ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 216 น้องสาวของหมอไป๋
บทที่ 216 น้องสาวของหมอไป๋
ในฐานะแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ที่เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า จริง ๆ แล้วไป๋โม่ซูยุ่งมาก คนใหญ่คนโตพวกมีเส้นสายต่างจองคิวนัดรักษากับเขากันทั้งนั้น ทุกคนต่างยอมจ่ายด้วยเงินจำนวนมหาศาลเพื่อจะได้เข้ารับการผ่าตัดกับเขา
คนที่ไป๋โม่ซูยอมรักษาให้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเขาเป็นหลัก ถ้าไม่ถึงขั้นร้ายแรงเขาจะส่งต่อไปให้คนอื่น แต่หากเป็นเคสที่ร้ายแรงเขาก็จะรับไว้ ถ้าทุกคนแห่กันมาหาแล้วรับไว้ทุกเคส เขาจะเอาเวลาไหนไปพักผ่อนกันล่ะ
หนวนหน่วนไม่อยากรบกวนลูกพี่ลูกน้องคนโตมากเกินไป เธอจึงหาที่นั่งหลบมุมอยู่ในห้องทำงานของเขาแล้วนั่งทานขนมเหมือนหนูแฮมสเตอร์
ในขณะที่ทานไปมืออีกข้างก็ลูบท้องของเสี่ยวชีไปพลาง
เจ้าเสี่ยวชีนอนอยู่บนตักของหนวนหน่วน เด็กหญิงเลยสามารถใช้นิ้วเรียวบางลูบไล้ตรงหน้าท้องของมันได้
“คือว่า หมอไป๋ครับ ผมขอ… ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหนียมอาย เขามองหน้าไป๋โม่ซูก่อนจะหลบสายตาเล็กน้อย
เด็กน้อยขนมเต็มปากที่กำลังนั่งกอดเสี่ยวชีกวาดนัยน์ตาสีดำขลับไปหยุดที่ชายคนนั้น
ด้วยความที่ชายผู้นี้สนใจแต่ไป๋โม่ซู เขาจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีเด็กหญิงอยู่ด้วย
สายตาเย็นชาของไป๋โม่ซูชำเลืองมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลังจากนั้นชายผู้นั้นก็ดึงใบหน้าโศกเศร้าขึ้นมาทันที “หมอไป๋ครับ ครั้งหน้า… คุณหมอเลิกไปขึ้นวอร์ดภรรยาของผมได้ไหมครับ แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าผมไม่ได้ชอบคุณหมอน่ะ ค…คือว่า ภรรยาของผมหน้าแดงมากเลยครับ”
ไป๋โม่ซู “…แล้วยังไง?”
เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ?
ชายคนนั้นกำลังร้องไห้เพราะสายตาอันแสนเย็นชาของไป๋โม่ซู “ผมเองก็รู้ว่าคุณหมอเป็นหมอที่เก่งมาก แต่ภรรยาของผมดูเหมือนจะคลั่งไคล้คุณมากเลย เธออยากจะนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ยอมกลับด้วย พอไม่กลับก็ต้องลำบากผมคอยวิ่งเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล นี่ก็เข้าวันที่สามแล้ว”
“เธอบอกว่าชอบมองหน้าคุณ แถมยังให้พาแม่กับน้องสาวมาที่โรงพยาบาลทุกวัน นี่ก็ผ่าตัดเสร็จไปหนึ่งเดือนได้แล้ว คุณหมอก็บอกว่าเธอหายดีแล้ว แต่เธอยังอยู่โรงพยาบาลทุกวัน เทียบกับตอนไปอยู่ที่บ้านแม่สามีแล้ว นี่ถือว่านานกว่าอีก เหมือนกับที่นี่เป็นบ้านหลังที่สอง…”
ขณะที่พูดไปเรื่อย เขาก็จ้องมองหน้าไป๋โม่ซูด้วยความขุ่นเคือง
ไป๋โม่ซู “…ผมเองก็เกลี้ยกล่อมเธอหลายครั้งแล้วครับ”
แต่เธอไม่ยอมฟังเลย ถ้าจะให้พูดตามตรง อันที่จริงแล้วหัวหน้าพยาบาลอยากจะเอาภรรยาของนายออกจากโรงพยาบาลแทบตายอยู่แล้ว
รายชื่อผู้ป่วยบนวอร์ดก็เยอะมาก เป็นไปได้ด้วยหรือที่เธอจะไม่โดนไล่ออกไป?
ชายคนนั้นหงุดหงิดขึ้นมาทันที หลังจากนิ่งเงียบไปสองวิเขาก็แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา “ไม่ได้แล้ว ยังไงผมก็ต้องพาเธอกลับให้ได้”
หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานของไป๋โม่ซูด้วยท่าทางแน่วแน่
หลังจากนั้นไม่นาน ข้างนอกก็ตกอยู่ในความโกลาหลยกใหญ่ หนวนหน่วนและหลินจิ่วต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัยก่อนจะวิ่งไปที่หน้าประตูด้วยขาสั้น ๆ พร้อมกันแล้วชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอก
“ไม่เอา ฉันไม่อยากกลับ ฉันยังไม่หายป่วยเลยนะ!”
ตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องโอดครวญอย่างน่าสงสาร เธอสวมชุดลายทางสีน้ำเงิน-ขาว เท้าทั้งสองเปลือยเปล่า กำลังถูกชายคนที่เพิ่งเข้ามาหาไป๋โม่ซูเมื่อสักครู่แบกหามอยู่
แต่เมื่อเดินไปเกือบจะพ้นหน้าประตู พี่สาวคนนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างคว้าจับขอบประตูไม่ยอมปล่อย เธอดูแข็งแรงมาก แต่ก็ยังยืนกรานว่าตัวเองยังไม่หายดี
หญิงสาวเสียงดังมาก ในไม่ช้าก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนบนวอร์ด เธอโดนพูดซุบซิบนินทากันยกใหญ่
“ป่วยยังไม่หายงั้นเหรอ! ผ่าตัดไปตั้งหลายเดือนแล้ว เอาสายน้ำเกลืออะไรออกก็หลายวันแล้ว ถ้ายังรู้สึกไม่ดีก็กลับไปนอนพักที่บ้าน จะมาอยู่โรงพยาบาลเหมือนบ้านอีกหลังไม่ได้!”
หญิงสาวกรีดร้อง “ไม่นะ ฉันไม่อยากออก ฉันยังเจอไม่สมใจเลย”
ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นหม่นหมองลงทันที เขารู้ดีว่าภรรยาของตัวเองเป็นพวกคลั่งไคล้ไอดอลมากขนาดไหน การได้มองหน้าไอดอลในดวงใจถือเป็นสิ่งที่เลอค่าสำหรับเธอมาก ถึงขั้นที่ว่าหากรูปของไอดอลตกน้ำ เธอจะยอมกระโดดลงไปเพื่อคว้ามันขึ้นมาอย่างแน่นอน!
และในตอนที่ได้มารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วได้พบกับหมอไป๋โม่ซู เธอจึงลบรูปไอดอลพวกนั้นไปเสียหมดสิ้น อ๋อใช่ แต่ยังคงเหลือคนโปรดอยู่นั่นก็คือกู้หมิงอวี๋
ที่นี่คือโรงพยาบาล เธอสามารถเจอกับเขาได้ในชีวิตจริง แน่นอนว่าเธอจึงเต็มใจที่จะไปกลับโรงพยาบาลอย่างเต็มที่
พวกพยาบาลที่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นรีบเข้าไปพูดเกลี้ยกล่อม
“คุณหวังคะ แผลของคุณหายดีแล้ว และหลังจากนี้ก็ไม่ต้องนัดติดตามผลอะไรแล้วค่ะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนอนโรงพยาบาลเลยนะ”
“ใช่แล้ว หมอไป๋เองก็จ่ายยาดี ๆ ให้แล้ว ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องนอนที่โรงพยาบาลแล้วนะคะ ตอนนี้หายเป็นปกติดีแล้ว”
“คุณหวังดูสิคะ สามีคุณมารับกลับบ้านแล้ว รีบกลับไปเถอะค่ะ ไม่งั้นทุกคนในครอบครัวต้องเป็นห่วงกันแน่เลย”
หญิงสาวเหล่านี้แทบทนไม่ไหวที่จะจับเธอโยนออกไป นี่มันเป็นการนอนโรงพยาบาลที่ยาวนานมาก พวกเธอไม่เคยพบเจอคนแบบนี้มาก่อน เพื่อที่จะได้เจอหน้าหมอไป๋ทุกวันกลับแกล้งทำตัวป่วย หรือว่าจะไม่ได้ป่วยทางกายแต่สมองมีปัญหากันนะ
ทั้งที่หมอไป๋ไม่เคยชายตามองเธอด้วยซ้ำ!
“ไม่เอา ฉันไม่ไป ฉันยังป่วยอยู่!”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาแทบขาดใจ
ในขณะเดียวกันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไป๋โม่ซูเดินเข้ามาพอดี
หนวนหน่วนและหลินจิ่วเองก็เดินตามหลังเขาราวกับเป็นหางติดตัว เด็กหญิงทั้งสองเบิกตามองรอบข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทันทีที่ไป๋โม่ซูก้าวมาถึงวอร์ด จากที่เคยโกลาหลก็เงียบลงทันที ทั้งคนไข้ ญาติ รวมถึงพยาบาลต่างจ้องมองมาที่เขากันหมด
ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกร้อนหนาวแต่อย่างใด เขาสวมชุดสีขาวทั้งตัวราวกับเป็นนกกระเรียน สายตาที่ใช้มองหญิงคนนั้นเย็นชาดั่งหิมะ
“คุณควรกลับได้แล้ว”
หญิงสาวคนนั้นรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย “ฉ… ฉัน….”
ไม่เพียงแต่ท่าทางของไป๋โม่ซูที่ให้ความรู้สึกสุขุมเท่านั้น น้ำเสียงของเขาเองก็เยือกเย็นสงบนิ่ง แต่มันก็ให้ความรู้สึกเรียบง่ายฟังสบายหูมาก
เขาไม่ได้ตำหนิ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้พูดปลอบโยนแต่อย่างใด น้ำเสียงของเขาเอ่ยออกมาอย่างเรียบ ๆ ราวกับกำลังอธิบายสิ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไร
“จำนวนเตียงของที่นี่จำกัด ยังมีหลายคนที่ต้องมาหาหมอ”
หญิงสาวคนนั้นรับบทเป็นนักเรียนชั้นประถมที่กำลังโดนอาจารย์สั่งสอนไม่มีผิด เธอไม่สามารถขัดขืนได้อีกต่อไป เพียงแค่ทิ้งตัวอยู่ในอ้อมแขนของสามี
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณหมอไป๋มากเลยนะคะ”
เธอเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ตอนนี้รู้แล้วว่าทำยังไงเธอก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่อีกต่อไปได้อย่างแน่นอน เธอจึงทำได้แค่เฝ้ามองแผ่นหลังของร่างที่งดงามราวกับหยกที่กำลังหันกลับและเดินจากไป
ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่เฝ้ามอง แต่รวมถึงหญิงสาวคนอื่นในวอร์ดนี้ด้วย
“เขาหล่อจริง ๆ”
มีคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้น “อืม น่าเสียดายที่หมอไป๋เว้นระยะห่างอยู่พอสมควรเลย ขนาดเสี่ยวอันที่ว่าสวยกับพวกหมอสาว ๆ ในโรงพยาบาลวิ่งตามจีบขนาดนั้น เขายังไม่ชอบพวกเธอเลย เขาคงวางสเป็กเอาไว้สูงเลยไม่มีใครเข้าตา”
“แต่หลังจากที่หมอไป๋มาทำงาน เสี่ยวอันก็ไปตามจีบเขาอยู่ถึงสองสามวันเลยนะ แต่หมอไป๋ไม่แม้แต่จะเหลียวมองเธอด้วยซ้ำ เฮ้อ หรือว่าหมอไป๋จะเป็นคนเย็นชาจริง ๆ เพราะนอกจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์กับหมอผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ฉันก็ยังไม่เห็นเขาเคยคบผู้หญิงคนไหนเลย”
“เขาคือเทพบุตรผู้เย็นชาที่ถวายชีวิตให้กับการเรียนเท่านั้น ได้ยินว่าเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ขนาดผู้อำนวยการของเรายังสุภาพกับเขาเลย แล้วไหนจะบริษัทที่บ้านของเขาที่ใหญ่ติดอันดับประเทศอีก คนอะไรน่ากลัวจริง ๆ”
“หน้าตาและนิสัยแบบนี้ อย่าว่าแต่เสี่ยวอันเลย ใครบ้างจะไม่ชอบ ขอแค่เขาปรายตามองมาที่ฉันสักครั้งเท่านั้นก็พอ ชีวิตนี้คงคุ้มค่าแล้วล่ะ”
“เฮ้อ… ตอนนี้ก็มีพยาบาลจากวอร์ดอื่นอยากเข้ามาทำงานบนวอร์ดนี้เยอะแยะเลย แค่จะได้เจอกับหมอไป๋ให้มากขึ้นเท่านั้น”
ในขณะที่พูดกันไปเรื่อยก็มีคนทันสังเกตเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่เดินตามติดไป๋โม่ซูออกมาจากห้องทำงาน และแล้วก็เกิดเป็นประเด็นคำถามขึ้นมาจนได้
“เด็กสองคนนั้นใครกัน? ดูไม่เหมือนคนไข้ของหมอไป๋เลยนะ”
“ฉันรู้ ฉันรู้ ถามฉันได้!”
พยาบาลสาวคนที่พาหนวนหน่วนไปหาไป๋โม่ซูรู้สึกตื่นเต้นมากที่ทุกคนให้ความสนใจเธอ
“เด็กที่ตัวเล็กแล้วก็สวยกว่าคือน้องสาวของหมอไป๋!”
หลังจากพูดจบก็กลายเป็นเรื่องร้อนแรงขึ้นมาทันที
“น้องสาวหมอไป๋!”
“ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงหน้าตาดีขนาดนี้ ยีนพวกเขามันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อ๋อ… จำได้แล้ว เด็กหญิงคนนั้นที่เคยมารักษาที่โรงพยาบาลของเราไง คนมาใหม่อาจจะจำไม่ได้ แต่พวกที่เคยอยู่ต้องรู้แน่นอน ที่มีพี่ชายเจ็ดคนรุมล้อมคอยดูแลน่ะ แล้วทุกก็ไม่ได้น้อยหน้าหมอไป๋เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาหรือนิสัยใจคอ! อ๋อ แต่มีพี่ชายคนเล็กอยู่อีกคนหนึ่ง เห็นว่ายังเรียนอยู่”
“เจ็ดคน!!!”
“นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย ทำไมดีจัง?!”
“ไม่ใช่แค่นั้น ตอนนั้นมีคนเห็นพี่ชายทั้งเจ็ดคนดูแลเธออย่างใกล้ชิดมาก เฮ้อ… บอกเลยว่าใครเห็นก็ต้องอิจฉา”