ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 230 จับกุม
บทที่ 230 จับกุม
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นโกหกเราจะทำยังไงล่ะ?”
หัวหน้าเปียวสูดควันบุหรี่เข้าไป หัวเราะอย่างน่ากลัว “จะมีผู้หญิงคนไหนโง่ถึงขนาดมาโกหกพวกเราด้วยตัวเอง? อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ตำแหน่งของพวกเรา ถ้าโกหกเราจริง ฉันจะไปฆ่าเธอ”
ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่กำลังเล่นไพ่จดจำเรื่องที่เกิดขึ้นในบาร์เมื่อวันก่อนได้อย่างชัดเจน พวกเขาต่างพากันหัวเราะอย่างหยาบคาย
แม้ว่าเด็กสาวคนนั้นจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็หลอกง่ายจริง ๆ ให้เธอไปที่บาร์เธอก็ไปโดยที่ไม่ได้ป้องกันตัว
คนกลุ่มนี้รออย่างสบายใจมาสักพักหนึ่งแล้ว หัวหน้าเปียวชำเลืองมองนาฬิกา ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
ถ้าไม่ใช่กู้หว่าน เขาจะไม่ใส่ใจกับความรู้สึกแบบนี้ หลายครั้งที่ลางสังหรณ์แบบนี้ช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ หลัวจือ แกโทรหาพวกอาชิงซิ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงยังไม่มาอีก? ฉันรู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย ต้องเปลี่ยนสถานที่แล้ว”
กลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาอัปลักษณ์เข้ามาทันที
ชายที่ชื่อหลัวจือโทรศัพท์ออกไปในขณะที่สูบบุหรี่ แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครรับสาย
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ลูกพี่ ไม่มีคนรับสาย”
สีหน้าของหัวหน้าเปียวเปลี่ยนไปอย่างมาก “เร็ว เก็บของแล้วรีบไป”
คนกลุ่มนั้นรีบชักปืนและอาวุธวิ่งออกไปข้างนอก ทันทีที่เปิดประตู ทุกคนก็ต้องตกตะลึง
นอกประตูมีตำรวจในเครื่องแบบติดอาวุธซ้อนกันหลายชั้น พวกเขาถือโล่ไว้ในมือ เล็งปากกระบอกปืนดำขลับมาทางนี้กันอย่างเนืองแน่น
“อย่าขยับ!”
ทันใดนั้น พวกคนในโรงงานก็ตื่นตระหนก คนที่เดินนำอยู่สองสามคนเห็นตำรวจจำนวนมากก็รีบยกมือขึ้น
ตำรวจปรี่เข้าไปปลดอาวุธในตัวพวกเขาและจับใส่กุญแจมือ
ทันทีที่ตำรวจเหล่านี้บุกเข้ามาข้างใน หัวหน้าเปียวก็รีบย่อตัวลง วิ่งเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ปีนข้ามหน้าต่างพยายามหลบหนี
พอข้ามหน้าต่างลงสู่พื้น ความตื่นเต้นและดุร้ายบนใบหน้าของเขายังไม่ทันจางหายไป เขาก็ถูกต่อยจนล้มลงกับพื้น
มือเรียวข้างหนึ่งคว้าข้อมือเขาแล้วบิดออกดังกร๊อบ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง ปืนในมือหัวหน้าเปียวร่วงลงกับพื้น ถูกเตะออกไปไกลโดยรองเท้าบูตทหารสีดำข้างหนึ่ง
หัวหน้าเปียวหันไปมองชายที่บิดข้อมือของเขา รู้สึกค่อนข้างคุ้นหน้า แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรได้ เขาอดทนกับความเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่ กำลังจะโจมตีกลับด้วยมืออีกข้าง แสงสีเงินแปลบปลาบพลันสว่างวาบขึ้นมา
“อ๊าก!!!!”
เสียงร้องโหยหวนของหัวหน้าเปียวดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
มีดผ่าตัดปักเข้ากับผนัง สีแดงเลือดอาบใบมีดครึ่งหนึ่ง ส่วนข้อมืออีกข้างของหัวหน้าเปียวอาบเลือดแดงฉาน
“ว้าว… จับหนูตัวใหญ่เอาไว้ได้จริง ๆ”
เสียงดื้อรั้นของกู้หมิงหลี่ดังมาจากด้านบน หัวหน้าเปียวเจ็บปวดมากจนหน้าซีด เขานอนขดตัวอยู่บนพื้นพลางมองผู้คนรอบตัว ชายหนุ่มหลายคนสวมชุดลายพรางสีดำแบบเดียวกัน ใบหน้าและลักษณะท่าทางดูไม่เหมือนตำรวจ แต่ดูเหมือนคุณชายจากตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์มากกว่า
นี่เขาถูกชายหนุ่มหน้าอ่อนเหล่านี้เล่นงานจนตกอยู่ในสภาพจนตรอกหรือ
กู้หมิงอวี๋บิดลำคอและข้อนิ้ว จ้องมองหัวหน้าของพวกโจรเรียกค่าไถ่ที่อยู่บนพื้น ก่อนจะหัวเราะอย่างน่ากลัว
“เหลือไว้ให้ฉันบ้าง”
พูดจบกู้หมิงอวี๋ก็เริ่มอัดเขา
กู้หนานมีท่าทางเย็นชา ชายหนุ่มปล่อยแขนที่หักไปแล้วของอีกฝ่ายลง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดนิ้วมือของตัวเองอย่างระมัดระวัง ราวกับเมื่อครู่มีอะไรสกปรกอยู่ในมือ
หัวหน้าเปียว “พวกแกดีแต่สบประมาท ฝีมือไม่เท่าไหร่หรอก”
ไป๋โม่ซูเดินช้า ๆ ไปถึงริมผนัง เอามือที่สวมถุงมือสีขาวดึงมีดผ่าตัดออกมา ชำเลืองมองเลือดบนมีดผ่าตัดด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย
เขายังหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็พ่นยาฆ่าเชื้อ
เสร็จแล้วเขาก็โยนถุงมือและผ้าเช็ดหน้าลงในถุงขยะที่บอดีการ์ดด้านหลังถืออยู่
“เอาไปทิ้ง สกปรก”
“เป็นตำรวจทุบตีคนได้ยังไง!”
กู้หมิงหลี่ฉวยโอกาสเตะคนพูดสองครั้ง
น้ำเสียงเอ้อระเหยน่าโมโหจริง ๆ
“งั้นก็ขอโทษด้วย พวกเราไม่ใช่ตำรวจ”
หัวหน้าเปียว “…”
แม่งเอ๊ย! พวกนี้มันเป็นใครกันแน่วะ!
พอปีนข้ามหน้าต่างออกมา เขาก็มีท่าทางตื่นเต้นมาก นึกว่าตัวเองจะหลบหนีไปได้ในทันที สุดท้ายเขาที่ปีนข้ามหน้าต่างหนีได้กลับเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
ตอนตำรวจมา เขาทนมองตรง ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
คนเหล่านี้ล้วนเป็นอาชญากรชั่วร้ายเหี้ยมโหดที่หลบหนี ไม่รู้ว่ามือนั้นเคยปลิดชีวิตมามากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ถูกจับกุมได้แล้ว ถือว่าเป็นการขจัดภัยอันตรายให้ประชาชน
“คุณกู้นี่…”
เหมือนหัวหน้าเปียวถูกอัดจนอยู่ในสภาพหายใจรวยริน ตำรวจอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ยั้งไว้
กู้หนาน “พากลับไปรักษา ตระกูลกู้ของผมจะออกค่าใช้จ่ายเอง”
ถ้าคนกลุ่มนี้ยังคิดจะลักพาตัวน้องสาวของพวกเขาอีก รู้เลยว่าจะโดนอะไร
กู้หนานมองพวกกองโจรที่ใส่กุญแจมือหมอบอยู่ที่มุมห้อง สายตาเย็นชาเหมือนเห็นขยะ
คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
กู้หมิงหลี่ชูนิ้วกลางใส่พวกเขาแล้วจากไปอย่างเย่อหยิ่ง
กล้าดียังไงมาลักพาตัวน้องสาวของเขา? รนหาที่ตายจริง ๆ!
ได้ระบายอารมณ์อันขุ่นมัว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก ตอนนี้เห็นอะไรก็รู้สึกสวยงามไปหมด
กู้หมิงหลี่คาบอมยิ้มไว้ในปาก กล่าวอย่างรู้สึกเสียดาย “น่าเสียดายที่หนีออกมาได้คนเดียว ฉันยังไม่สะใจเลย”
พี่ชายของเขาพยักหน้าเห็นด้วย “ตัวเบ้อเริ่มซะเปล่า ไม่น่าตีเลยสักนิด ได้ยินว่าเจ้าหมอนั่นยังเป็นตัวหัวหน้า”
กู้หมิงหลี่เย้ยหยัน “หัวหน้า? ฝีมือแค่นี้เองเหรอ?”
ไม่ค่อยมีใครเอาชนะเขาได้เลย มีไม่กี่คนที่เขาจะรู้สึกสนุกเมื่อได้สู้ด้วย แต่พูดได้เต็มปากว่าคนที่ตนอัดได้ไม่สะใจนั่นคือคนที่ชื่อหัวหน้าเปียว
ในเวลานี้ถ้าหากหัวหน้าเปียวรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่คงโกรธจนแทบคลั่ง!
พี่ชายทั้งหมดของหนวนหน่วนเริ่มปฏิบัติการโดยที่หนวนหน่วนไม่รู้ ไป๋โม่ฮัวและกู้อันไม่รู้เรื่องครั้งนี้ ส่วนกู้เป่ยมาไม่ได้
หลังจากที่ทั้งสี่คนกลับไปแล้ว พวกเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่องานเลี้ยงวันเกิดของกู้อันจบลง กู้อันและหนวนหน่วนที่เล่นจนเหนื่อยก็เข้านอน
กู้หมิงหลี่ “ทำไมฉันต้องอุ้มกู้อันด้วย!”
เขาก็อยากอุ้มน้องสาวตัวหอมเหมือนกัน
กู้หนานชายตามองกู้หมิงหลี่ “…”
ทำไมล่ะ? พูดไม่ออกก็ใช้สายตาข่มขู่งั้นเหรอ!
หนวนหน่วนกำลังนอนหลับอยู่บนหัวไหล่ของพี่ใหญ่ ไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่น่ายินดีและน่าตื่นเต้นสำหรับเธอวันหนึ่ง
แต่วันถัดมาเธอก็เห็นรายงานข่าว
[มีรายงานว่าทางตำรวจจับกุมอาชญากรที่หลบหนีได้ทั้งหมด 7 คนในโรงงานร้าง XXX ในเขตชานเมืองหลินเฉิง ในจำนวนนี้หลายคนเคยลักพาตัวและขายเด็กหลายครั้ง…]
ภาพถ่ายของอาชญากรเหล่านั้นถูกปล่อยออกมา แต่ส่วนดวงตาถูกทำเป็นโมเสกไว้
หนวนหน่วนและพี่ใหญ่ดูข่าวอย่างจริงจัง
“พี่ชายคนเลว!”
คนเหล่านี้ไม่มีผม หน้าตาดุร้ายดูเป็นคนเลว ถึงพี่กู้หนานจะหน้าตาน่ากลัวแต่ก็ไม่เหมือนคนเลวแบบคนพวกนี้
กู้หนานตอบรับ มือเรียวยาวบีบคางจ้ำม่ำของหนวนหน่วน
สบายมือจริง ๆ…
เขาจ้องมองไปที่ผู้คนในทีวี เจตนาฆ่าอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นในแววตา
คนที่คุกคามน้องสาวของเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ
กู้หว่านก็ถูกจับกุมเช่นกัน
ในเวลานี้กู้หว่านกำลังมีสภาพจนตรอกน่าเวทนาอยู่ในคุก ดวงตาของเธอมืดมน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนทั้งคืน
เธอเสียใจ เสียใจจริง ๆ
แม้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้จะไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก แต่ก็ดีกว่าคนธรรมดาหลายคนมาก ท้ายที่สุดอูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า*[1] เธอไม่ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ใกล้จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีมากอีกด้วย
ขอเพียงหลังจากเรียนจบเธอสามารถทำงานอย่างจริงจังตั้งใจได้ แม้จะเหน็ดเหนื่อยไปหน่อย แต่ก็จะมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน
แต่ว่า… แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างถูกทำลายด้วยตัวเธอเอง
ร่างกายของกู้หว่านสั่นสะท้าน น้ำตาไหลจากดวงตาที่จับจ้องภายนอกเรือนจำอย่างควบคุมไม่อยู่
“ฉันเสียใจ ฉันเสียใจจริง ๆ ได้โปรดให้ฉันพบกู้หนานเป็นครั้งสุดท้าย ฉันขอโทษ ฉันขอโทษกู้หนวนหน่วน ขอให้พวกเขายกโทษให้ฉัน!”
เธอกรีดร้องปานจะขาดใจ แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะสำนึกเสียใจ ตระกูลกู้ไม่มีทางยอมพบหน้าเธออีกแล้ว
[1] อูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า คือ คนรวยต่อให้ลำบากก็ยังชีวิตดีกว่าคนจน