ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 223 เหลียงฉือผ่าตัด
บทที่ 223 เหลียงฉือผ่าตัด
ก่อนที่หนวนหน่วนจะทันได้เถียงกับตัวเองจนเข้าใจ ไฟในห้องผ่าตัดก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเหลียงก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วมองไปตรงประตู หนวนหน่วนเองก็เช่นกัน เธอเขย่งปลายเท้า ยืดเหยียดคอมองดูอย่างกระวนกระวายใจ
เธอคิดภายในใจ ‘หนวนหน่วนจะมอง แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ’
การมองดูครั้งนี้ทำให้ได้เห็นใบหน้าของเหลียงฉือที่ซีดเซียว ดวงตาของเขาปิดลงหลับสนิท
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กรู้สึกตกใจ เธอรีบเดินตามรถเข็นไปแล้วเริ่มวิ่งด้วยขาสั้น ๆ
ไป๋โม่ซูที่สวมเสื้อผ่าตัดมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงเชือกถักสีแดงของเหลียงฉือตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัดขึ้นมา มันต้องได้มาจากน้องสาวของเขาแน่เลย ดูจากลักษณะแล้วก็รู้ได้เลยว่าคนสวมใส่ดูแลมันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังใส่มันตลอดเวลาด้วย
“กู้หมิงหลี่ พาหนวนหน่วนกับกู้อันไป แต่อย่าวิ่งล่ะ”
กู้หมิงหลี่พยักหน้า ก่อนจะอุ้มหนวนหน่วนขึ้นแล้ววิ่งตามไปอย่างไม่เร่งรีบ
ไม่นานนัก เหลียงฉือก็ถูกย้ายไปในห้องพักฟื้น เหมือนคนยังอยู่ในอาการโคม่า จางเหลียงที่กังวลมากก็เอาแต่ถามไม่หยุด
หนวนหน่วนเม้มปากตัวเองพลางโอบกอดรอบคอของพี่สี่ นัยน์ตาดำขลับจดจ้องมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง
“พี่คะเราไปกันเถอะ” เธอกระซิบเบา ๆ
กู้หมิงหลี่ “ไม่ดูแล้วเหรอ?”
หนวนหน่วนส่ายหัวปฏิเสธ “พี่โม่ซูช่วยเขาแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วละ”
เหลียงฉือป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ไม่ว่าไป๋โม่ซูจะเก่งมากแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะทำให้หายขาดด้วยการรักษาเพียงแค่ครั้งเดียว เขาแค่ทำให้อาการทรงตัวได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ
เทคโนโลยีทางการแพทย์ในตอนนี้ยังไม่สามารถรักษาผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะลุกลามได้
หลังจากออกจากวอร์ดแล้วเธอก็กลับไปที่ห้องทำงานของญาติผู้พี่คนโต หนวนหน่วนวางหนังสือทิ้งไว้อยู่บนตักตัวเองแต่ก็ไม่ค่อยได้อ่านเลย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ได้แต่เอามือลูบคางน้อย ๆ อยู่อย่างนั้น
กู้หมิงหลี่บีบแก้มนุ่มนิ่มของเธอ “คิดอะไรตั้งนานน่ะ? อยากไปหาเขาก็ไปเถอะ ยังไงก็มีพวกพี่คอยดูแลอยู่แล้ว”
กู้อัน “ใช่ เป็นเด็กน่ะอย่าเศร้าบ่อย ถ้าไม่มีความสุขจะทำให้แก่เร็วนะ”
หนวนหน่วนทำหน้ามุ่ยพร้อมกับเบะปากอมชมพูออก
“หนวนหน่วนแค่คิดว่าควรบอกพวกพี่ใหญ่ดีไหม”
กู้หมิงหลี่ “แล้วจะบอกพวกเขาว่าอะไร?”
คนตัวเล็กยืดตัวตรง “เพราะว่าพี่ใหญ่เป็นพี่ใหญ่นี่นา ถ้าเกิดว่าพวกพี่ยอมให้หนวนหน่วนไปหาพี่ชายคนนั้น หนวนหน่วนก็จะไป แต่ถ้าไม่ให้ หนวนหน่วนก็จะไม่ไป”
ถึงจะแอบสงสารพี่อาหนานอยู่บ้าง แต่เธอห่วงความรู้สึกของพวกพี่มากกว่า
ถ้าเป็นเด็กแล้วตัดสินใจไม่ได้ก็ถามผู้ใหญ่ดีกว่า
กู้หมิงหลี่ “…เธอกำลังจะบอกว่าพี่สี่ของเธอไม่ยอดเยี่ยมเหรอ?”
คนตัวเล็กรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ พี่สี่ก็เก่งเหมือนกัน แต่หนวนหน่วนอยากได้คำตอบเพิ่มจากพี่คนอื่นด้วย ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความคิดมากขึ้นไง”
กู้หมิงหลี่ “…”
หนวนหน่วนรู้จักทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ!
เมื่อไป๋โม่ซูกลับมา หนวนหน่วนจึงใช้ดวงตาอันแสนงดงามจ้องมองเขาแล้วตั้งคำถามอย่างจริงจัง
“พี่โม่ซูคะ พี่คิดว่าหนวนหน่วนไปหาพี่ชายสุดหล่อได้ไหม? ตอนนี้หนวนหน่วนกำลังเถียงกับตัวเองอยู่ เขาดูน่าสงสาร หนูควรจะไปเยี่ยม แต่อีกความคิดหนึ่งก็คิดว่าเขาเป็นคนร้ายที่ตำรวจต้องจับ อย่าไปเจอเลยดีกว่า ตอนนี้มันตีกันยุ่งเหยิงจนสับสนไปหมดเลยค่ะ”
เมื่อไป๋โม่ซูได้ยินว่ามีเธอสองคนกำลังตีกันเองอย่างจริงจังเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขากระแอมขึ้นก่อนจะลูบหัวน้อยของหนวนหน่วน
“อย่าคิดมากเลย ตอนนี้เหลียงฉือโดนจับตาดูอยู่ ทำอะไรผิดกฎหมายไม่ได้หรอก ตอนนี้ยังจับไม่ได้ด้วย ถ้าอยากไปหาก็ไปเถอะ”
พวกเขาเข้าใจความคิดของเหลียงฉือดี ไม่ต้องห่วงเลยว่าเหลียงฉือจะทำอันตรายหนวนหน่วน
ในทางกลับกัน เขากลับปกป้องหนวนหน่วนซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากมาก ผู้ชายคนนี้เป็นแฮกเกอร์มือฉกาจ เขาสามารถขุดคุ้ยความลับได้มากมายภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น การสืบหาว่ากู้หว่านอยู่เบื้องหลังกลุ่มอันธพาลพวกนั้น เขาลงมือด้วยตัวเองทุกอย่างเพื่อช่วยปกป้องหนวนหน่วน
กู้หว่านแอบปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แม้แต่คนอื่น ๆ ยังดูไม่ออกว่าเธออยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ เนื่องจากว่าไม่มีหลักฐานพวกเขาจึงต้องใช้เวลาในการสืบหา แต่เหลียงฉือกลับคัดลอกวิดีโอแล้วส่งมาให้พวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
หนวนหน่วนไม่รู้เรื่องนี้ เธอกำลังกอบกุมมือญาติผู้พี่คนโตด้วยแววตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้นพี่เห็นด้วยไหม?”
แน่นอนว่าต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นหรอก มันมีเหตุผลว่าทำไมเหลียงฉือถึงเป็นคนร้ายที่เก่งกาจ นั่นเพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นและสามารถดึงความโลภภายในจิตใจของแต่ละคนออกมาใช้ได้
นอกจากนี้ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเขาก็ดีมาก แต่ก็ทำได้ดีเพียงแค่ในโลกของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
ตอนนี้ทั้งตระกูลกู้และตระกูลไป๋ต่างหวาดกลัวเขากันหมด แค่เด็กคนเดียวพวกเขาต่างก็ดูแลให้ดีไม่ได้เลย
หลังกลับจากโรงพยาบาล หนวนหน่วนก็เล่าเรื่องที่เจอเหลียงฉือในโรงพยาบาลให้พี่ใหญ่ฟัง จากนั้นก็ถามความเห็นของเขา
กู้หนานสวมกอดหนวนหน่วน แต่สีหน้าก็ยังคงเคร่งขรึมเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน
“อยากไปก็ไป”
คำพูดนั้นทั้งดูเย่อหยิ่งและมั่นใจมาก เขามั่นใจว่าจะไม่มีทางปล่อยให้น้องสาวบาดเจ็บเด็ดขาด
ตอนนี้เหลียงฉือกำลังโดนตำรวจจับตามองดูอยู่ห่าง ๆ เพราะเขามีโปรแกรมอันตรายที่สามารถทำให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตโลกล่มได้จึงไม่กล้าทำอะไรมากเกินไปกว่านี้ นอกจากนี้ตัวเขาเองก็ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานด้วย หากกระโตกกระตากไปก็กลัวว่าเขาจะไหวตัวทันเสียก่อน
โชคยังดีที่คนคนนี้ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรในตอนนี้ นอกจากนี้เขาเองก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงในการก่อเหตุอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย นั่นจึงทำให้ทุกคนโล่งใจขึ้นเปราะหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเหลียงฉือจะโดนจับตามองทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย มันจะไปทำอะไรได้มากมายกันล่ะ ในเมื่อร่างกายก็แย่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้
หลังจากที่หนวนหน่วนได้รับคำตอบจากพวกพี่ชายแล้วและทุกคนต่างยินยอมกันหมด ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นเธอจึงไปโรงเรียนอย่างมีความสุข และเนื่องจากว่าเธอยังเป็นนักเรียนอยู่ ดังนั้นเธอจะต้องรอให้โรงเรียนเลิกก่อนถึงจะไปเยี่ยมคนได้
“หนวนหน่วน!”
หลินจิ่วที่เห็นหนวนหน่วนก็รีบโผเข้ากอดเธออย่างตื่นเต้น “อาทิตย์หน้าฉันจะไปเล่นที่บ้านเธออีกนะ!”
แน่นอนว่าหนวนหน่วนก็ไม่ได้รังเกียจอะไรอยู่แล้ว
“ได้สิ วันเสาร์หน้าเป็นวันเกิดของพี่กู้อัน หลินจิ่วจะมาก็ได้นะ”
“จริงเหรอ!”
หลินจิ่วดีใจมาก เธอมองไปที่กู้อันอย่างคาดหวัง
กู้อันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “เธอเป็นเพื่อนของน้องสาวฉัน อยากมาก็มาเถอะ หนวนหน่วนอยากชวนเพื่อนคนไหนมาอีกไหมล่ะ? เชิญมาให้หมดเลย มากันทั้งห้องเลยก็ได้!”
ที่บ้านเตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เขา บ้านก็ออกจะใหญ่โตกว้างขวาง ต่อให้พานักเรียนมากันหมดทั้งชั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก ออกจะสนุกด้วยซ้ำไป แล้วยังจะได้เพื่อนเพิ่มอีกด้วย
เหมือนคำพูดที่ว่า อยู่บ้านพึ่งบารมีพ่อแม่ แต่ถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องพึ่งพาผองเพื่อน หากมีเพื่อนเยอะก็จะไม่เหนื่อยนัก
หนวนหน่วนตอบกลับอย่างว่าง่าย “ถ้าอย่างนั้นหนูจะลองชวนดูนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ไปถามเองหลังเลิกเรียน”
หลี่หลิงที่เดินตามหลังมาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้ยินเข้า เธอพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใครเขาจะสนกัน!”
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่กู้หนวนหน่วนเคยพูดว่าตนมีพี่ชายเจ็ดคน และนอกจากนี้ทุกคนก็เก่งมาก เธอจึงอยากเห็นแทบไม่ไหว แต่เธอก็คิดว่ากู้หนวนหน่วนอาจจะหลอกเธอก็ได้
จะมีพี่ชายที่เยี่ยมยอดขนาดนั้นได้ยังไงกัน! ขนาดพี่ชายทั้งสองคนของเธอยังเกาะที่บ้านกินอยู่เลย!
ไม่ได้การละ เธอจะต้องไปเห็นกับตาให้ได้สักครั้ง แล้วกลับมาแฉทุกคนว่ากู้หนวนหน่วนโกหก
เมื่อคิดได้ดังนั้น ตอนที่กู้อันมาถามว่าใครจะไปร่วมงานฉลองวันเกิดของเขาไหม เธอก็เดินไปต่อแถวลงชื่อด้วย
แต่ก็กลัวว่ากู้หนวนหน่วนจะหัวเราะเยาะตัวเองจังเลย
เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อยตอนไปต่อแถวลงชื่อ ในขณะที่หนวนหน่วนเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย เพียงแต่เขียนชื่อหลี่หลิงลงไปอย่างตั้งใจ
เรื่องราวก่อนหน้าที่เกิดขึ้น หนวนหน่วนไม่ถือเอามันมาเป็นเรื่องราวโกรธแค้นอะไรเลย เด็กหญิงลืมเรื่องพวกนั้นไปนานแล้ว
หลินจิ่วที่นั่งอยู่ด้านข้างทำหน้าบูดบึ้ง
หลี่หลิงจ้องกลับอย่างขุ่นเคืองก่อนจะวิ่งออกไป
เธอไม่ได้อยากไปงานเลี้ยงนี่นักหรอก แค่อยากจะเห็นเฉย ๆ ว่าหนวนหน่วนมีพี่ชายแสนดีอยู่เยอะมากจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง!