ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 221 ปกป้องลูกพี่ลูกน้องคนโต
บทที่ 221 ปกป้องลูกพี่ลูกน้องคนโต
“อี้โอ้อู…”
ไป๋โม่ซูยกมือขึ้นเคาะประตู ทำเอาหนวนหน่วนตัวน้อยที่กำลังนั่งหันหลังให้ประตูแทบจะหันขวับกลับมาในทันที
เธอยังคงกินลูกกลม ๆ นั่นอยู่คาปาก แก้มด้านซ้ายของเธอนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สงสัยจะยัดเข้าไปเยอะ
“อี้!”
ทันทีที่เด็กหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ น้ำลายก็ไหลออกมาจากปาก
ไป๋โม่ซู “…”
ชายหนุ่มรีบเดินไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้คนตัวเล็ก
“กินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูด”
หนวนหน่วนเม้มปากแล้วพยักหน้า ในปากเต็มไปด้วยลูกหยีจนแก้มทั้งสองข้างปูดออก เหมือนหนูแฮมสเตอร์กำลังกินอาหาร
หลังจากค่อย ๆ กินขนมที่อยู่ในปากแล้ว จมูกเล็กของเธอก็โดนบีบเข้าให้
นิ้วเรียวยาวของญาติผู้พี่คนโตเย็นเฉียบเหมือนของพี่ใหญ่เลย
“ทีหลังกินทีละนิดเข้าใจไหม”
ถึงภายนอกเขาจะดูเย็นชา แต่การกระทำกับคำพูดของเขาไม่ใช่เลย
คนตัวเล็กพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟังก่อนจะยื่นไม้เสียบลูกหยีที่ยังเหลืออีกสองชิ้นให้
“พี่กินเร็ว หนวนหน่วนเก็บไว้ให้พี่มากกว่าชิ้นเดียวนะ”
ไป๋โม่ซูปรายตามองก่อนจะปฏิเสธ “ไม่เอา พี่ไม่กินหรอก”
หนวนหน่วน “อร่อยนะคะ”
“นั่นมันสำหรับเธอ พี่ไม่ชอบกินของหวาน”
ใบหน้าขาวอันอวบอิ่มเหมือนซาลาเปาของเด็กหญิงยับยู่ขึ้นอยู่สองวินาทีก่อนจะยอมฟังคำขาดของพี่ชาย
“แล้ว… พี่ชอบกินอะไรคะ? หนวนหน่วนจะซื้อให้?”
ไป๋โม่ซู “พี่ชอบกินข้าวขาว”
หนวนหน่วน “…ถ้างั้นหนวนหน่วนจะกลับไปทำให้พี่ค่ะ”
ดวงตาของไป๋โม่ซูเปื้อนยิ้ม เขาใช้นิ้วมือเรียวยาวของตัวเองลูบศีรษะคนตัวเล็กไปมา
“แล้วเธอมาทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
หนวนหน่วน “มาปกป้องพี่จากการโดนคนเลวรังแกไง!”
กู้อันพยักหน้ารับ “ใช่!”
อันที่จริงเขาไม่รู้หรอกว่ามาโรงพยาบาลเพื่ออะไร แค่อยากมากับน้องสาวก็เท่านั้น
กู้หมิงหลี่นั่งพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ขายาวทั้งสองข้างพาดวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ทำเอาไป๋โม่ซูรู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก
“เอามันลงไปเลย”
กู้หมิงหลี่เบะปากแล้วนำขาที่วางพาดอยู่ลง สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นที่ของคนอื่น เขาไม่สามารถทำตามใจอยากได้ เพราะเจ้าของที่คือคนที่ควรให้เกียรติ
ไป๋โม่ซูมองไปที่หนวนหน่วน ชะงักไปอยู่สามวินาที
“ไม่ต้องมาปกป้องพี่หรอก”
อะไรทำให้เจ้าตัวเล็กคิดว่าเด็กสามคนจะสามารถปกป้องคนอื่นได้หรือ?
หนวนหน่วนแยกเขี้ยว “แน่จริงก็เข้ามาสิยัยตัวร้าย หนวนหน่วนจะกัดเธอเพื่อปกป้องพี่เอง!”
หลังจากพูดจบเธอก็กัดฟันกรอดอย่างดุร้าย แต่มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด มันเหมือนลูกหมาสีน้ำนมตัวน้อยที่กำลังโกรธมากกว่า แมวยังดูร้ายกว่าเลย
ไป๋โม่ซู “…”
ถึงยังไงเจ้าตัวเล็กก็ยังเป็นยัยนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชเมลโลในใจของเขาอยู่ดี
“พี่คะ อันนี้ของพี่”
หนวนหน่วนวิ่งเข้ามาหาแล้วยื่นขนมให้เขา
“เธอไม่กินล่ะ?”
ไป๋โม่ซูลดสายตาลงแล้วมองดู แต่แทนที่จะหยิบขนมพวกนั้น นิ้วเรียวยาวของเขากลับชี้ไปตรงกระเป๋าสะพายข้างของหนวนหน่วนแทน
“เอาในนั้นน่ะ พี่อยากได้รสมะนาว”
หนวนหน่วนมองกระเป๋าใบเล็กของตัวเองก่อนจะเข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร
“ได้ค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็วางขนมทั้งหมดลงแล้วหยิบลูกอมรสมะนาวออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นมันให้เขา
“นี่ค่ะ”
ไป๋โม่ซูเอ่ยถาม “วันนี้เธอกินลูกอมไปกี่เม็ดแล้ว?”
ดวงตาสีเข้มของหนวนหน่วนงุดหลบมองพื้น ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสำนึกผิดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“เปล่านะ วันนี้หนูยังไม่ได้กินเลย”
“อ๋อ อย่างนั้นหรอกเหรอ”
เด็กหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอต้องเก็บมันเป็นความลับให้ได้
“แล้ววันนี้ลูกอมรสไหนอร่อยที่สุด?”
“องุ่น!” หนวนหน่วนเผลอตอบคำถามนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว และแล้วดวงตาอันสุกสกาวของญาติผู้พี่คนโตของเธอก็หรี่แสงลงทันที
“นี่คือยังไม่ได้กินเหรอ?”
หนวนหน่วนใช้มือทั้งสองข้างจับสายกระเป๋าด้วยความรู้สึกผิด
“แค่… นิดเดียว”
ไป๋โม่ซูจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาหรี่ลงเรื่อย ๆ ชายหนุ่มเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แค่นั้นหนวนหน่วนก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากลูกพี่ลูกน้องคนโตของเธอขึ้นมาทันที
เด็กหญิงคอตก เหลือบมองพี่สี่กับพี่เล็กด้วยแววตาน่าสงสาร
กู้หมิงหลี่กะพริบตาพริ้ม ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้คิดจะช่วยเธอเท่านั้น แต่ยังฉีกถุงมันฝรั่งทอดพลางเริ่มรับชมการแสดงตรงหน้าไปด้วย
หนวนหน่วน “.…”
เกินไปแล้ว!
กู้อันถกแขนเสื้อขึ้นต้องการจะช่วยน้องสาวของเขา แต่ความกล้าก็หายไปทันทีเมื่อได้สบสายตากับญาติผู้พี่คนโต ทำเอาเขาต้องนั่งลงและมองน้องสาวของตัวเองอย่างล่องลอย
คนที่เขากลัวมากที่สุดคือพี่ใหญ่ของตัวเอง และนอกเหนือจากนั้นก็คงเป็นลูกพี่ลูกน้องคนนี้นี่แหละ เพราะนิสัยคล้ายกับพี่ใหญ่มากเลย!
เพราะไม่รู้จะทำยังไง หนวนหน่วนจึงกุมมือน้อย ๆ ของตัวเองแล้วถูไถมันไปมา
“ห้า… ห้า องุ่นสองเม็ด สตรอว์เบอร์รีหนึ่งเม็ด และส้มสองเม็ดค่ะ”
ไป๋โม่ซูยึดกระเป๋าใบเล็กของเธอไป “วันนี้ไม่ต้องกินแล้ว”
เมื่อหนวนหน่วนเห็นกระเป๋าใบน้อยสุดที่รักลอยห่างออกไปจากตัวก็แทบจะร้องขึ้นมา
“เด็กดี เป็นเพราะว่าพี่ห่วงสุขภาพฟันของเธอหรอกนะรู้ไหม เธอคงไม่อยากให้หนอนไชฟันถูกไหม?”
หนวนหน่วนรีบปิดปากตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาเร็ว ๆ แต่เมื่อคิดว่าเธอจะไม่ได้กินขนมอีกแล้วก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นหนวนหน่วนขอกินขนมทอดได้ไหมคะ?”
ไป๋โม่ซูพยักหน้า “ได้สิ งั้นกินลูกหยีหวานให้หมดก่อน”
หนวนหน่วนรู้สึกมีความสุขขึ้นมา ความกังวลและเจ็บปวดใจที่ว่าตัวเองจะไม่ได้กินขนมอีกแล้วมลายหายไปทันที เด็กหญิงยกไม้เสียบลูกหยีเคลือบน้ำตาลที่เหลือสองชิ้นขึ้นแล้วจัดการกินจนหมด
…
ไป๋โม่ซูยุ่งมากจนไม่ได้กินข้าวเที่ยง หนวนหน่วนที่เป็นห่วงสุขภาพของเขาจึงออกไปข้างนอกกับพี่สี่และพี่กู้อันเพื่อหาซื้อข้าวมาให้เขา
จะไม่กินข้าวไม่ได้!
หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องคนโตกลับมาจากการตรวจคนไข้แล้ว เธอก็เฝ้าดูเขากินมื้อเที่ยง ในขณะที่เฝ้ามอง ปากเล็กก็พูดบ่นไม่หยุด
“ไหนพี่บอกหนูว่าถ้ากินข้าวน้อยและไม่ตรงเวลามันไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ป่วยได้ไง แล้วตัวเอง…”
ไป๋โม่ซูยกมือขึ้นลูบหัวของเธอ ดวงตาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขาทานข้าวด้วยท่วงท่าสง่างาม แถมยังใช้ตะเกียบคีบได้เร็วมากด้วย ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ทานอาหารกลางวันหมด
“หมอไป๋ยังไม่เสร็จเหรอคะ พอดีมีคนไข้มะเร็งกระเพาะอาหารต้องผ่าตัดฉุกเฉินค่ะ อาการเขาดูไม่ค่อยดีเลย หมอรีบไปดูหน่อยนะคะ”
ไป๋โม่ซูที่เพิ่งทานข้าวเสร็จรีบลุกขึ้นทันที “นำทางไปเลย”
ตอนนี้บรรยากาศดูเร่งรีบมาก
หนวนหน่วนวิ่งตามญาติผู้พี่คนโตออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานเธอก็ต้องหยุดชะงักลง
เธอตามมาทำไมกัน รบกวนญาติผู้พี่คนโตไหมนะ?
“ไปเถอะ ไปดูกัน ไม่ต้องเข้าไปใกล้ก็ได้ แค่ยืนดูห่าง ๆ”
หลังจากพูดจบ กู้หมิงหลี่ก็จับมือของหนวนหน่วนขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วพาเธอเดินไปอย่างไม่เร่งรีบ จากนั้นก็ไปหยุดยืนดูอยู่ตรงจุดที่ไม่รบกวนเหล่าแพทย์
รถพยาบาลเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า ไป๋โม่ซูตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้า เป็นเพราะบุคคลนั้นดูคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะไม่เคยเจอกันในชีวิตจริงก็ตาม
เหลียงฉือ
ใบหน้าของเหลียงฉือดูซีดเซียวและเจ็บปวดมาก เม็ดเหงื่อผุดตามใบหน้า แต่เมื่อมองเห็นไป๋โม่ซูเขาก็ยังมีอารมณ์ยิ้มให้อีกฝ่ายอยู่
“บังเอิญสินะ ในที่สุดก็ได้เจอแล้ว”
น้ำเสียงของเขาแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดนั้นทำให้ริมฝีปากของเขาซีดเซียวไร้สีเลือด ราวกับว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจสุขภาพของตัวเองเลย