ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 222 คนที่เกี่ยวข้องจะต้องโดนดีให้หมด
บทที่ 222 คนที่เกี่ยวข้องจะต้องโดนดีให้หมด
ไป๋โม่ซูหรี่ตามองเขาก่อนจะแสยะยิ้ม
“แกกล้ามากเลยนะ” กล้ามากที่มาโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่อย่างเปิดเผย แล้วยังบอกจะให้เขาผ่าตัดให้อีก
ไป๋โม่ซูในเวลานี้ไม่สนว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไง หากตนทำให้เกิดอะไรขึ้นระหว่างการผ่าตัด
ตอนนี้ร่างกายผอมบางของเหลียงฉืออ่อนแรงลงกว่าแต่ก่อนมาก ทว่าเจ้าตัวก็ยังถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีใครจ่ายยาได้ดีเท่าคุณ…”
ยังจะมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก!
“พี่เหลียงฉือหยุดพูดได้แล้ว ฮืออ”
เสียงนี้มาจากเด็กหนุ่มที่วิ่งตามรถเข็นร้องไห้ออกมา ไป๋โม่ซูปรายตามองเขา คนนี้คือจางเหลียง คนที่พ่อของตนโดนเหลีองฉือฆ่าตาย
เฮ้อ… ตอนที่พ่อตาย เขาไม่เคยร้องไห้แบบนี้ด้วยซ้ำ ชีวิตช่างผกผันอย่างเหลือเชื่อ
หนวนหน่วนที่โดนพี่สี่อุ้มอยู่เห็นเหลียงฉือก็ตกใจไม่แพ้กัน
ในตอนนั้นเอง เหลียงฉือที่กำลังถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดก็เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะมองเห็นเด็กน้อยเข้า เธอเป็นดั่งแสงสว่างโดดเด่นกลางฝูงชน ช่างใสซื่อบริสุทธิ์ดูน่าปกป้อง
น่าเสียดายที่แสงสว่างนั้นมันไม่ได้เป็นของเขา
ชายหนุ่มขยับโบกมือของตัวเอง ตอนโดนเข็นผ่านจนลับตาไป รอยยิ้มกลับทวีความสดใส
ไม่นานนักเขาก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดไป มองไม่เห็นใครอีกแล้ว และระหว่างการผ่าตัดก็มีเพียงจางเหลียงเท่านั้น เขาไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำแต่ก็คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างกังวลใจ
“นั่นพี่ชายคนนั้นนี่”
หนวนหน่วนพึมพำออกมาเบา ๆ
กู้หมิงหลี่ “หืม?”
หนวนหน่วนกอดคอของพี่สี่พลางทำจมูกฟุดฟิด ดวงตาเริ่มแดงก่ำ
“พี่สี่ พี่เขาป่วย”
น้ำเสียงของเธอแหบพร่า
กู้หมิงหลี่ “…”
ทำไมจู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมาล่ะ เขายิ่งเป็นคนตรง ๆ อยู่ด้วย ไม่รู้วิธีโอ๋น้องสาวหรอกนะ
“อย่าร้อง”
หนวนหน่วนพูดด้วยสีหน้ายับยู่ “ถึงพี่เขาจะเป็นคนไม่ดี แต่… แต่ถึงอย่างนั้นหนวนหน่วนก็เป็นห่วงพี่เขามากเลย ทำยังไงดี หรือหนวนหน่วนก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกัน?”
กู้หมิงหลี่ยกมือปาดน้ำใส ๆ ตรงหางตาให้กับหนวนหน่วน
“หยุดร้องก่อน ว่าแต่ใครคือพี่คนนั้นกัน?”
“ก็… ก็เหลียงฉือไงคะ”
กู้หมิงหลี่ “!!!”
แม่ง! พูดถึงไอ้เวรนั่นหรอกเรอะ!
เขาอยากจะพาน้องสาวที่อยู่บนบ่าเดินออกไปให้พ้นจากตรงนี้แทบแย่ แต่เขาก็ทนเห็นคนตัวเล็กเศร้าโศกแบบนี้ไม่ได้
ช่างเถอะ… ใครมันจะกล้ามาทำอะไรน้องสาวของเขากัน
“เราไปดูกันเถอะ”
สีหน้าของหนวนหน่วนฉายความงุนงงขึ้นมา “แต่ว่าพวกพี่ใหญ่บอกให้หนวนหน่วนอยู่ห่างพี่เขาเอาไว้ เขาอันตรายมาก”
กู้หมิงหลี่ลูบหัวน้อย ๆ ของเธอก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา “มันดูป่วยใกล้จะตายอยู่แล้ว ถ้ามันทำอันตรายจริง ๆ ฉันจะทุบมันเอง”
หนวนหน่วนกระชับตัวเองในอ้อมกอดของพี่สี่ “ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ”
กู้หมิงหลี่ “…”
เธอควรจะปฏิเสธให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยสิ!
กู้หมิงหลี่หยิกแก้มน้อยทั้งสองข้างของเธอพลางกัดฟันถาม “อะไรกัน นี่เธอให้ความสำคัญกับพี่ชายคนนั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง?”
ดวงตาของหนวนหน่วนเปียกชุ่ม นัยน์ตาสีเข้มเสไปมาอย่างไร้เดียงสา ด้วยความที่อยากเอาตัวรอดให้พ้นจากสถานการณ์นี้ เธอจึงทำหน้าตายับยู่แล้วออดอ้อนด้วยการจุ๊บลงบนแก้มพี่สี่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“จุ๊บ ๆ พี่สี่ อย่าโกรธเลยนะคะ~”
พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนเหมือนเคยอีกต่างหาก
มุมปากของกู้หมิงหลี่ยกยิ้มขึ้น ช่างมันเถอะ
“แล้วพี่ล่ะ ทั้งสองคนอย่าทำเป็นเมินกันตลอดได้ไหม!”
กู้อันเท้าสะเอวพลางโวยวาย
กู้หมิงหลี่ “โทษที พอดีเตี้ยเกินไปเลยอยู่นอกสายตาน่ะ”
กู้อันรู้สึกราวกับโดนมีดทิ่มแทง
เจ็บใจนัก!
กู้อันเดินตามหลังกู้หมิงหลี่ไปพลางโวยวายอย่างโกรธ ๆ ไปพลาง
“ตอนนี้ผมเพิ่งสิบขวบ สิบขวบ! ต่อไปผมจะสูงได้มากกว่าพี่อีก!”
กู้หมิงหลี่แสร้งทำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่ทุกคนจะเงียบเสียงลงเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
ตรงนี้เงียบสงบมาก มีเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ เขาใช้มือปิดหน้าปิดตาแล้วร้องไห้อย่างเงียบ ๆ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา ใบหน้ายับยู่ของเขาก็นิ่งสงบลงก่อนจะสบตาเข้ากับผู้มาเยือนทั้งสาม
จางเหลียงจ้องมองไปที่หนวนหน่วน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนทันควัน
“เธอ… เธอคือกู้หนวนหน่วนใช่ไหม?”
จางเหลียงตรงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ถูกกู้หมิงหลี่ห้ามเอาไว้ก่อน
“ทำอะไรวะ?”
ดวงตาของจางเหลียงกลายเป็นสีแดงก่ำ เขาทำได้เพียงจ้องมองหนวนหน่วนเท่านั้น
“ข… ขอโทษ ฉันแค่ตื่นเต้นน่ะ ฉันรู้จักเธอ พี่เหลียงฉือเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟัง”
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งตรงบริเวณนั้นนั่งลงอย่างเงียบ ๆ จางเหลียงเหลือบมองไปที่ประตูทางเข้าห้องผ่าตัดเป็นครั้งคราว ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนเริ่มจะน้อยลงมากแล้ว
เขากับหนวนหน่วนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเหลียงฉือมากมาย เรียกว่าคุยเรื่องดีทั้งหมด
“พี่เหลียงฉือเขาแข็งแรงมากจริง ๆ ทั้งที่ป่วยหนักมากขนาดนี้ แต่ก็ยังสามารถควบคุมระบบเน็ตทุกอย่างได้ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตไม่มีทางรอดพ้นสายตาของเขาไปได้เลย…”
อาชีพของเหลียงฉือเป็นสิ่งที่กู้อันให้ความสนใจมากที่สุด เขานั่งประกบข้างจางเหลียงแล้วเริ่มพูดคุย
แม้ว่าจางเหลียงจะหมดไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้ แต่เมื่อได้พูดถึงเหลียงฉือ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เขานับถือผู้มีพระคุณคนนี้ดุจดั่งพระเจ้าเลยก็ว่าได้ เหลียงฉือทำให้เขามีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้
แต่ในขณะที่พูดดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลงเรื่อย ๆ
เด็กหนุ่มมองไปตรงประตูห้องผ่าตัด “พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าพี่เหลียงฉือเคยทำอะไรไว้บ้าง”
คนของตระกูลกู้ตามติดพี่เหลียงฉือขนาดนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะต้องรับรู้เรื่องราวของเขาดีอยู่แล้ว
“ถึงแม้ว่าในสายตาของพวกเธอ พี่เหลียงฉือจะเป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยม แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เลย เขาเป็นเหมือนพระเจ้าที่ช่วยให้ฉันมีชีวิตรอดและดึงฉันให้พ้นจากหลุม ชีวิตฉันเจออะไรที่คล้ายกับพี่เหลียงฉือมาเยอะ ก่อนนี้ฉันต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นที่ทำร้ายร่างกายฉันทุกวัน ต้องโดนทุบตีทุกวัน บางครั้งตอนนอนหลับไปแล้วยังโดนลากไปทุบเลย”
“ฉันต้องทำงานหาเงินมาให้เขา แถมยังอดอยากไม่ค่อยมีจะกินอีก ไปโรงเรียนก็ไม่ได้ ชีวิตมืดมนมากจนฉันพยายามฆ่าตัวตาย แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จเลย หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาคนคนนั้นก็ทำกับฉันแย่กว่าเดิมอีก”
“แต่ก็ถือว่าโชคดีนะ ตอนฉันสิ้นหวังจู่ ๆ พี่เหลียงฉือก็โผล่เข้ามา พาฉันออกจากความมืดมิด เขายังสอนคอมพิวเตอร์ให้ฉันด้วยนะ แล้วยังให้ฉันได้กินอิ่ม หาที่ซุกหัวนอนให้อีก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตจะดีได้ขนาดนี้”
จางเหลียงหัวเราะขึ้นมา หัวเราะแล้วหัวเราะอีกจนท้ายที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาอาบแก้ม
“ฉันได้รับความช่วยเหลือจากเขา แต่ตอนนี้เขากำลังดิ้นรนอยู่ในความมืดมิด แล้วใครกันที่จะช่วยเขาล่ะ”
กู้หมิงหลี่มองดูหนวนหน่วนที่กำลังร้องไห้ซบลงบนไหล่ของเขา จู่ ๆ สีหน้าก็มืดทะมึนขึ้นมา
“แกหุบปากเลย!”
หนวนหน่วนของเขาอายุแค่หกขวบ แต่เดิมก็ใจอ่อนง่ายอยู่แล้วด้วย ไอ้หมอนี่ต้องการอะไรถึงพูดแบบนี้!
จางเหลียงเงียบลง เขาพูดอะไรที่ดูเห็นแก่ตัวมากเกินไป มันเป็นเพราะเขารู้ดีว่าพี่เหลียงฉือห่วงใยสาวน้อยคนนี้มาก
แต่ตระกูลกู้คงไม่มีวันยอมให้พี่เหลียงฉือเข้าใกล้เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาคนนี้แน่นอน
แต่เขาก็รู้ดีว่าการเกลี้ยกล่อมให้เด็กน้อยใจอ่อนนั้นง่ายมาก โดยเฉพาะกับกู้หนวนหน่วน เด็กน้อยผู้มีจิตใจบริสุทธิ์
เขาไม่อยากทำให้กู้หนวนหน่วนหวาดกลัวตัวเองหรือพี่เหลียงฉืออีก ตอนนี้เขาทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะได้ผลเพียงนิดเดียวก็ตาม
หนวนหน่วนดึงแขนเสื้อของพี่สี่ขึ้นมาเช็ดหน้า
“น… หนูไม่เป็นไร”
“ขอโทษนะ”
จางเหลียงขอโทษหนวนหน่วนจากใจจริง
เขายอมรับว่าเขาพูดจาเห็นแก่ตัวมาก แต่ตราบใดที่มันจะทำให้พี่เหลียงฉือดูดีขึ้นในสายตาทุกคน ยังไงเขาก็ยินดีที่จะทำ
หนวนหน่วนจ้องมองไปที่ประตูห้องผ่าตัดพลางใช้สองมือประสานนิ้วเข้าหากันแน่น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวตนของหนวนหน่วนสองคนกำลังโต้เถียงกันอยู่ คนหนึ่งบอกว่าพี่เขาน่าสงสารมาก แถมยังป่วยด้วย เธออยากจะไปเจอเขา แต่อีกคนกลับโต้เถียงว่าเหลียงฉือเป็นคนที่ทำผิดกฎหมาย แถมยังทำสิ่งเลวร้ายมามาก เขาต้องโดนคุณตำรวจตามจับ
ความคิดในหัวตีกันจนแทบแยกแยะไม่ได้เลย QAQ