ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 229 ปฏิบัติการ
บทที่ 229 ปฏิบัติการ
“มาร่วมงานวันเกิดของนายน้อยใช่ไหมครับ?”
พอกู้หว่านก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ ชายในชุดเต็มยศก็ปรากฏตัวขึ้น น่าจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลกู้
“ใช่ค่ะ”
กู้หว่านเชิดหน้าอยู่ต่อหน้าพ่อบ้าน รู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ เธอใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง “พาฉันไปที่นั่นสิ”
“ได้ครับ เชิญทางนี้ครับ”
พ่อบ้านนำทางไป กู้หว่านเดินตามเขาไปโดยไม่คิดอะไรมาก แต่กลับยิ่งลนลานมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มาที่นี่ทำไม งานวันเกิดของกู้อัน…”
“คุณชายเล็กกับคนอื่น ๆ กำลังเล่นกันอยู่ทางทิศเหนือของคฤหาสน์ คุณจะไปหาพวกเขาไม่ใช่เหรอครับ?”
กู้หว่านได้ยินเช่นนี้ก็พอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง เด็กสาวกำกระเป๋าถือไว้แน่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกใจฝ่อหรือเปล่า เธอมักจะรู้สึกกระสับกระส่าย และด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบลงเรื่อย ๆ
จนกระทั่งถูกพาเข้าไปในห้องที่เงียบสงบ กู้หว่านถึงรู้สึกตัว
“หยุดก่อน! ไหนคุณบอกว่ากู้หนวนหน่วนกับคนอื่น ๆ…”
ยังพูดไม่ทันจบ ประตูข้างหลังก็ปิดลง ในชั่วพริบตาเธอพลันหน้าซีดเผือด พอหันหลังจะออกไป กลับถูกผลักลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี
ของในกระเป๋าถือของเธอร่วงหล่นออกมา กลิ้งไปอยู่ที่หน้ารองเท้าหนังสีดำคู่หนึ่ง
ชายร่างสูงใหญ่ในเงามืดก้มลงหยิบขวดนั้นขึ้นมา แล้วยื่นให้ชายมาดขรึมที่สวมเสื้อกันลมสีขนอูฐข้าง ๆ
กู้หว่านเงยหน้าขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เห็นคนที่เธอเฝ้าคิดถึงทุกคืนวันถือขวดสเปรย์ทรงกระบอกขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเอาไว้
เธอหรี่ตาลง หน้าของเธอซีดเหมือนกระดาษ เหงื่อเย็นเยียบผุดพรายออกมาเต็มหน้า ก่อนจะหยดติ๋งลงมาจากหน้าผาก
“คืน… คืนมาให้ฉัน”
กู้หว่านเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก ในเวลานี้เธอไม่สนใจไป๋โม่ซูแล้ว เด็กสาวพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อแย่งชิงของสิ่งนั้น แต่กลับถูกชายชุดดำสองคนจับตัวไว้
ไป๋โม่ซูสวมถุงมือยางสีขาวบนนิ้วเรียวยาวของเขา ชายหนุ่มชำเลืองมองขวดในมืออย่างเย็นชา พ่นยาขึ้นไปในอากาศ ปีกจมูกขยับเล็กน้อย
เสียงเย็นชาของไป๋โม่ซูดังขึ้นมาในห้องที่เงียบสงบ
“ยาสลบออกฤทธิ์รุนแรงประเภท U แค่โปะก็สามารถทำให้ผู้ใหญ่สลบได้”
พอพูดจบ สายตาเย็นชาของทุกคนที่นี่ก็พุ่งไปที่ตัวกู้หว่าน
กู้หมิงหลี่หัวเราะขึ้นมาอย่างน่ากลัว
“เพื่อหนวนหน่วนของเราถึงกับทุ่มสุดตัวเลยนะ”
ความชั่วร้ายพลันบังเกิดขึ้นในสายตาภายในชั่วพริบตา
กู้หว่านส่ายหน้าซ้ำ ๆ ในขณะนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนร่างกายสั่นสะท้าน
“ไม่…ไม่ใช่…”
กู้หว่านพยายามอธิบายอย่างลนลาน
“นี่ของฉันเอง ฉันซื้อมาเล่น ใช่ อันนี้ฉันซื้อมาเล่น”
พูดจบเธอก็พยายามฝืนยิ้ม มองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ
“พี่กู้หนาน… ทำไมพวกพี่ถึงมาอยู่ตรงนี้… ฉัน… ฉันมาผิดที่หรือเปล่า”
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ แต่คำพูดที่พูดออกมาได้เปิดเผยอารมณ์ของเธอ เสียงสั่นสะท้านจนแทบไม่ได้ยิน
“มาผิดที่?” เสียงหยอกล้อดังเข้ามา กู้หมิงอวี๋ยืนพิงโต๊ะเอาขาเรียวยาวไขว้ซ้อนกัน เขาแสยะยิ้มหัวเราะเยาะ ดวงตางดงามกลับมองกู้หว่านอย่างเย็นชา
กู้หมิงอวี๋เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาช้า ๆ พลางก้มลงเล็กน้อย ปล่อยผมยาวสลวยสยายลงมาจากหัวไหล่
“กู้หว่าน เธอนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่? มองไม่ออกเหรอ นี่คือกับดักของเราสำหรับเธอโดยเฉพาะ”
พูดจบกู้หมิงอวี๋ก็แสยะยิ้มมุมปากเหมือนเป็นตัวร้ายตัวฉกาจ
“ไม่…”
กู้หว่านส่ายหัวอย่างเสียสติ “ทำไม ทำไม?”
“หุบปาก!”
กู้หมิงหลี่มองออกไปอย่างดุร้าย “ทำไมเธอไม่ฉุกคิดสักนิด? เธอเป็นใคร กล้าคิดฝันกับไอ้เวรนั่นให้มาจับตัวน้องสาวของฉัน!
“ฉันเปล่านะ เปล่า…”
น่าเสียดาย ไม่ว่ากู้หว่านจะปฏิเสธอย่างไร ก็ไม่มีใครในที่นี้ฟังเธอเลย
กู้หนานโบกมือด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ จากนั้นชายชุดดำสองคนที่จับตัวกู้หว่านไว้ก็พาเธอออกไป
กู้หว่านตะโกนลั่นด้วยความหวาดกลัว “พี่กู้หนาน พวกพี่จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันเป็นญาติของพวกพี่นะ!”
ในเวลานี้เธอรู้แล้วว่าเป็นญาติกัน ก่อนหน้านี้ทำไมไม่รู้ล่ะ
กู้หมิงหลี่หัวเราะเยาะ
พวกเขาเริ่มวางแผนขั้นต่อไป โดยให้คนที่พวกกู้หนานหามาใช้โทรศัพท์ของกู้หว่านโทรติดต่อพวกโจรเรียกค่าไถ่
คนเหล่านั้นยังคงระแวดระวังอยู่มาก พวกเขาขอวิดีโอคอล คนคนหนึ่งที่มีหน้าตาแทบจะเหมือนกับกู้หว่านทุกประการปรากฏตัวขึ้นในจอ น้ำเสียงและการแสดงออกเหมือนกู้หว่านแทบทุกอย่าง อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ลดความระมัดระวังลง
หลังจากตัดสายวิดีโอ ‘กู้หว่าน’ ก็ชูมือโอเคให้ทุกคน
“พี่เมี่ยว ทักษะการปลอมตัวของคุณเจ๋งขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”
ผู้หญิงที่ชื่อพี่เมี่ยวเม้มปาก “สมัยนี้ถ้าไม่พัฒนาฝีมือแล้วจะหาเงินได้ยังไงล่ะ”
พูดจบก็อุ้ม ‘เด็ก’ ที่หมดสติออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลกู้
ไม่นานหลังจากที่เธอออกไป ก็มีชายหญิงวัยกลางคนแต่งตัวเหมือนคู่สามีภรรยาเดินเข้ามาใกล้อย่างเงียบ ๆ
“พามาแล้วเหรอ?”
‘กู้หว่าน’ มองพวกเขาพร้อมกับพยักหน้า ชายคนนั้นจึงเข้าไปอุ้ม ‘เด็ก’ จากมือของเธออย่างทนรอไม่ไหว
แต่วินาทีต่อมา…
“นี่มันอะไรกัน!” พอวางมือลงไปชายคนนั้นก็รู้สึกผิดปกติทันที ‘เด็ก’ ในมือเขาคือหุ่นรูปร่างมนุษย์!
เขามอง ‘กู้หว่าน’ อย่างโกรธเกรี้ยว แต่กลับเห็น ‘กู้หว่าน’ ยิ้มแปลก ๆ
ชายหญิงวัยกลางคนตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขายังไม่ทันจะวิ่งหนี วินาทีต่อมาก็มีการจู่โจมอย่างแข็งแกร่งเข้ามาจับมือทั้งสองไขว้หลัง แล้วจับใส่กุญแจมือเสร็จสรรพ
“อย่าขยับ!”
หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนเห็นดังนั้นก็หรี่ตากำลังจะเดินออกไป แต่วินาทีต่อมาพวกเขาก็พบว่าถูกล้อมไว้หมดแล้ว
คนเหล่านั้นเดินปะปนอยู่บนท้องถนนร่วมกับคนทั่วไป ถ้าไม่ใช่ตำรวจนอกเครื่องแบบก็เป็นบอดีการ์ดของตระกูลกู้ พวกเขาจึงไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
“เจ้านาย นี่คือโทรศัพท์มือถือของพวกเขา”
ไป๋โม่ซูสวมถุงมือรับซองใส่โทรศัพท์มือถือมา
“ฉันจะไปตามหาเหลียงฉือ”
พูดจบเขาก็รีบขึ้นรถออกไป
ในขณะเดียวกันพวกโจรเรียกค่าไถ่ที่ถูกจับก็จ้องมอง ‘กู้หว่าน’ ด้วยแววตาแดงฉาน
“นั่งนี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ ออกมาได้เมื่อไหร่แกตายแน่!”
‘กู้หว่าน’ ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังบอดีการ์ดด้วยสีหน้าหวาดกลัว ทักษะการแสดงของเธอล้ำหน้าเหลือเกิน
“โอ๊ยกลัวจังเลย งั้นก็รอแกออกมาให้ได้ก่อนเถอะนะ”
แน่นอนว่าโจรเรียกค่าไถ่ไม่ได้มีแค่คนเหล่านี้ จากที่กู้หว่านอวดอ้าง คนที่มาครั้งนี้มีไม่น้อย ยังมีบางคนที่ซ่อนตัวได้มิดชิดอีก
“หาเจอแล้ว”
ในโรงพยาบาล มีคอมพิวเตอร์วางอยู่ตรงหน้าเหลียงฉือ เขาจิ้มเลือกข้อมูลที่มีประโยชน์ในโทรศัพท์มือถืออย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าก็พบที่ซ่อนของโจรเรียกค่าไถ่คนอื่น ๆ
เหลียงฉือชี้ตำแหน่งบนแผนที่ด้วยนิ้วมือซีดขาว “ที่นี่”
ในเวลานี้ ภายในโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองหลินเฉิง…
“พี่เปียว นี่คือตระกูลกู้ ตระกูลกู้หวงแหนน้องสาวของพวกเขามาก อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหลายร้อยล้านมาไถ่ตัวเธอใช่ไหม?” ชายที่กำลังเล่นไพ่จมอยู่ในภาพฝันอันแสนสวยงามที่กำลังจะได้รับค่าไถ่จำนวนมาก
เขาถึงกับเริ่มวางแผนการใช้เงินก้อนนี้แล้ว
ชายที่ชื่อพี่เปียวมีแผลเป็นที่ดูน่าหวั่นเกรงบนใบหน้า ในเวลานี้เขาสูบบุหรี่ที่คาบไว้อย่างหนัก ในแววตาที่ดุร้ายแฝงความป่าเถื่อนและตื่นเต้น
“ขอแค่สาวน้อยสามารถพาเด็กคนนี้ออกมาได้ พอเราก็จะได้เงินลักลอบผ่านชายแดนเข้าไปในประเทศ M ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ค่าไถ่ของเด็กคนนี้จะเพียงพอสำหรับพวกเราที่จะอยู่อย่างอิสระสุขสำราญไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ฮ่าฮ่า…”
“นี่คือเงินที่พระเจ้าประทานให้พวกเราจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าสาวน้อยคนนี้จะใจร้ายขนาดนี้ จุ๊ ๆ… เป็นญาติกันแท้ ๆ”
“ชิ… คนแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว แค่เพราะว่าอิจฉากัน ผู้หญิงน่ะ เวลาร้ายขึ้นมาน่ากลัวกว่าพวกเราเสียอีก”