ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 218 สะดุดขาตัวเองล้ม
บทที่ 218 สะดุดขาตัวเองล้ม
กู้หว่านต้องการแก้ตัว แต่เธอพูดไม่ได้เพราะตอนนี้ทุกคนต่างละความสนใจจากเธอไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอต้องการยืมมือผู้คนมาสร้างความกดดันในที่สาธารณะ เพื่อจะให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอคือแฟนสาวของไป๋โม่ซู หลังจากนั้นจะได้ใช้ข้ออ้างนี้เพื่อเข้าหาเขา ทีนี้ก็เปลี่ยนจากแฟนปลอม ๆ มาเป็นแฟนตัวจริงสักที
ได้ยินว่าตระกูลไป๋เป็นตระกูลนักวิชาการ พ่อของไป๋โม่ซูก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบและค่อนข้างยืนหยัดในความถูกต้องอยู่พอตัว ขอเพียงให้มีโอกาสได้ถ่ายรูปที่เธอได้ใกล้ชิดกับไป๋โม่ซูส่งไปให้พ่อของเขา ยังไงพ่อของไป๋โม่ซูก็ต้องบอกให้เขารับผิดชอบเธออย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ไป๋โม่ซูเกลียดเธอ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เธอแค่อยากจะเป็นคนของเขา กู้หว่านคาดคิดว่าความสัมพันธ์อาจจะดีขึ้นเองในอนาคต
ไม่เคยคิดเลยว่าแผนจะล้มเหลวตั้งแต่ขั้นตอนแรก
กู้หนวนหน่วนนะกู้หนวนหน่วน เด็กนี่คอยขัดขวางเธอตลอด ทำไมต้องมาคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเธอด้วย!
ความโกรธของกู้หว่านเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเมื่อเห็นผู้คนเริ่มชี้นิ้วและให้ความสนใจมาที่ตัวเอง เธอรีบวิ่งออกมาจากโรงพยาบาลแล้วโยนกล่องอาหารที่ทำมาทิ้งลงถังขยะ
และในตอนนี้ ความเกลียดชังที่มีต่อกู้หนวนหน่วนก็เพิ่มทวีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เมื่อเป็นเช่นนั้น กู้หว่านจึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าจะทำการใหญ่
ไป๋โม่ซูอุ้มหนวนหน่วนขึ้นมาก่อนจะบีบจมูกเล็กของเธอ
“ไหวพริบดีมากเลยนะเนี่ย แต่ถ้าพ่อเธอรู้เข้าจะไม่โดนว่าอะไรแน่เหรอ?”
หนวนหน่วนลูบใบหน้าแสนตุ้ยนุ้ยของตัวเองพลางยิ้มเจื่อน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่โรงเรียนพี่กู้อัน หนูกลายเป็นน้องสาวของคุณพ่อไปแล้ว”
ไป๋โม่ซู “…”
น้องสาวเขานี่สุดยอดจริง ๆ
เมื่อมาถึงร้านอาหาร เขาก็เริ่มสั่งอาหารที่เป็นของโปรดของหนวนหน่วน ก่อนจะเอ่ยถามหลินจิ่วว่าเธอชอบกินอะไร
หลินจิ่วที่กำลังอุ้มกรงของเสี่ยวชีมองไปที่เมนูอาหาร
“พี่คะ ยัยคนนิสัยร้ายกาจนั่นมารบกวนพี่บ่อยไหม”
มุมปากของไป๋โม่ซูตกลงเล็กน้อย “พี่ดูเป็นคนบอบบางรังแกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หนวนหน่วนรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่จริงเลย ลูกพี่ลูกน้องของหนวนหน่วนเก่งที่สุด แค่วันนี้พลาดท่าไปนิดหน่อยเอง”
หนวนหน่วนโกรธมากตอนที่พี่ชายของเธอโดนผู้คนโดยรอบรุมประณามและพูดไม่ดีใส่
ยิ่งนึกถึงมันก็ยิ่งโกรธ จนตอนนี้แก้มของเด็กหญิงพองขึ้นราวกับปลาปักเป้าไม่มีผิด ยิ่งดูยิ่งน่ารัก
ไป๋โม่ซูเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หน้าตาของเขานิ่งเฉยราวกับตัวละครที่หลุดออกมาจากการ์ตูนอนิเมะ
“ก็แค่ไม่อยากใช้ความรุนแรงกับคนที่กำลังจะได้รับโทษรุนแรงน่ะ”
หนวนหน่วนจ้องมองเขาด้วยความงุนงง
ไป๋โม่ซูยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาพลางยกมือลูบศีรษะน้อยของเธอ
“เป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ เด็ก ๆ ตั้งใจเรียนแล้วเล่นให้สนุกไปเถอะ”
หนวนหน่วนทำปากถึงบางอ้อค้างไว้อยู่สองวินาที ก่อนจะเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง “หนวนหน่วนตั้งใจเรียนนะคะ”
หลินจิ่วเองก็พยักหน้าเป็นพยานให้ว่าหนวนหน่วนตั้งใจเรียนจริง ๆ และในฐานะเพื่อนที่นั่งข้างกัน หากเธอไม่พยายามตั้งใจเรียนด้วยคงโดนเปรียบเทียบอย่างน่าอายแน่นอน
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น กลุ่มแชตต่าง ๆ ในโรงพยาบาลก็กำลังร้อนแรงจนแทบจะระเบิด
ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ดันมีพยาบาลถ่ายวิดีโอเอาไว้ได้และส่งลงในกลุ่มแชต ทำเอาห้องแชตปั่นป่วนโกลาหลไปหมด
[ให้ตายสิ! ฉันทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ยัยกู้หว่านคนนี้ดูท่าจะป่วยหนัก คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกในหนังรักโรแมนติกอยู่หรือไง? ในสมองคิดอะไรอยู่งั้นเหรอนังชาเขียว*[1] โง่ มาพูดกับทั้งคู่แบบนี้ได้ยังไง!]
[ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้มาก่อนเลยอะ เธอเคยมาที่นี่อยู่สองสามครั้งได้แล้ว หมอไป๋ก็ไม่ได้อยากพบเธอด้วย ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่อีก มาแล้วก็เอาแต่พูดแบบเดิม ที่บ้านขายตัวหรือไง!]
[ผู้ชายคนนี้เป็นสมบัติของโรงพยาบาลเรา การที่บอกว่าเธอเป็นแฟนเขานี่มันดูถูกกันเกินไปนะ]
[สองคนนี้คนละคลาสกันเลย]
[ถึงจะต่างระดับกัน แต่ก็มีหลายคนเข้าใจผิดเพราะการแสดงของเธออยู่เยอะเหมือนกันนะ]
[เราติดป้ายในโรงพยาบาลได้ไหมว่าห้ามผู้หญิงคนนี้กับสุนัขเข้ามาในโรงพยาบาล]
[ติดสแกนนิ้วมือไปเลย หมอไป๋ดีขนาดนี้ แถมคนต่อคิวกันจีบเขาเกือบทั้งโรงพยาบาล แล้วยัยผู้หญิงคนนี้มาจากไหนถึงกล้าจะมาแซงคิว?]
[ไม่ใช่สักหน่อย… พวกเธอโฟกัสแค่เรื่องนี้เหรอ? ไม่มีใครสังเกตเรื่องที่หมอไป๋มีครอบครัวแล้วเลยเหรอ? ฉันรู้สึกเหมือนบ้านจะถล่มเลย]
[ฮืออ อกหักรักคุด (ทั้งที่ยังไม่เคยมีความรัก) ลูกสาวหมอไป๋โตไวจัง!]
[ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่สักหน่อย นี่ยังมีคนไม่รู้อีกเหรอว่าเด็กคนนั้นคือน้องสาวของหมอไป๋?]
[มันนานมากจนอาจจะลืมกันไปแล้ว ฉันจะเตือนความจำให้ละกันนะ ตอนนั้นน้องสาวของหมอไป๋เคยมารักษาที่โรงพยาบาลของเรา หมอไป๋รวมถึงพวกหนุ่ม ๆ นิสัยดีพวกนั้นเป็นพี่ชายเธอหมดเลย จำได้ว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของแชตกลุ่มเลยนะ ยังไม่ลืมกันไปหมดหรอกใช่ไหม?]
[แม่เจ้า! พวกผู้ชายกลุ่มนั้นน่ะเหรอ!]
[พวกที่เป็นลูกรักพระเจ้าไง]
[เป็นพวกคนที่ฉันอยากได้มาครอบครอง]
[ถ้าอย่างนั้น… ทำไมเธอถึงเรียกหมอไป๋ว่าพ่อล่ะ? ก็เป็นพี่ชายไม่ใช่เหรอ?]
[ฮ่าฮ่าฮ่า น้องเขาไหวพริบดีมากเลย ไม่เห็นเหรอว่าคนรอบข้างกำลังว่าร้ายหมอไป๋อยู่? พอพูดว่าหมอไป๋เป็นพ่อขึ้นมาสถานการณ์ก็เปลี่ยนทันทีเลย]
[นี่สินะที่เขาเรียกว่าตบหน้ากลางฝูงประชาชี? ถึงจะผิดศีลไปบ้าง แต่ก็โอเคนะ จบได้สนุกดี]
[น้องสาวหมอไป๋จงเจริญ]
[ผิดศีลตรงไหนกัน? ผู้หญิงคนนั้นต้องการสร้างข่าวลือให้ร้ายหมอไป๋กลางที่สาธารณะไม่ใช่เหรอ? คงไม่คิดว่าจะสะดุดขาตัวเองล้ม หน้าด้าน!]
บางครั้งพวกกลุ่มแฟนคลับก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เมื่อเทพบุตรของพวกเขาถูกใส่ร้าย มันก็ย่อมเป็นธรรมดาที่พวกเธอจะโกรธแค้น ตอนนี้พวกเธอเหมือนภูเขาไฟอันร้อนระอุที่กำลังจะปะทุออกมาอยู่ทุกเมื่อ
หากไม่ใช่ว่าตัวเองเป็นพยาบาลแล้วละก็ พวกเธอคงได้ไปไล่ตามตบกู้หว่านแน่
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไป๋โม่ซูก็เดินกลับโรงพยาบาลพร้อมกับเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่ติดสอยห้อยตามราวกับหาง อันที่จริงแล้ว ตอนแรกเขาอยากให้ทั้งคู่กลับบ้านไปก่อน แต่เธออยากกลับพร้อมกับญาติผู้พี่ของตัวเองมากกว่า
เวลาทำงานไป๋โม่ซูจะยุ่งมาก ในบางครั้งที่ต้องรับเคสผ่าตัด ส่วนใหญ่เขาจึงไม่มีเวลารับประทานอาหาร
ในวันนี้เขามีเคสนัดผ่าตัดตอนบ่าย ชายหนุ่มเลยต้องจัดการให้เสร็จก่อนถึงจะเลิกงานได้
หลังสวมเสื้อกาวน์สีขาว ไป๋โม่ซูก็ย่อตัวนั่งลง ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาของเด็กหญิงทั้งสอง
“อย่าวิ่งซนไปทั่วล่ะ โรงพยาบาลมีคนเยอะมาก แล้วก็อย่าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้านะ ถ้าจะไปไหนก็ให้บอดีการ์ดตามไปด้วย เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา”
หนวนหน่วนเด็กดีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“โอเคค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้นไป๋โม่ซูก็เดินออกจากห้องทำงานไป
ทั้งสองเล่นกับเสี่ยวชีอยู่สักพัก ไม่นานหนวนหน่วนก็ยกมือเท้าคางขึ้นก่อนจะพูดขึ้นมา
“น่าจะเอาตุ๊กตาดินเหนียวมาปั้นต่อแฮะ”
ยังเหลืออีกนิดหนึ่งที่เธอยังทำไม่เสร็จ
รู้สึกได้เลยว่าพุงป่องขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากรับประทานอาหารไป หนวนหน่วนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังขนมชิ้นเล็กที่ทานค้างเอาไว้อย่างนึกเสียดาย ตอนนี้ยัดเข้าไปไม่ได้แล้ว
เนื่องจากว่าต้องการหาอะไรทำเพื่อให้ตัวเองไม่เบื่อ หนวนหน่วนจึงเริ่มเปิดหนังสือที่มีหน้าปกเป็นโครงกระดูกในห้องของญาติผู้พี่คนโต
หลินจิ่วมองไปที่โครงกระดูก รู้สึกกลัวขึ้นมา “นี่คือคนเหรอ?”
หนวนหน่วนพลิกหน้าหนังสือดู บรรทัดบนเขียนบรรยายรายละเอียดของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ หลังจากพิจารณาดูอยู่สักครู่หนึ่งเธอก็พยักหน้า
“ใช่แล้วละ นี่คือคน เป็นโครงร่างกระดูกของพวกเรา”
หลินจิ่ว “กระดูกมนุษย์น่ากลัวจัง แล้วนี่ส่วนไหนเหรอ?”
เธอพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนที่ชี้ไปยังชิ้นกระดูกของมนุษย์ก่อนจะเอ่ยถาม
หนวนหน่วนมองดูในหนังสือ “มันเขียนว่าเป็นซี่โครงน่ะ มนุษย์มีกระดูกซี่โครงอยู่ยี่สิบสี่ชิ้น ทางซ้ายสิบสอง ขวาอีกสิบสองชิ้น…”
“แล้วอันนี้ล่ะ?”
“ขอหาแป๊บหนึ่งนะ อันนี้มันคือก้นกบ…”
หลังจากศึกษาดูโครงกระดูกทั้งหมดแล้ว เด็กหญิงทั้งสองคนก็เปิดหนังสือที่เกี่ยวกับการฝังเข็มบนร่างกายของมนุษย์ จากนั้นก็เริ่มคลำร่างกายของตัวเองเพื่อไล่หาจุดฝังเข็มเทียบกับภาพในหนังสือ
จุดฝังเข็มมีเยอะมาก ทั้งสองหาด้วยกันอยู่พักใหญ่ นอกจากนี้หนวนหน่วนยังค้นเจอว่าจุดฝังเข็มบางจุดนั้นเป็นจุดที่ทำให้กดเจ็บเป็นพิเศษด้วย
แต่เด็กน้อยทั้งสองคนกลัวเจ็บจึงไม่คิดจะลองกดมัน
หนวนหน่วน “จำไว้เลย จะได้เอาไว้ใช้กับคนที่มาแกล้ง”
หลินจิ่วพยักหน้า เธอพยายามอย่างมากที่จะจำมันให้ได้ทั้งหมด ในขณะที่หนวนหน่วนอ่านเพียงแค่ครั้งเดียวก็จำทุกอย่างได้แล้ว นอกจากนี้ฝีมือการเอาชนะคนร้ายในวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอกล้าหาญมากแค่ไหน
ไป๋โม่ซูรับเคสผ่าตัดอยู่ประมาณสองชั่วโมง เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานด้วยความเหนื่อยล้าเขาก็เห็นภาพเด็กทั้งสองที่กำลังเอาหัวชนกันหลับอยู่ เขาจึงหยิบหนังสือที่วางทับอยู่บนตัวของทั้งคู่ออก ทำให้ตอนนี้เด็กน้อยนอนอย่างโล่งสบาย
ดวงตายาวรีของเขาหยีลงเมื่อมองร่างของหนวนหน่วนที่กระทบเข้ากับแสงไฟสีอ่อน แค่ได้จ้องมองน้องสาวนอนกรนเบา ๆ อยู่ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาก็หายไปทันที
[1] ชาเขียว หมายถึงผู้หญิงเสแสร้งเป็นไร้เดียงสา