ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 231 กู้หว่านตระหนักได้
บทที่ 231 กู้หว่านตระหนักได้
แต่สิ่งที่กู้หว่านทำลงไป ไม่นานคนในครอบครัวก็ทราบเรื่องกันหมด
แต่เดิมแล้วหญิงชราก็เป็นคนชอบธรรมอยู่บ้าง แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้หลานสาวที่เฝ้าเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ต้องติดคุกแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเธอรู้ว่ากู้หว่านถูกกู้หนานและคนอื่น ๆ จับส่งเข้าคุก หญิงชราก็นึกสาปแช่งคนพวกนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
สีหน้าของพ่อกับแม่กู้หว่านนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ พ่อของเธอรู้สึกเสียหน้ามาก เนื่องจากว่าลูกสาวต้องเข้าคุก หากคนในแวดวงรู้เข้ามีหวังหัวเราะเยาะเขาแน่
แม่ของกู้หว่านรู้สึกเสียใจมาก หลังได้ฟังคำชี้แจงของตำรวจและได้ทราบว่ามันเป็นการก่ออาชญากรรมแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่ากู้หว่านทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร เมื่อได้คุยโทรศัพท์กับกู้หว่านผ่านตรงหน้าห้องที่มีกระจกนิรภัยกั้น เธอก็ร้องไห้ออกมาแทบจะขาดใจ
“ทำไมแกถึงโง่ขนาดนี้นะ ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้ยังไงกัน ทำไมโง่แบบนี้!”
เมื่อกู้หว่านเห็นแม่ทรุดเข่านั่งร้องห่มร้องไห้ เธอก็เอาแต่พูดว่าขอโทษและร้องไห้ตามเช่นกัน
พ่อของกู้หว่านพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย “ทีตอนนี้มารู้จักขอโทษ ดูเข้าสิลูกสาวแสนดีที่คุณคอยพร่ำสอนน่ะ มันกล้าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
กู้หว่านมองไปยังพ่อของตนที่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาด้วยซ้ำ ก่อนจะเห็นสายตาของน้องชายที่มองอย่างเย้ยหยัน เธอคิดผิดใช่ไหมที่จะหวังพึ่งคนเห็นแก่ตัวสองคนนี้?
กู้หว่านกำหมัดแน่น ทำได้เพียงมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“ไม่ได้การละ เรื่องนี้ฉันต้องไปพูดกับกู้เจี้ยนหัวให้รู้เรื่อง ทำไมพวกเขาถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ทั้งที่พวกเราเป็นญาติกัน แล้วทำไมถึงยังส่งหลานสาวของตัวเองเข้าคุกได้ พวกมันไม่กลัวเสียหน้าบ้างเลยหรือไงกัน!”
ยิ่งคิดแล้วหญิงชราก็ยิ่งเคืองโกรธ เธอยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะเข้าไปพูดคุยกับกู้หนานและคนอื่น ๆ เพื่อขอคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้
“แม่ ผมจะไปด้วย!”
เขาเองก็รู้สึกว่าครอบครัวของกู้หลินโม่ทำกันเกินไป ถึงแม้ว่ากู้หว่านจะทำผิดก็เถอะ แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่กู้หนวนหน่วนจะไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย? ทำไมกู้หว่านถึงเข้าไปอยู่ในคุกได้
ไม่ได้… เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย อย่างน้อยขอเรียกร้องค่าเสียหายบางส่วนก็ยังดี
หญิงชราและพ่อของกู้หว่านเดินออกไปอย่างเกรี้ยวกราดเพื่อเรียกร้องคำอธิบาย กู้หว่านที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าได้แต่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปแล้ว กู้หว่านก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วพูดคุยกับแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แม่”
แม่ของกู้หว่านร้องไห้สะอึกสะอื้น ถึงจะรู้ว่าลูกสาวทำผิด แต่ก็ยังเป็นลูกสาวที่เฝ้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
“หวานหว่าน แกทำแบบนั้นได้ยังไง ตอนนี้ชีวิตแกพังหมดแล้ว แถมแกก็ยังเด็กมากด้วย แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ…”
กู้หว่าน “พ่อกับแม่หย่ากันเถอะ”
“แกพูดอะไรน่ะ!”
แม่ของกู้หว่านมองหน้าเธอด้วยความงุนงง
มือของกู้หว่านที่กำลังจับโทรศัพท์ยกขึ้นพูดค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ค่อนข้างสั่นเครือ แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเธอกลับนิ่งสงบมาก
“แม่อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกต่อไปไม่ได้แล้ว พ่อติดการพนันขนาดนั้นน่ะ ยิ่งติดมากขึ้นทุกวันด้วย ยังไงเขาก็คงไม่ทำบริษัทต่ออยู่แล้ว เมื่อก่อนยังพึ่งบารมีในนามของคุณปู่ได้ แต่ตอนนี้…ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ครอบครัวเรากำลังจะโดนเขี่ยทิ้งแล้ว แม่หย่าแล้วพาน้องสาวออกไปจากบ้านนั้นเถอะ ตอนนี้หนูหมดสภาพแล้ว จะปล่อยให้กู้หลิงโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
แม่ของกู้หว่านตื่นตระหนก เธอรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่กู้หว่านพูดจะเกิดขึ้นจริงทุกประการ แต่ว่า… หลังจากหย่าไปแล้วเธอจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
กู้หว่านมองเห็นความสับสนผ่านทางแววตาของเธอ “ที่ไปคุยครั้งนี้ ย่ากับพ่อคงไม่ได้อะไรกลับมาหรอก มีแต่จะทำให้กู้หนานกับคนอื่น ๆ ยิ่งขุ่นเคืองเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของกู้หนวนหน่วนด้วย แล้วในไม่ช้าก็คงจะไล่พวกแม่ออกจากเมืองหลินเฉิงด้วย”
“แทนที่จะหน้าด้านหน้าทนอยู่กับพ่อและย่าที่วุ่นวายหน้าเงินต่อไป ก็หย่ากันเลยดีกว่า แม่ก็เอาพวกกระเป๋า เครื่องประดับ เสื้อผ้าของแม่ไปขายให้ได้เงินสักก้อนหนึ่งแล้วไปอยู่ในที่ที่ไม่มีคนรู้จักเถอะ”
“เงินจำนวนนั้นน่าจะพอทำให้ชีวิตของแม่ดีขึ้น แถมยัง…เอาไว้เลี้ยงดูกู้หลิงจนโตได้เลย แต่ขออย่างหนึ่งนะ อย่าตามใจมากเกินไปล่ะ แม่ต้องสอนน้องให้ดีนะรู้ไหม”
ทุกวันนี้ที่อยู่ในคุกเธอก็เอาแต่คิดแล้วคิดอีก จนมาถึงวันนี้รู้สึกโล่งขึ้นมาบ้างแล้ว เธอมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ อย่างน้อยก็ได้เจอทุกคนในครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ที่นี่มันทำให้เธอตัดสินใจเรื่องสำคัญได้ มีเพียงผู้หญิงคนนี้เท่านั้นแหละที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ นั่นคือแม่ของเธอเอง
กู้หลิงยังเด็กมาก แต่ก่อนตอนอยู่ที่บ้านก็โดนเลี้ยงดูมาแบบตามใจตลอด ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ในอนาคตข้างหน้ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
สำหรับน้องชายของเธอนั้น…
กู้หว่านนึกถึงสีหน้าเยาะเย้ยของเขาก็รู้สึกซีดเซียวลงทันที เขาดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมากกว่าพ่ออีก ถึงอย่างไรก็คงกู่ไม่กลับแล้ว
ตอนนี้แม่ของกู้หว่านรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมาก เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวบอกว่าครอบครัวตนจะถูกไล่ออกจากเมืองหลินเฉิง เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องทั้งหมดมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้
“แล้วน้องชายของแกล่ะ…” เธอจ้องมองลูกสาวด้วยแววตาอ้อนวอน
กู้หว่าน “ปล่อยมันไว้เถอะ แม่ดูไม่ออกเหรอว่ามันเป็นคนยังไง? เห็นแก่ตัวเหมือนพ่อไม่มีผิด มันไม่สนใจแม่ด้วยซ้ำ ถ้ายังพาไปด้วยแม่ก็ต้องทำงานหนักหาเงินเพิ่มมาเลี้ยงดูมันอีก มันไม่มีทางเชื่อฟังแม่หรอก ต่อให้แม่มีพระคุณกับมันมากแค่ไหนก็ตาม แล้วนี่… แม่คิดว่ามันจะอยากไปกับแม่เหรอ?”
แม่ของกู้หว่านนิ่งเงียบไป
สองแม่ลูกคุยกันอยู่เนิ่นนาน แม่ของกู้หว่านเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ไร้ซึ่งผู้ชี้นำทาง หลังจากที่เธอได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวพูดก็ยังเกิดความลังเลใจที่จะหย่าอยู่นิดหน่อย เป็นเพราะเธอไม่อยากทิ้งลูกชายแสนรักไปไหน
และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่กู้หว่านพูดเอาไว้ หญิงชราและพ่อของกู้หว่านพากันไปที่คฤหาสน์ของตระกูลกู้เพื่อขอฟังคำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของผู้เฒ่ากู้
เมื่อหญิงชราเผชิญหน้ากับคนของตระกูลกู้เธอก็เริ่มพ่นคำด่าและสาปแช่งออกมา
“นี่! ญาติที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ มีที่ไหนส่งหลานตัวเองเข้าคุกน่ะ? สวรรค์ต้องสาปแช่งแน่ ต่อไปข้างหน้าพวกแกทุกคนจะต้องตายอย่างอนาถ เง็กเซียนคงตาบอดเห็น ๆ เลย คนแบบนี้ร่ำรวยได้ยังไงกัน เสียแรงที่ฉันคอยเลี้ยงดูกู้เจี้ยนหัวมาตั้งแต่มันยังเด็ก แล้วดูสิ พอพี่ชายมันตายแล้วมันมาทำกับฉันแบบนี้! ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเลย อีกไม่นานหรอกฟ้าต้องผ่าพวกแกตายกันหมดแน่!”
หญิงชราเติบโตมาในชนบท ไร้การศึกษาใด ก่อนจะแต่งงานเข้าตระกูลกู้ นอกจากนี้เธอยังคุ้นเคยกับการก่นด่าและตบตีด้วย และแน่นอนว่าเธอชอบใช้วิธีนี้เพื่อข่มขู่ผู้เฒ่ากู้ให้คอยเชื่อฟังอยู่บ่อยครั้ง
“มีอะไร?”
ไมบัคคันสีดำค่อย ๆ ขับเข้ามา ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถกำลังทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อรถหยุดลงกะทันหันเขาก็ถามคนขับเสียงเรียบ
คนขับมองบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้วแจ้งให้กู้หนานทราบอย่างไม่เร่งรีบอะไร
กู้หนานเงยหน้ามองอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะบอกให้คนขับขับรถเข้าไป
หญิงชราและพ่อของกู้หว่านจำได้ว่ารถคันนี้เป็นของกู้หนาน ทั้งสองรีบวิ่งตาตื่นไปขวางรถพลางตบเข้าตรงกระโปรงอย่างแรง
“กู้หนาน! ออกมาเลยนะกู้หนาน ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน ออกมาเจอพวกเราหน่อย!”
การกระทำของทั้งสองค่อนข้างรุนแรงมากจากมุมของคนที่ดูอยู่ในรถ
เมื่อกระจกหลังค่อย ๆ ลดต่ำลง หญิงชราก็พุ่งเข้ามาทันที แต่สีหน้าของกู้หนานก็ยังคงนิ่งเรียบราวกับคนตายที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน
“กู้หนาน พวกแกทำตัวไร้มนุษยธรรมแบบนี้ได้ยังไง? ถึงยังไงกู้หว่านก็เป็นญาติของแกนะ แกทำแบบนี้ไม่ได้…”
กู้หนานตอบกลับเสียงเรียบ “ทำได้สิ”
พ่อของกู้หว่านแทบคลั่ง เขายกนิ้วอันสั่นเทาชี้เข้าที่ใบหน้ากู้หนาน “แก แก…”
กู้หนาน “ไปให้พ้น”