ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 217 ลูกสาวไป๋โม่ซู
บทที่ 217 ลูกสาวไป๋โม่ซู
การมาถึงของหนวนหน่วนทำให้ทุกคนหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอป่วยแล้วต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล นั่นเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มหล่อมากหน้าหลายบุคลิกมาช่วยกันดูแลเธอ มันเป็นภาพที่น่ารักมาก เพราะหาได้ยากที่คนตระกูลใหญ่จะมาเอ็นดูเด็กหญิงแบบนี้
แต่หากพูดถึงตอนนั้นก็คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก หนวนหน่วนตัวน้อยเองก็ไม่ร้องไห้งอแงเอาแต่ใจเลย กลับตรงกันข้าม เธอทั้งสุภาพและอ่อนโยนมาก เวลายิ้มก็เหมือนกับดอกทานตะวันอันสดใสประหนึ่งว่ารักษาคนที่มัวหมองได้เลย
พยาบาลเองก็ไม่เบื่อที่ได้พูดคุยปรึกษาหารือกับหมอไป๋ เพราะเหมือนพวกเธอได้กลับเข้าไปศึกษาในวิทยาลัยอีกครั้ง ต่างคนต่างตั้งใจฟังอย่างจดจ่อจนถึงขั้นที่ว่ามีกลุ่มแฟนคลับสำหรับเขาโดยเฉพาะ
เทพบุตรสุดหล่อ!
แม้แต่คนไข้ยังไม่อยากจะออกจากโรงพยาบาล อันที่จริงแล้วก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะแสดงออกเหมือนคุณหวัง เพราะพวกเขาก็ยังมียางอายอยู่บ้าง
ตั้งแต่หมอไป๋มาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ ก็มีหมอและพยาบาลแห่กันมาสมัครงานที่โรงพยาบาลไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
ตอนนี้เขาพาลูกพี่ลูกน้องกลับมาที่ห้องทำงาน หนวนหน่วนตัวน้อยกำลังจะทานขนม แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมา แก้มเล็กของเธอก็ถูกนิ้วเรียวบีบเข้า
“อย่ากินเยอะเกินนะ เดี๋ยวฟันผุ”
หนวนหน่วนรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่เธอชอบมันจึงอดไม่ได้ที่จะกิน
หลังจากถูกญาติผู้พี่คนโตจ้องมอง เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างว่าง่ายแล้วเก็บขนมใส่กลับลงไปในกระเป๋าใบเล็กของตัวเอง
“ง… งั้นหนวนหน่วนยังไม่กินตอนนี้ก็ได้ค่ะ”
ไป๋โม่ซูใช้ปลายนิ้วจิ้มปลายจมูกของเด็กหญิงอย่างเบามือ
ถ้าอยู่กับเขาที่นี่ต่อไปคงน่าเบื่อแน่ แต่เจ้าตัวเล็กก็แสนเชื่อฟัง หลบมุมไปนั่งเล่นเกมและอ่านหนังสือกับหลินจิ่วอย่างเงียบ ๆ ไม่วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะพาไปหาอะไรกิน”
แววตาของหนวนหน่วนและหลินจิ่วเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เยี่ยมเลย!”
โดยปกติแล้วพวกหมอต่างรักษาความสะอาดกันมาก ไม่เว้นแม้แต่ไป๋โม่ซู
ทุกครั้งก่อนและหลังพบผู้ป่วยเขาจะต้องล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเสมอ
หลังจากถอดเสื้อกาวน์และหน้ากากอนามัยออกแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาแสนสง่างามราวกับหยกก็เผยสู่สายตาหลินจิ่ว เธอไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไปจึงหันหน้าหลบไปมองทางอื่น
เมื่อหันไปมองหน้าเรียวบางของหนวนหน่วนอีกครั้ง หลินจิ่วก็กอดแขนเพื่อนแน่นขึ้น
ฮืออ ครอบครัวหนวนหน่วนหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย! เธออยากเป็นเพื่อนกับหนวนหน่วนตลอดไปเลย!
ไป๋โม่ซูสวมเสื้อกันลมสีเทาอ่อนก่อนจะจับมือหนวนหน่วนแล้วพากันเดินออกไป
“สวัสดีครับหมอไป๋”
“สวัสดีค่ะหมอไป๋…”
ตลอดทางที่เดินผ่าน ทุกคนต่างเอ่ยทักทายไป๋โม่ซูไม่ว่าจะเป็นพยาบาลหรือหมอด้วยกันเอง
ไป๋โม่ซูพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นการตอบรับ คนทักเขาเยอะมาก แต่เขาไม่ค่อยรู้จักใครเลย
เดินลงมาข้างล่างได้สักครู่ ไป๋โม่ซูก็โดนใครบางคนขวางทางเอาไว้ เขารีบพาหนวนหน่วนและหลินจิ่วหลบไปอีกทางทันที ก่อนจะเห็นว่าชายคนนั้นค่อนข้างเดินเซและดูประคองตัวเองไม่ได้เลย
ถ้าหากไป๋โม่ซูยังคงยืนอยู่ตรงนี้ คนคนนั้นจะต้องล้มใส่ตัวเขาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ คนคนนี้ดูจะเป็นบุคคลผู้คุ้นเคยกับหนวนหน่วนเป็นอย่างดี หลินจิ่วเองก็รู้สึกคุ้นหน้าอยู่นิดหน่อย
และหญิงสาวที่วิ่งเข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้หว่านผู้ ‘ล่องลอย’
หนวนหน่วน ‘โชคไม่ดีเลยแฮะ’
หลังจากที่กู้หว่านตั้งสติและพยายามยืนตรง ๆ แล้ว เธอก็จ้องมองไปยังไป๋โม่ซูด้วยแววตาที่ดูไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำเพียงแค่ปรายสายตาเย็นชามองเธอ ก่อนจะละสายตาไปทางอื่น
เขาไม่อยากมองสักนิด
“พี่โม่ซู หนูเอาอาหารกลางวันมาให้ค่ะ”
ขณะที่พูดเธอก็หยิบข้าวกล่องออกมาด้วยความเขินอาย “พวกนี้หนูทำเองหมดเลยนะคะ พอดีเห็นว่าพี่ทำงานหนัก ข้างในเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้หมดแล้ว ครบถ้วนตามหลักโภชนาการดีต่อสุขภาพของพี่แน่นอน”
ไป๋โม่ซูจ้องมองเธอเข้าอย่างจัง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกคนพร้อมจะลนลาน
“ไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาอีก”
กู้หว่านรีบแย้ง “ทำไมไม่ต้องล่ะคะ”
เด็กสาวพยายามหลอกตัวเองอยู่ ตอนนี้สายตาของกู้หว่านมีเพียงแค่ไป๋โม่ซูเท่านั้น เธอไม่ได้มองหนวนหน่วนตัวน้อยเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ว่ายังไงพี่ก็ละเลยสุขภาพตัวเองไม่ได้นะ พวกนี้หนูตั้งใจทำมานานมาก ลองกินดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายนะคะ”
น้ำเสียงและท่าทางของเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เธอประจบสอพลอเก่ง พอมาถึงที่นี่ก็ทำหน้าทำตาน่ารักน่าเอ็นดูเพื่อให้คนอื่นมองว่าตัวเองน่าทะนุถนอม นอกจากนี้ยังจงใจอยากจะสร้างข่าวลือให้ผู้คนเข้าใจผิดอีกด้วย
ไม่ได้การ ตอนนี้คนรอบตัวเริ่มให้ความสนใจทางนี้แล้ว
“ดูเผิน ๆ ก็ดูหล่อดีหรอก แต่ทำไมใจร้ายกับแฟนจัง?”
“หล่อแล้วยังไง นิสัยแย่จะตาย”
“เฮ้อ… ทำไมเขาถึงดูไม่พอใจนักล่ะ แฟนอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารมาให้เชียวนะนั่น”
“พ่อหนุ่มนี่ ไม่ไหวเลย…”
หนวนหน่วนรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อน พี่ชายของเธอไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย กู้หว่านนี่นางร้ายชัด ๆ!
ด้วยความหมดสิ้นหนทาง แต่อยู่ ๆ เธอก็นึกแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ เด็กหญิงพูดจาเสียงดังด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทันที
“คุณพ่อ~”
ทุกคนที่วิพากษ์วิจารณ์ไป๋โม่ซู เมื่อได้ยินเด็กหญิงเอ่ยเรียกเขาว่าพ่อก็เงียบลงทันที
หนวนหน่วน ‘เรานี่ก็ฉลาดมากเลยนะเนี่ย!’
เธอยื่นมือของตัวเองไปจับไป๋โม่ซูไว้ แววตาเต็มไปด้วยประกายความเจ้าเล่ห์
“คุณพ่อ นี่คือใครเหรอคะ? ทำไมถึงมาคอยตามพ่อแบบนี้ล่ะ แม่หนูรู้หรือเปล่า?”
คนตัวเล็กทำท่าทางไร้เดียงสา
ไป๋โม่ซูเกือบกลั้นขำไว้แทบไม่อยู่ มุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะให้ความร่วมมือกับเธอในการเล่นละคนครั้งนี้
“คนดี หนูไม่รู้จักเขาหรอก เพราะว่าพ่อก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”
หลินจิ่ว ‘เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!’
ตอนนี้หลินจิ่วตกใจไปหมด
ทุกคนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่ พอได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนสายตาหันไปมองกู้หว่านทันที
ตอนนี้กู้หว่านเห็นหนวนหน่วนแล้ว และเธอก็รู้สึกโกรธมาก
“กู้หนวนหน่วนนี่เธอพูดอะไรน่ะ! เขาไม่ใช่พ่อเธอสักหน่อย เขาเป็นพี่ชายเธอนะ!”
หนวนหน่วนรีบหลบไปซ่อนข้างหลังไป๋โม่ซูทันที เด็กหญิงกอดขายาว ๆ ของพี่ชายเอาไว้แล้วชะโงกหน้าออกมามองกู้หว่านด้วยนัยน์ตาสีดำสุดประหม่าราวกับว่าเธอกำลังหวาดกลัว
สีหน้าของไป๋โม่ซูเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “คุณกู้หว่านครับ ผมกับคุณเราไม่ได้สนิทกัน ผมมีเงิน ออกไปกินข้าวข้างนอกได้ คุณไม่ต้องลำบากมาส่งข้าวให้ผมหรอกครับ แล้วก็ขอความกรุณาอย่ามารบกวนผมในที่ทำงานแบบนี้อีก อีกอย่าง หยุดพูดจาเพ้อเจ้ออะไรให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะยื่นฟ้องคุณข้อหาคุกคามทางเพศนะครับ”
กู้หว่านยืนน้ำตาคลอ ไป๋โม่ซูยื่นคำขาดเสร็จก็พาหนวนหน่วนและหลินจิ่วเดินออกมา
เด็กสาวคิดในใจ ‘ยัยเด็กผู้หญิงที่โดนกู้หนานเอาอกเอาใจนั่น อยากกำจัดไปให้พ้นหน้าจริง ๆ’
“กลายเป็นแม่ตุ๊กตาสาวนั่นซะได้ ไร้ยางอายจริง ๆ เลย เขามีลูกมีเมียแล้วยังอยากจะทำลายครอบครัวเขาอีก”
“เรียนสูงเรียนดีไม่ทำให้เป็นผู้เป็นคนบ้างเลยหรือไง? ทำไมถึงอยากจะมาเป็นเมียน้อยคนอื่นเขา”
“แล้วยังมาดุลูกสาวต่อหน้าพ่อเขาอีกนะ ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นเมียน้อยที่ดีเลย ขนาดพวกเมียน้อยในละครมันยังเสแสร้งได้เก่งกว่าเลยนะ”
“หนูเอ๊ย เธอยังเด็กอยู่เลย อย่าไปทำแบบนั้นเข้าล่ะ มันผิดศีล จะไปทำลายครอบครัวของคนอื่นเพราะอยากได้สามีของเขาแบบนั้นมันไม่ได้หรอกนะ”
“ลูกสาวของฉันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ แย่จริง ๆ เลย”
“ไปกันเถอะ รีบกลับไปสอนลูกที่บ้านดีกว่า ถึงเราจะจนก็ไม่เป็นไร แค่ให้รู้จักผิดชอบก็พอ”