ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 225 เป็นหมาป่าน้อยดีไหม
บทที่ 225 เป็นหมาป่าน้อยดีไหม
“พี่อาหนานเจ็บมากไหมคะ หนวนหน่วนเป่าเพี้ยง ๆ ให้ดีไหม”
“พี่อาหนานอยากกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวหนวนหน่วนกับพี่กู้อันจะไปซื้อมาให้ อยากกินอะไรคะ”
“พี่อาหนานหิวน้ำไหมคะ เดี๋ยวหนวนหน่วนป้อนน้ำให้ดีไหม”
“พี่อาหนาน…”
น้ำเสียงนุ่มละมุนของเด็กหญิงดังไปทั่ววอร์ดที่เงียบสงัด ราวกับมีแสงตะวันสาดส่อง ร่างกายของหนวนหน่วนดูมีออร่าเปล่งประกายออกมานิดหน่อย
เหลียงฉือไม่เคยได้รับความรักแสนบริสุทธิ์แบบนี้มาก่อน เขาที่เริ่มลุ่มหลงชักจะลังเลที่จะนำตัวเองออกห่างจากมัน
หนวนหน่วนทำตัวเหมือนผึ้งน้อยขยันขันแข็ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็นำยามาให้เหลียงฉือพร้อมกับรินน้ำให้เขา นอกจากนี้เธอยังป้อนผลไม้ให้เขาด้วย ทำเอาใบหน้าของกู้อันยับยู่ด้วยความอิจฉา
ใครเป็นพี่ชายของเธอกันแน่เนี่ย!
เมื่อจางเหลียงกลับมาหลังจากเลิกเรียนแล้ว เขาก็ได้ซื้อโจ๊กมาให้เหลียงฉือทานด้วย ในตอนที่ผลักประตูเข้ามาแล้วพบกับหนวนหน่วน ตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
“พี่เหลียงฉือ”
จางเหลียงปรายตามองไปที่เหลียงฉืออย่างระแวง
เหลียงฉือขานรับเบา ๆ
จริงสิ หลังจากที่ช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ได้เขาก็หาโรงเรียนให้ได้เรียนหนังสือ ซ้ำยังให้ที่อยู่และเงิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยมาสุงสิงหรือพูดคุยด้วยกันสักเท่าไหร่หรอก
ในขณะที่เหลียงฉือกำลังทานโจ๊กอยู่นั้น ไป๋โม่ซูก็เดินเข้ามา
เมื่อเขามองเห็นเด็กน้อยแสนเชื่อฟังนั่งอยู่บนโซฟาก็พูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“หนวนหน่วนไปกินข้าวที่ห้องทำงานกับกู้อันก่อนไป”
เด็กหญิงขานรับก่อนจะจูงมือพี่เล็กของเธอออกไป และเมื่อเดินไปถึงประตู คนตัวเล็กก็หันมองกลับมาแล้วโบกไม้โบกมือลาคนบนเตียง
“บ๊ายบายค่ะพี่อาหนาน”
เหลียงฉือพยักหน้าช้า ๆ “ลาก่อน”
หลังจากที่หนวนหน่วนและกู้อันออกไปแล้ว ในห้องก็เงียบสงัดขึ้นมา
“คุณเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือน”
ไป๋โม่ซูเปิดปากพูดทำลายความเงียบ
เหลียงฉือไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร มีเพียงจางเหลียงเท่านั้นที่ลุกลี้ลุกลน
“ม…ไม่มีทางรักษาแล้วจริง ๆ เหรอครับ?”
เวลาเพียงหนึ่งเดือนสั้นจะตาย ไวอะไรเช่นนี้
จางเหลียงดูตื่นตระหนกอยู่เพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ไป๋โม่ซูก้มลงมองเหลียงฉือด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
“มะเร็งกระเพาะอาหารเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนอนดึก กินข้าวไม่ตรงเวลา หรือแม้แต่การกินอาหาร นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการสูบ…”
เขาหยุดชะงักไปสักครู่หนึ่ง “ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ ก็อาจจะอยู่ได้นานขึ้นหน่อย แต่ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของคุณตอนนี้จะรับไม่ค่อยไหวแล้ว”
เหลียงฉือยกยิ้มขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “ฉันรู้แล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ได้ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋โม่ซู “ฉันรู้ว่าตอนคุณอยู่ที่ประเทศ M คุณเชื่อมโยงเบาะแสมาหาฉันได้ ทั้งที่คนอื่นไม่เคยสืบสาวรูปคดีมาถึงฉันได้เลย แต่คุณกลับคิดออก ทั้งยังตามรอยฉันจนเกือบจะได้ตัว”
ไป๋โม่ซูไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่มองเขาเท่านั้น “คุณเคยนึกเสียใจบ้างไหม”
เหลียงฉือพยักหน้า นั่นทำให้ไป๋โม่ซูรู้สึกประหลาดใจ ปกติแล้วคนแบบนี้ไม่เคยคิดเสียใจในสิ่งที่พวกมันเคยทำลงไปหรอกนะ
“มีครั้งหนึ่งตอนที่ฟางชิ่งเกือบจะทำร้ายหนวนหน่วนนั่นแหละ”
ไป๋โม่ซูชะงักไป “ถ้าอย่างนั้นกับชีวิตผู้บริสุทธิ์คนอื่นที่ตายไป คุณคงไม่คิดเสียใจสินะ”
เหลียงฉือหัวเราะขึ้นมา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“มันเป็นชะตาของพวกเขา มาเกี่ยวอะไรกับฉัน”
นี่คือชายหนุ่มที่เคยถูกทุบตี แม่ของเขาโดนกักขังเอาไว้ในห้องราวกับสุนัข ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขากลับทำนิ่งเฉย ขณะที่เรากำลังโดนรุมอัดปางตาย แต่คนที่เห็นกลับทำเพียงแค่เดินผ่านไปเท่านั้น
เป็นเพราะว่าเขาเคยมีประสบการณ์ชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่ผู้อื่นมองเขากับแม่ไร้ค่า ฉะนั้นแล้ว ทำไมเขาถึงต้องมาใส่ใจคนอื่นด้วยล่ะ
ไป๋โม่ซูปรายตามองเขาสักครู่ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ใช้เวลาในเดือนนี้ให้คุ้มค่าเถอะ”
หลังพูดจบเขาก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
เหลียงฉือพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อกู้หว่าน เธอพยายามติดต่อหาชายคนหนึ่งที่อยู่ทางเขตตะวันออกของหวงเฉิง ชื่อว่าพี่หม่า เพื่อที่… เพื่อที่จะลักพาตัวหนวนหน่วน พวกคุณต้องสนใจเรื่องนี้”
รูม่านตาของไป๋โม่ซูหดลง ปลายนิ้วที่จับปากกาอยู่พลันซีดเผือด
เขาหันหน้ากลับไปมองเหลียงฉือก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ
“คุณอยู่ในโรงพยาบาลตลอด แล้วรู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไง?”
เหลียงฉือแค่นหัวเราะเบา ๆ “แล้วก็ยังรู้ด้วยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะค่อนข้างอันตรายกับหนวนหน่วนด้วย แต่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ถอดต่างหูสีดำอันจิ๋วบนใบหูออกมาแล้วโยนไปให้ไป๋โม่ซู
ไป๋โม่ซูมองมันก่อนจะเอ่ยถาม “ล้างน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนได้ไหม”
เหลียงฉือ “…ได้”
จากนั้นไป๋โม่ซูก็หยิบต่างหูอันนั้นแล้วเดินออกไป หลังจากที่ล้างมันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วก็ยกขึ้นสัมผัสเข้ากับใบหู
แต่ไม่ได้เจาะหูน่ะสิ
เขาจ้องมองต่างหูอยู่ไม่กี่วินาที กำลังเลือกว่าระหว่างจะไปเจาะหูเองหรือหาคนมาใส่แทนดี แน่นอนว่าเขาเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
ฝากเรื่องพวกนี้ไว้ให้กู้หมิงหลี่หรือกู้หมิงอวี๋ช่วยดูให้ก็ได้
….
ตอนนี้ในทุกวันหลังเลิกเรียนช่วงบ่าย หนวนหน่วนจะมาที่โรงพยาบาลเป็นประจำ ทำให้คุ้นเคยกับหมอและพยาบาลหลายคนที่นี่
“หนวนหน่วน”
ขณะอยู่ในห้องพักฟื้น หนวนหน่วนกับพี่ชายคนเล็กของเธอก็กำลังอ่านหนังสือด้วยกัน
หนังสือพวกนี้เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกจัดทำโดยเหลียงฉือ กู้อันรู้สึกทึ่งมากกับโปรแกรมที่ถูกเขียนอยู่ และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขายอมมากับหนวนหน่วนเพียงเพื่อจะได้เฝ้ามองเหลียงฉืออยู่ตลอดเวลา
หนังสือพวกนี้มีค่ามาก นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่เหลียงฉือเขียนขึ้นเองด้วย และมันไม่ได้วางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป!
กู้อันสามารถตายอย่างสงบได้แล้วแค่เจอหนังสือพวกนี้ เขาเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเหลียงฉือไปในทางที่ดีขึ้นมาก
เมื่อเด็กหญิงได้ยินเหลียงฉือเรียกชื่อตัวเอง เธอก็เงยหน้าขึ้นทันที
“อยู่นี่ค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ?”
คนตัวเล็กส่งสายตาไร้เดียงสาจ้องมองเขา
เหลียงฉือมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เธอชอบอะไรที่สุด?”
หนวนหน่วนนั่งลงบนโซฟาอันนุ่มนิ่ม
“หนวนหน่วนชอบเยอะมากค่ะ ชอบพวกพี่ ๆ ชอบคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็อาหารอร่อย ๆ ชอบดอกไม้ แล้วก็ยังชอบปลูกพวกต้นไม้ด้วย ชอบเสี่ยวอีแล้วก็พวกของมัน จริงสิ หนูยังไม่เคยบอกพี่เลยนี่นาว่าเสี่ยวอีกับพวกของมันเป็นสัตว์เลี้ยงของหนวนหน่วน…”
คนตัวเล็กนับนิ้วของเธออย่างตั้งใจ พอสายตาสบประสานเข้ากับเหลียงฉืออีกครั้ง เด็กหญิงก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“หนูก็ชอบพี่อาหนานเหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วหนูก็ไม่อยากให้พี่ไปทำเรื่องร้าย ๆ อีก กลัวว่าพี่จะโดนตำรวจจับเอา”
เหลียงฉือมองหนวนหน่วน ก่อนจะพยักหน้าลงช้า ๆ “ได้สิ”
หนวนหน่วนกระโดดโลดเต้นดีใจราวกับลูกหมาได้กินนม
“พี่อาหนานตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปไม่อนุญาตให้ไปทำเรื่องไม่ดีแล้วนะคะ เกี่ยวก้อยกัน”
เด็กหญิงชูนิ้วก้อยขึ้นมาแล้วยื่นมือไปหา
เหลียงฉือยื่นมืออันซีดเซียวผอมบางจนเกือบจะเห็นกระดูกออกไป ก่อนจะเกี่ยวก้อยเข้ากับนิ้วอันอวบอิ่มของหนวนหน่วน
“สัญญาร้อยปีห้ามเปลี่ยน ใครผิดสัญญาขอให้กลายเป็นลูกหมา”
เหลียงฉือยิ้มบาง แล้วพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ต้องเป็นหรอกลูกหมาน่ะ เอาเป็นหมาป่าน้อยดีกว่า โอเคไหม?”
หนวนหน่วนกะพริบตาสงสัย “ทำไมล่ะคะ?”
“เพราะว่าหมาป่าดุร้ายกว่า และปกป้องเธอได้ด้วย”
หนวนหน่วนยอมตกลงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ถ้างั้นก็โอเคค่ะ หมาป่าน้อยก็หมาป่าน้อย หนวนหน่วนไม่ถือสาหรอก”
“พี่อาหนานอยากกินขนมไหมคะ หนวนหน่วนมีลูกอมมาฝากด้วย”
หนวนหน่วนเปิดกระเป๋าใบเล็กของเธอออก ก่อนจะหยิบลูกอมเปลือกสีใสมายัดไว้ในมือของเขา
“พี่อาหนานต้องกินให้มากกว่านี้นะคะ ตอนนี้ผอมมากเลย เดี๋ยวจะไม่หล่อนะ”
เหลียงฉือจ้องมองไปที่ลูกอมเม็ดเล็กในมือของตนพลางกลืนน้ำลาย จากนั้นถึงเอ่ยรับคำ
อันที่จริงแล้ว ตอนนี้เขากินอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
หนวนหน่วนนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงเหลียงฉือ ถือหนังสือขึ้นมาไว้ในมือพลางอ่านเรื่องราวในนั้นอย่างตั้งใจ
คนตัวเล็กจริงจังมาก วิธีการออกเสียงก็ขับกล่อมได้ไพเราะ ละมุนจนถึงขั้นว่า ต่อให้ฟังวนไปวนมาทั้งวันก็ไม่มีเบื่อเลย