ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 226 บัตรเชิญ
บทที่ 226 บัตรเชิญ
หลังกลับจากโรงพยาบาล ไป๋โม่ซูก็เรียกพี่น้องตระกูลกู้เข้าไปในห้องหนังสือ จากนั้นก็หยิบต่างหูออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วบอกเรื่องที่เหลียงฉือบอกตนกับพวกเขา
กู้หมิงอวี๋ที่กำลังถือต่างหูสีดำเย้ยหยันออกมาประโยคหนึ่ง “สันดานเดิมไม่เปลี่ยน!”
พูดจบก็โยนต่างหูให้น้องชายแท้ ๆ ของตน
“นายมานี่ซิ”
กู้หมิงหลี่รับต่างหูมาพลางพึมพำ “ทำไมต้องเป็นผมด้วย”
กู้หมิงอวี๋ “นายชอบสีดำไม่ใช่เหรอ?”
จะว่าไปแล้ว รสนิยมและสายตาของเหลียงฉือนั้นไม่เลว ต่างหูสีดำนี้เป็นแบบที่กู้หมิงหลี่ชอบพอดี เด็กหนุ่มเลยยักไหล่ สวมต่างหูให้ตนเอง หลังจากนั้นไม่นานเสียงของกู้หว่านและชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็ดังขึ้น
[น้องหว่าน ฉันหาคนให้เธอได้แล้ว เธอแน่ใจเหรอว่าจะพาลูกสาวคนเดียวของตระกูลกู้ออกมาได้?]
[อย่ากังวลไปเลยพี่หม่า มะรืนนี้เป็นวันเกิดของลูกชายคนเล็กของตระกูลกู้ เมื่อถึงเวลานั้นมีคนมากมายวุ่นวาย ฉันจะคิดหาทางพาเด็กน้อยคนนั้นออกมาให้ได้ เด็กอายุแค่หกขวบ หลอกง่ายจะตายไป]
[คนของตระกูลกู้รักและหวงแหนเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้มาก พอถึงตอนนั้นตราบใดที่เธออยู่ในมือของเรา ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขไหน พวกเขาจะคิดหาวิธีตอบตกลง ยิ่งไปกว่านั้นจะไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแจ้งตำรวจเลย…]
กู้หว่านทำเสียงเล็กเสียงน้อย กู้หมิงหลี่ได้ยินแล้วรู้สึกพะอืดพะอม
ใบหน้าของเขาบึ้งตึงอย่างที่สุด แต่ก็พยายามข่มความวู่วามที่จะฆ่ากู้หว่านแล้วฟังต่อไป
เสียงหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งของคนที่ชื่อพี่หม่าดังเข้ามา [ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าตระกูลกู้จะมีคนที่เกลือเป็นหนอนอย่างเธอ แต่พี่หม่าชอบ บอกมาซิว่าเธอต้องการอะไร]
กู้หว่านได้ยินคำว่าเกลือเป็นหนอนจากชายหนุ่มสีหน้าก็บูดบึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่เพื่อบรรลุเป้าหมายเธอต้องอดทน
เสียงของกู้หว่านโหดเหี้ยมประหนึ่งงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ [สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ กู้หนวนหน่วนต้องไม่มีวันได้กลับมาอีกตลอดกาล]
ปัง!
กู้หมิงหลี่เอากำปั้นทุบโต๊ะ หายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห
“กู้! หว่าน! นังสารเลว!”
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้หมิงหลี่ด่าคนแบบนี้ต่อหน้าคนในครอบครัว แต่เขาก็ทนไม่ไหวจริง ๆ
ทางด้านกู้หว่านได้ปรึกษากับคนที่ชื่อพี่หม่าว่าจะพบปะพูดคุยวางแผนกันในบาร์หวงเฉิง กู้หมิงหลี่ใช้เวลานานกว่าจะผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ เขาถอดต่างหูออกมากำไว้ในมือ จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ทั้งสองเพิ่งปรึกษากันให้คนที่อยู่ที่นี่ฟังทุกถ้อยคำ
ตามที่คาดไว้ แม้แต่กู้หนานเมื่อฟังจนจบสีหน้าก็มืดครึ้ม ประหนึ่งอากาศเย็นยะเยือกพัดผ่านเข้ามาในห้องหนังสือ
ดวงตาของกู้หมิงอวี๋แฝงความโหดร้ายเอาไว้ “ผู้หญิงคนนี้ชอบรนหาที่ตายจริง ๆ!”
กู้หมิงหลี่เอ่ยเสียงเข้ม “ฉันจะไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้!”
สุขสบายบนกองเงินของตระกูลกู้มาตั้งหลายปี ที่แท้ก็เลี้ยงคนเนรคุณเอาไว้จริง ๆ
กู้หนานนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ ใช้นิ้วเรียวที่เห็นข้อต่อชัดเจนเคาะราวจับเป็นจังหวะ ดวงตาของเขามืดมนเหมือนบ่อน้ำลึกเย็น ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย
“รอวันที่พวกเขาวางแผนแล้วจับทุกคนได้ในคราวเดียวดีกว่า”
กู้หมิงหลี่ขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ พี่จะใช้หนวนหน่วนเป็นเหยื่อล่อเหรอ? ไม่ได้นะ!”
กู้หนานหรี่ตาชำเลืองมองเขา “งี่เง่า”
“คอยเงี่ยหูฟังให้ดีว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แม้ว่าพวกเขาจะระแวดระวัง ไม่บอกที่อยู่เราก็ไม่เป็นไร พอถึงตอนนั้นให้กู้หว่านเข้ามาจับไว้ หาคนที่มีรูปร่างคล้ายคลึงและดัดเสียงได้มาพูดคุยกับพวกเขา ให้พวกเขามารวมตัวกัน…”
หลังจากกู้หนานบอกแผนการต่าง ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่นานทุกคนยกเว้นกู้อันก็เริ่มเคลื่อนไหวตามแผนการ
ในขณะที่หนวนหน่วนยังไม่รู้ บอดีการ์ดที่แฝงตัวอยู่ใกล้เธอก็มีมากขึ้น
พื้นที่เปิดเผยนั้นไม่เปลี่ยน แต่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ลับท่ามกลางฝูงชนได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่เจ้าตัวเล็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกวันยังคงไปโรงเรียนกับพี่ชายคนเล็กอย่างมีความสุขเหมือนเคย เด็กหญิงตั้งใจอ่านหนังสือ เล่นกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นครั้งคราว หลังเลิกเรียนก็ไปหาพี่อาหนานแล้วกลับบ้าน
พอถึงวันศุกร์ ในกระเป๋านักเรียนของหนวนหน่วนก็มีบัตรเชิญที่จะนำมาแจกให้เพื่อนร่วมชั้น เธอกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายน้อยไปโรงเรียนอย่างมีความสุข
แม้จะเป็นแค่งานวันเกิดเล็ก ๆ แต่เด็กทั้งสองก็คิดว่ามันจำเป็นต้องมีพิธีการ ดังนั้นจึงทำบัตรเชิญมาให้ทุกคน
“หลินจิ่วนี่ของเธอ”
“เยี่ยนหุยนี่คือบัตรเชิญของนาย”
“หลิวฮ่าวนี่ของนาย…”
หนวนหน่วนหยิบบัตรเชิญออกมา อ่านชื่อแล้วยื่นให้พวกเขา
เพื่อนร่วมชั้นจำนวน 21 คนต้องได้ไปร่วมงานวันเกิดของพี่ชาย
“หลี่หลิงนี่ของเธอ”
หลี่หลิงถือบัตรเชิญบ่นฮึดฮัดอยู่ในใจ
เธอไม่ได้สนใจงานเลี้ยงนี้สักหน่อย!
หลังจากแจกบัตรเชิญหมดแล้ว หนวนหน่วนก็เก็บกระเป๋านักเรียนของตน จากนั้นก็หยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กขึ้นมาถามพวกเขาเสียงใสว่าชอบกินอะไรพลางจดลงไปด้วยความตั้งใจ
“ว้าว… หนวนหน่วนบ้านเธอทำอาหารเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
หนวนหน่วนกำลังเขียนอย่างตั้งใจและเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้ามีอักษรตัวไหนที่เขียนไม่ได้ เธอจะเขียนเป็นเสียงพินอินแทน แล้วยังไม่ลืมที่จะพยักหน้าตอบคำถามของเพื่อนร่วมชั้น
“คุณแม่บอกว่าจะเชิญเชฟของโรงแรมมาช่วยทำอาหาร ให้หนวนหน่วนมาถามเพื่อน ๆ ว่าชอบกินอะไรกัน ถ้าทำได้ก็จะทำ”
“งั้นฉันเอาเป็ดอบสมุนไพร”
“ฉันเอามีตบอล”
“ฉันเอาไก่ทอด! ไก่ทอดเยอะ ๆ”
หนวนหน่วนมองเด็กชายตัวอ้วนที่กำลังพูดถึงไก่ทอด “ไม่ได้นะ พี่ชายบอกว่าไก่ทอดเป็นอาหารความร้อนสูง กินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ”
“อะไรคืออาหารความร้อนสูง มันจะลวกเอาเหรอ? งั้นฉันกินตอนเย็นแล้วก็ได้”
ใบหน้าเล็กจ้ำม่ำของหนวนหน่วนอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างจริงจังสุด ๆ
“ความร้องสูงไม่ได้หมายความแบบนี้ มันหมายถึง หมายถึง…”
เธอลังเลอยู่สองวินาที จากนั้นจึงพูดอย่างฉลาดปราดเปรื่อง “อาหารที่ทำให้อ้วน อายุสั้น ป่วยง่าย ตัวไม่สูง แถมหัวยังล้านอีกด้วย”
ปากเล็ก ๆ ของเธอพูดคำศัพท์ที่น่ากลัวหลายคำออกมาอย่างลื่นไหล
พูดจบเธอก็ยังพยักหน้ายืนยัน “ใช่แล้ว แบบนี้แหละ”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ เด็กชายตัวอ้วนก็บีบเนื้อบนร่างกายของตัวเอง “ที่แท้ก็เป็นความผิดของไก่ทอดนี่เอง!”
เด็กหญิงทุกคนเอามือปิดผมสวยน่ารักของตัวเอง ทำหน้าตกใจ “แถมยังหัวล้านด้วย!”
“เดือนก่อนฉันกินไก่ทอดแล้วเป็นหวัด ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
“ฉันไม่อยากตัวเตี้ย ไก่ทอดน่ากลัวมาก…”
ไก่ทอด : อยู่ดี ๆ ก็โยนบาปมาให้
“ฮือ ๆ ๆ ต่อไปฉันจะไม่กินไก่ทอดอีกแล้ว”
เด็กที่ชอบกินไก่ทอดมาก ๆ สูดจมูก “มันอร่อยจริง ๆ นะ งั้น… งั้นฉันขอกินเดือนละครั้งได้ไหม”
หนวนหน่วนพยักหน้า “น่าจะได้นะ พี่ชายบอกว่าอย่ากินมากเกินไป พวกเราต้องกินผักและเนื้อสัตว์ โภชนาการที่สมดุลเท่านั้นที่จะทำให้เราตัวสูงและฉลาดขึ้นได้”
“แต่ว่า… แต่ว่าไก่ทอดก็เป็นเนื้อเหมือนกัน”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ “ไม่งั้นทุกคนลองกลับไปถามพ่อแม่สิว่าเนื้ออะไรกินแล้วดี ผู้ใหญ่ฉลาดที่สุดแล้ว”
เด็ก ๆ ต่างรู้สึกว่าสิ่งที่หนวนหน่วนพูดนั้นสมเหตุสมผล พวกเขาตอบตกลงอย่างมีความสุขแล้วว่าจะกลับไปถามที่บ้าน
หลังจากที่หนวนหน่วนจดอาหารโปรดของทุกคนลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กแล้ว หลี่หลิงก็เดินเข้ามาเหลือบมองอย่างเย่อหยิ่ง
“วันเกิดของฉันปีที่แล้วคุณพ่อเชิญพ่อครัวใหญ่จากชิงเหอเยี่ยนมาทำอาหาร อร่อยสุด ๆ ไปเลย”
หนวนหน่วนเหลือบมองเธอ “อะไรคือชิงเหอเยี่ยน?”
หลี่หลิงเลิ่กลั่ก เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชิงเหอเยี่ยนคืออะไร
“เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารที่สุดยอดไปเลย”
เธอแค่ฟังที่พ่อแม่พูดมาว่ามันสุดยอดเท่านั้นเอง
“อ้อ” หนวนหน่วนตอบส่ง ๆ “ฉันรู้แล้ว แล้วเธอมีของที่อยากกินไหม?”
หลี่หลิงเอาแต่จ้องหน้าเธอตลอดเวลา พอเห็นเธอไม่อวดดีก็วิ่งหนีไปอย่างโกรธเคือง
หนวนหน่วนมองเธออย่างใสซื่อและงุนงง เป็นอะไรไป ทำไมหลี่หลิงชอบโกรธแบบไม่มีเหตุผล แปลกคนจริง ๆ เด็กคนนี้
แต่เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ เพราะงั้นเธอไม่โกรธหรอก เธอไม่ได้ยั่วโมโหหลี่หลิงสักหน่อย!