ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 214 หนวนหน่วนขับรถคันเล็ก
บทที่ 214 หนวนหน่วนขับรถคันเล็ก
“ตุ๊กตาดินเหนียวตัวน้อยนี้ทำให้เป็นของขวัญวันเกิดให้พี่กู้อันน่ะ ฉันอยากเซอร์ไพรส์เขา อย่าเพิ่งไปบอกเขานะ”
หนวนหน่วนกระซิบกับหลินจิ่วราวกับว่ากลัวกู้อันจะได้ยิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ตาม
หลินจิ่วเองก็ขยับใบหน้าเข้ามาอย่างให้ความร่วมมือ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระแวดระวัง
“วางใจเถอะ ฉันไม่บอกเขาหรอก!”
ศีรษะของคนตัวเล็กทั้งสองแทบจะชนกัน คนหนึ่งกำลังนั่งปั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกคนก็เฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง
เมื่อมองแล้วหลินจิ่วเองก็รู้สึกอยากทำเช่นกัน
“หนวนหน่วนยังมีดินเหนียวอยู่อีกไหม? ฉันอยากเล่นด้วยน่ะ”
“มีสิ ยังมีอีกเยอะเลย”
พี่รองเป็นคนซื้อมาให้เธอ
หลังจากที่มีคนปั้นดินเหนียวเพียงคนเดียว ตอนนี้กลับกลายเป็นสองแล้ว คนหนึ่งกำลังปั้นตุ๊กตา แต่ของอีกคนนั้นไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่าเธอปั้นตัวอะไรกันแน่
หลินจิ่วจ้องมองตุ๊กตาตัวเล็กของหนวนหน่วนอย่างตั้งใจ เจ้าตัวทำออกมาได้อย่างสวยงามและว่องไวมาก ใบหน้าของมันก็ดูดี ส่วนของเธอนั้น…
วันนี้เธอจะต้องปั้นกระต่ายออกมาให้ได้เลย
หลินจิ่วแอบแข่งปั้นดินเหนียวกับคนข้างกาย
หนวนหน่วนใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเสื้อผ้าหน้าผมของตุ๊กตาดินเหนียวก็เสร็จสมบูรณ์ เมื่อหันมองทางหลินจิ่ว ปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า… เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของสิ่งนั้นคืออะไร
หนวนหน่วนโน้มตัวเข้าไปหาเธออย่างลำบากใจพลางมองดูก้อนดินเหนียวเล็ก ๆ สองก้อนที่จะกลมก็ไม่ใช่ จะเหลี่ยมก็ไม่เชิง จากนั้นก็พูดขึ้นมา
“แมวนี่นา!”
หลินจิ่ว “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันกำลังปั้นกระต่าย”
เธอล้มเหลวหลายครั้ง แต่ก็ยังมองไม่เห็นหนทางของความสำเร็จเลย
“ไม่ทำละ พวกเราพาเสี่ยวอีกับพรรคพวกไปเดินเล่นกันเถอะ”
หนวนหน่วนลุกขึ้นยืนแล้วยืดเหยียดแขนขาบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะพูดอธิบายให้หลินจิ่วฟังอย่างจริงจัง
“การลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายนี่ดีต่อร่างกายนะ ทำให้อายุยืนเป็นร้อยปีเลยละ”
บอดีการ์ดที่แอบหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อคอยปกป้องหนวนหน่วน “…”
น่าทึ่งจริง ๆ เธออายุแค่ไม่กี่ขวบแต่กลับห่วงสุขภาพและอายุขัยของร่างกายเสียแล้ว
หลินจิ่วผู้ถูกชักนำเริ่มทำตาม เธอลุกขึ้นแล้วยืดเหยียดท่าทางแบบหนวนหน่วน ทั้งเอียงคอและเตะสะบัดขาไปมา รวมถึงบิดสะโพกแล้วแกว่งแขนไปมาด้วย
เจ้าพวกก้อนขนมองดูเจ้านายของตัวเองด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนจะร้องจิ๊บ ๆ แล้วดิ้นส่ายก้นไปมาพลางกระพือปีกตามไปด้วย
เป็นเพราะสิ่งแรกที่พวกมันเห็นหลังจากลืมตาตื่นก็คือหนวนหน่วน ในบางครั้งพวกมันก็แอบเคลื่อนไหวเลียนท่าทางตามเธออยู่บ่อยครั้งด้วย พวกมันจะกระพือปีกและส่ายก้นไปมาเพราะมันง่ายต่อการทำตาม
“โอเค พวกเราไปกันเถอะ”
หนวนหน่วนอุ้มเสี่ยวชีขึ้นมา จากนั้นก็รวบหางของมันแล้วพาเดินออกมาข้างนอก
เมื่อออกมาแล้วเธอก็หยุดเดิน เด็กหญิงวางเสี่ยวชีที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองลงอย่างระมัดระวัง
“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหนวนหน่วนจะไปขับรถมา”
หลินจิ่วตกใจอีกครั้ง “หนวนหน่วนมีรถด้วยเหรอ!”
ในความคิดของเธอคือต้องเป็นผู้ใหญ่ก่อนถึงจะขับรถได้ นอกจากนี้คุณพ่อเองก็บอกว่ามันต้องสอบใบขับขี่ด้วย
หนวนหน่วนส่ายหัวไปมา “เป็นรถของเล่นที่พี่รองซื้อให้ เขาฝึกให้ฉันขับรถน่ะ”
ทั้งเธอและพี่กู้อันต่างมีรถเสมือนจริงที่พี่รองส่งมาให้ลองฝึกขับ เพียงแต่ว่าของเธอมันเป็นรถสีชมพู ส่วนของพี่กู้อันเป็นสีดำ
เธอสามารถเรียนรู้การขับรถได้ภายในหนึ่งวันเท่านั้น และการจะพาเจ้าตัวน้อยพวกนี้ไปรอบฟาร์มด้วยการนั่งรถมันก็รวดเร็วกว่าการเดินมาก
และแล้วหลินจิ่วก็เห็นรถจำลองเสมือนจริงสีขาว-ชมพูที่หนวนหน่วนกำลังขับอยู่ เหมาะสำหรับเด็กจริง ๆ ด้วย!
หนวนหน่วนตบรถคันน้อยของตัวเอง “ดูรถฉันสิ”
น่ารักมากเลยละ!
หลินจิ่ว “ว้าว!”
เธอเดินวนไปมาโดยรอบอย่างพิจารณา “สวยมากเลย!”
หนวนหน่วนพยักหน้า “อื้ม น่ารักด้วย”
หลังจากลงมาจากรถ เธอก็อุ้มเสี่ยวอีและพรรคพวกวางลงบนเบาะหลัง ทุกตัวต่างเชื่อฟังดีมาก ยอมนั่งนิ่งไม่ขยับเลยสักตัว จัดการพวกเด็ก ๆ เสร็จ เด็กหญิงก็วางเสี่ยวชีพร้อมกับกรงของมันลงบนที่นั่ง
ส่วนต้าหวงเธอไม่สามารถยัดมันเข้าไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็วิ่งเร็วได้มากกว่ารถอยู่แล้ว
“หลินจิ่วมานี่สิ”
หนวนหน่วนขึ้นไปนั่งบนรถแล้วตบลงบนเบาะข้างที่นั่งคนขับ
หลินจิ่วก้าวเดินไปด้วยแววตาสดใส ก่อนจะโดนหนวนหน่วนเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทางจริงจัง
หลังจากนั้นหนวนหน่วนก็ขับรถไปด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ
เนื่องด้วยเรื่องของความปลอดภัยดังนั้นรถจำลองเสมือนจริงจึงถูกออกแบบมาให้ขับได้ไม่เร็วมากนัก จนต้าหวงสามารถวิ่งได้เร็วกว่ารถของหนวนหน่วนเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นรถนี่ก็ยังไปได้เร็วกว่าขาสั้น ๆ ของเธอ
นอกจากนี้ฟาร์มยังเต็มไปด้วยทุ่งแสนกว้างใหญ่ ขับรถไปอย่างไรก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
“ยอดไปเลย หนวนหน่วนเธอต้องสอนฉันขับบ้างนะ” หลินจิ่วเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ได้เลย”
ระหว่างขับรถหนวนหน่วนก็อธิบายวิธีบังคับทิศทาง การเหยียบเบรก รวมถึงการเร่งและชะลอความเร็วด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่รถจำลอง แต่ก็ไม่ได้ขับง่ายขนาดนั้น
ระหว่างทางเมื่อพบเห็นพวกพนักงานเธอก็จะบีบแตร แล้วพวกคนเหล่านั้นก็จะเอ่ยทักทายหนวนหน่วนเมื่อเห็นเธอ
“สวัสดีครับคุณหนู”
หนวนหน่วนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ น้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟังสุด ๆ
“ทำงานหนักกันมากเลยนะคะ”
มันตลกตรงที่ว่าเธอทำเหมือนตัวเองกำลังตรวจตราที่ดินของตัวเองอย่างนั้นแหละ
รถคันน้อยนี้ทุกคนต่างเคยเห็นหนวนหน่วนขับกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี โดยเฉพาะตอนที่เห็นเด็กหญิงร่างบางตัวเล็กขับรถด้วยสีหน้าอย่างจริงจัง เวลาผมปรกลงบนใบหน้าของหนวนหน่วน เธอก็ยิ่งดูน่ารักขึ้นเป็นกอง
เมื่อมาถึงทุ่งหญ้าหนวนหน่วนก็จอดรถ เมื่อประตูเปิดออก เสี่ยวอีและพวกพ้องก็เดินลงจากรถโดยอัตโนมัติ พวกมันร้องจิ๊บ ๆ แล้วเดินไปทั่วทุ่งหญ้าเพื่อหาแมลงตัวเล็กกิน
ม้าสีขาวสองตัวรวมถึงลูกวัวกำลังหากินหญ้าอยู่แถวนั้นพอดี พอพวกมันเห็นหนวนหน่วนก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
สัตว์ทั้งหมดในฟาร์มมารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว
ขณะที่หนวนหน่วนเดินเล่นไปพร้อมกับหลินจิ่ว พวกเหล่าก้อนขนตัวน้อยก็วิ่งเล่นพลางหาอะไรบนพื้นหญ้าไป
หลินจิ่วเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “หนวนหน่วนหาอะไรเหรอ?”
หนวนหน่วน “ฉันกำลังหาดูว่ามีตั๊กแตนให้เสี่ยวชีกับตัวอื่น ๆ หรือเปล่าน่ะ”
น่าเสียดายที่ไม่มีตั๊กแตนเลยสักตัว เธอเลยยอมแพ้ในการตามหามัน
หนวนหน่วนจับมือข้างหนึ่งแล้วพาหลินจิ่วเดินไปดูที่ดินทำสวนของเธอพร้อมพวกเจ้าก้อนขน
ดินร่วนถูกโปรยยาวเรียงกันเป็นแถวเพื่อใช้สำหรับปลูกผัก ต้นกล้าสีเขียวต้นเล็กกำลังงอกเติบโตโผล่พ้นดินขึ้นมา พวกมันเป็นสีเขียวน่ารัก ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก
ที่สวนผลไม้แห่งนี้ได้ทำการปลูกผลไม้นานาชนิด แต่เนื่องจากว่าเพิ่งลงเพาะปลูกในปีนี้ มันจึงยังไม่ออกดอกผลิผลจนกว่าจะเข้าสู่ปีหน้า
หนวนหน่วนเองก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้ ปีหน้าต้องเป็นปีที่ดีแน่ ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ปีถัดไปก็คงมาถึงในไม่ช้าอย่างแน่นอน
“ป่าตรงนั้นมีกระต่ายอยู่ด้วยนะ แล้วก็ตรงนั้นเป็นป่าไผ่ พี่ ๆ บอกว่ามีหนูไม้ไผ่อยู่ตรงนั้นด้วยละ อีกไม่นานก็คงเข้าไปเก็บเห็ดได้แล้ว ไว้ถ้ามันโตเธอไปเป็นเพื่อนฉันเก็บมันหน่อยนะ”
“ได้สิ เธออย่าลืมชวนฉันละกัน”
เด็กหญิงตัวน้อยจับมือพากันเดินไปในป่า โดยที่ข้างหลังของพวกเธอมีกลุ่มสัตว์ตัวน้อยตามกันมาเป็นขบวน รวมถึงบอดีการ์ดอีกสองคนที่แอบตามอยู่เงียบ ๆ
พวกเขากลัวว่าเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้จะหลงป่าเข้าน่ะสิ
เด็ก ๆ คงไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าอันตรายมันคืออะไร…
หนวนหน่วน “เราไปเก็บรังผึ้งกันดีไหม? ครั้งก่อนที่เก็บไปหวานมากเลย”
บอดีการ์ด “…”
คุณหนูทั้งสองคนเจริญรอยตามกู้อันเสียแล้ว
กู้อันมีนิสัยดื้อรั้นและซนมาก ทุกครั้งที่มาที่นี่เขาจะชอบวิ่งเข้าป่าไปหารังนกหรือไม่ก็รังผึ้ง พวกเขาเฝ้าติดตามดูอยู่ไม่ห่างเลยรู้ว่ากู้อันรับรู้ว่าตนทำผิดแต่ก็กล้าทำอีก
แม้แต่คุณหนูหนวนหน่วนเองก็ยังจะทำตาม
เรื่องเก็บรังผึ้งนั้น… เหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้
หนวนหน่วนรู้สึกยอมแพ้ และในไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็พาหลินจิ่วจูงมือกันเดินเล่นในป่าพลางสำรวจหาว่ามีของกินเล่นอะไรหรือไม่
แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่วงแห่งการผลิดอกออกผลใหม่ ดังนั้นจึงมีดอกที่ผลิผลออกมาให้ได้เด็ดกินไม่มากนัก
หนวนหน่วนไม่ได้หมกมุ่นหารังผึ้ง เพียงแต่เล่นกับสัตว์ตัวน้อยและผองเพื่อนไปอย่างมีความสุข
เมื่อเดินเล่นเสร็จแล้ว เธอก็ขับรถพาหลินจิ่วกลับไปนั่งเรียนอ่านหนังสือด้วยกัน
หลินจิ่วที่ตอนแรกคิดว่าจะได้เล่นทั้งวัน “…”
วันหยุดสุดสัปดาห์แท้ ๆ ทำไมยังต้องเรียนอีก!
ช่างเถอะ เรียนก็ได้