไม่ได้รับอนุญาตให้เอามันไปหรอกนะ คนอะไรขี้แพ้จริง ๆ ลูกชายของฉันคงฟาดเคราะห์มาแปดชาติแล้ว พอแกออกไปก็เหมือนเอาสิ่งอัปมงคลออกไปด้วยนั่นแหละ เรื่องกิจการที่มันไม่รุ่งก็เป็นเพราะเคราะห์กรรมของแกมาบดบังแน่เลย ไปซะได้ก็ดี คนอย่างแกน่ะจะไปหาใครที่ดีกว่าลูกชายฉันได้อีก? หึ ไร้ยางอายสิ้นดี…”
แม่ของกู้หว่านข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้แล้วพากู้หลิงออกไป
มีแต่เย้ยหยันคนอื่นเขา ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็จะรอดูว่าลูกชายของคุณจะมีใครเอาอยู่ไหม!
ถึงแม้ว่ามันจะน่าอับอาย แต่เมื่อได้ก้าวออกจากบ้านอันแสนน่าอึดอัดนี้แล้วเธอกลับรู้สึกโล่งขึ้นมากกว่าเดิม
โชคดีที่เธอยอมรับฟังความคิดเห็นของลูกสาวคนโตแล้วเอาทรัพย์สินของตัวเองที่มีอยู่ออกมาจนหมด ที่เหลือทิ้งไว้ที่บ้านเป็นของปลอมทั้งนั้น อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าหญิงชราจอมเคร่งนั่นรู้เข้าว่าเครื่องประดับทั้งหมดเป็นของปลอมจะมีท่าทีอย่างไร
แม่ของกู้หว่านหัวเราะ
กู้หนานและคนอื่น ๆ ไม่ได้ใส่ใจตามข่าวกิจการครอบครัวของกู้หว่าน แต่ก็แอบได้ยินคนอื่นเขาซุบซิบนินทากันหนาหู
เมื่อได้ยินว่าแม่ของกู้หว่านทำการหย่าร้างและพากู้หลิงออกจากบ้านไปก็ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
กู้หมิงอวี๋ขมวดคิ้วสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นคิดได้แล้วเหรอ?”
เขารู้สึกสนใจขึ้นมาจึงขอให้คนไปตามสืบว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวนั้น ก่อนจะไปเล่าให้กู้หนานและคนอื่น ๆ ฟัง
“เหอะ ผู้หญิงคนนี้ยังฉลาดพอตัว เธอรู้ว่าต้องปลอมเครื่องประดับทั้งหมดไปตบตาหญิงชราและคนอื่น ๆ ก่อนแล้วค่อยนำของจริงออกไป”
ไป๋โม่ซู “ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังนะ ลำพังตัวเธอคนเดียวคิดเองไม่ได้หรอก”
ในตอนนั้นชื่อของ ‘กู้หว่าน’ ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของทุกคน
ความคิดแรกของกู้หมิงหลี่ก็คือ “แล้วกู้หว่านจะไม่มายุ่งอะไรแล้วใช่ไหม?”
กู้หมิงอวี๋กลอกตาอย่างนึกรำคาญแล้วพูดขึ้น “แกประเมินครอบครัวกู้ของเราต่ำไปนะ”
ครอบครัวนั้นน่ะหรือ พวกเขาไม่ใส่ใจหรอก เพียงแค่พูดคุยกันนิดหน่อยก่อนจะลืมเรื่องราวของมันไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วไปทำธุระของตัวเองต่อเท่านั้น
เป็นไปตามที่กู้หว่านคาดเดาไม่มีผิด เพราะหลังจากนั้นไม่นานครอบครัวนั้นก็ล้มเลิกกิจการ ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ซ้ำร้ายยังโดนเจ้าหนี้ตามข่มขู่อีกด้วย จึงต้องจำใจยอมจากเมืองหลินเฉิงไป
และครั้งนี้พวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวที่จะไปเอาเรื่องตระกูลกู้
อีกเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ หลังจากล้มละลายแล้ว เดิมทีพวกเขาจะนำเครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์เนมหรู ๆ ไปขาย แต่เมื่อตรวจดูกลับพบว่าสิ่งที่แม่ของกู้หว่านทิ้งไว้ให้ทั้งหมดเป็นของปลอม
ตอนนี้พวกเขาทำอะไรไม่ถูกเลย หญิงชราถึงกับเป็นลมล้มพับไปด้วยความโกรธ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสั่งสมความชั่วมานานหลายปีหรือเปล่า หญิงชราจึงฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาล ดูไม่เป็นอันตรายอะไรเลยแม้แต่น้อย ประโยคแรกหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาก็คือการตะโกนเรียกชื่อแม่ของกู้หว่านแล้วสบถสาปแช่ง
ในตอนนี้ คนทั่วทั้งเมืองหลินเฉิงก็ได้รับชมความสนุกกันพอตัว ไม่ว่าจะผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตหรือข่าวลือหนาหูในแวดวงคนรวย ยิ่งได้รับรู้ก็ยิ่งเข้าใจว่าไม่ควรทำให้ตระกูลกู้ขุ่นเคืองจริง ๆ โดยเฉพาะการแตะต้องกู้หนวนหน่วนผู้ที่เป็นเด็กสาวคนเดียวในตระกูลกู้ ดูท่าแม้แต่เง็กเซียนก็แตะต้องเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
[1] เกล็ดย้อน เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด และฆ่าคนผู้นั้น ใช้เปรียบเทียบการทำให้ผู้มีอำนาจโกรธ