ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 211 คิดชื่อตอนไม่ออกแล้ว
บทที่ 211 คิดชื่อตอนไม่ออกแล้ว
หลินจิ่วได้ยินหนวนหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ทันใดนั้นความกลัวก็หายวับไปทันตา
“แล้วถ้าเกิดคราวหน้าต้องมาสถานีตำรวจอีกจะคุ้นเคยมากขึ้นไหม?”
หนวนหน่วนผงกศีรษะราวกับเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว
“อื้มอื้ม อย่าห่วงเลย คุณลุงตำรวจเป็นคนดี”
บทสนทนาแสนไร้เดียงสาของเด็กหญิงทั้งสองคนทำเอาผู้คนรอบข้างพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
ทว่ากู้หว่านเองรู้สึกอาการไม่ค่อยดี
“ถ้าอย่างนั้น หนูแค่ผ่านมาแถวนี้ ไม่ต้องไปด้วยก็ได้ใช่ไหมคะ?”
ยอมรับจากใจว่าเธอไม่อยากไปจริง ๆ ทั้งยังรู้สึกผิดอยู่ในใจมาก
ตำรวจคนหนึ่งคิดว่าเธออาจจะกลัวจึงพูดปลอบใจ “ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปทำบันทึกธรรมดาเอง”
กู้หว่านยิ้มแบบฝืน ๆ กัดฟันข่มอารมณ์แทบตาย
กู้หนวนหน่วนนั่นเรียกตำรวจได้อย่างไร!
กู้หว่านพยายามใจเย็นพลางพูดปลอบใจตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือเธออยู่แล้ว
เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินตามขึ้นไปบนรถตำรวจ
ณ สถานีตำรวจ หนวนหน่วนและทั้งสามคนต่างช่วยกันตอบคำถามคุณตำรวจแทบทุกประเด็น
หนวนหน่วนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง เธอวางมือเล็กไว้บนตักและตอบคำถามลุงตำรวจด้วยท่าทีจริงจัง สีหน้าสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
ตำรวจที่กำลังถามอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดูกับท่าทางสีหน้าอันใสซื่อและแสนเชื่อฟังของเธอ
อันที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ถามอะไรมากมายหรอก เพราะถึงยังไงก็ต้องพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดในภายหลังอยู่แล้ว และเจ้าพวกอันธพาลนั่นก็ไม่มีทางดิ้นหลุดอย่างแน่นอน
ทางด้านกู้หว่าน หลังจากตอบคำถามด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย เธอก็รีบกลับไปทันที
มีเพียงหนวนหน่วน กู้อันและหลินจิ่วที่ยังไม่ได้กลับ ตำรวจเองก็ไม่กล้าปล่อยให้ทั้งสามคลาดสายตาจึงโทรแจ้งให้ผู้ปกครองของพวกเขามารับกลับไปเอง
กู้หนานเร่งรีบมารับทันที ใบหน้าอันหล่อเหลาขุ่นมัวเล็กน้อย นอกจากนี้ดวงตาสีเข้มคู่นั้นก็ดูคล้ายกับพายุกำลังก่อตัว
ถึงจะได้ยินตำรวจบอกว่าหนวนหน่วนและกู้อันไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่ แถมยังแผ่กลิ่นอายอำมหิตออกมาด้วย
พวกตำรวจที่พาเขาเข้าไปถึงกับตบไหล่กันเบา ๆ
“นี่ใครกัน ออร่าน่ากลัวกว่าท่านสารวัตรเสียอีก”
“ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเจ้าของบริษัทอะไรแบบนี้หรอกเหรอ มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา”
ตอนนี้หนวนหน่วนกำลังหยิบเกาลัดขึ้นมาทานดูราวกับหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยตุ้ยนุ้ย เมื่อเธอเห็นร่างสูงเดินเข้ามาแววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เด็กหญิงรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ แล้ววิ่งเข้าไปด้วยขาสั้น ๆ พลางเอ่ยเรียกพี่ใหญ่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ทันทีที่เธอวิ่งไปถึงเขาก็รีบอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
ดวงตาสีเข้มของกู้หนานจ้องมองสำรวจไปทั่วตัวน้องสาว และเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอสะอาดสะอ้านเรียบร้อยดี ผิวอมชมพูผ่องใส นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้ดูตื่นตระหนกอะไร ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เกิดอะไรขึ้น?”
คนที่ตอบคำถามทั้งหมดเป็นกู้อัน
กู้อันอธิบายเหตุการณ์แบบเจาะลึกแทบจะทุกรายละเอียด ทั้งยังแสดงท่าทางประกอบด้วย เด็กชายแสดงได้อย่างสมบทบาทเกินหน้าเกินตาไปมาก
หลังจากได้ฟังแล้วสีหน้าของกู้หนานก็ยังคงเรียบเฉยตามเดิม เขาเพียงแค่บอกให้ตำรวจสอบปากคำคนพวกนั้น
เวลาที่กู้หนานโกรธเขาจะไม่ค่อยแสดงออกผ่านสีหน้าท่าทางสักเท่าไหร่ แต่กลิ่นอายอำมหิตจะแผ่ออกมาทำเอาบรรยากาศรอบข้างเย็นลงอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
เมื่อพวกกลุ่มอันธพาลพวกนั้นเห็นเข้าก็กลัวจนตัวสั่นเหมือนเวลาหนูเห็นแมวเสียอย่างนั้น
ดวงตาสีเข้มของกู้หนานจ้องมองไปที่พวกเขา ทำเอาห้องสอบปากคำเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
“แก… แกคิดจะทำบ้าอะไร จะบอกอะไรให้นะ ที่นี่เป็นสถานีตำรวจ การทำร้ายร่างกายถือว่าเป็นความผิด”
เจ้าหัวโจกผมสีเหลืองเริ่มสั่นกลัว คำพูดคำจาเริ่มติด ๆ ขัด ๆ
เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ มีตำรวจอยู่ก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้ วันที่เขาคิดว่าสถานีตำรวจเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเอง
กู้หนานหรี่ตาลง จ้องเขม็งไปที่พวกเขา ทำเอาทุกคนที่ถูกจ้องมองใจสั่น รู้สึกเย็นยะเยือกหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลังเลยทีเดียว
ค…คุณลุงตำรวจ พวกคุณต้องปกป้องพวกเรานะ!
แต่ถึงอย่างนั้นกู้หนานก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่จ้องมองพวกเขาแล้วเดินจากไป
หลังจากกู้หนานเดินจากไป พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เจ้าหัวโจกผมเหลืองที่ไม่อยากเสียหน้าจึงลุกขึ้นทำตัวกร่าง
“อะไรกัน คิดว่าจะแน่ซะอีก”
ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ เขาเอ่ยปากห้ามปรามด้วยเสียงสั่นเครือ
“ล…ลูกพี่ คนนั้นเขาดูไม่ธรรมดาเลยนะ พี่บอกว่าเขาทำอะไรเราตอนนี้ไม่ได้ แล้วหลังจากนี้เขาจะตามเก็บเราหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเจ้าผมเหลืองก็ถอดสีทันที รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างไรชอบกล
“พี่ใหญ่”
หนวนหน่วนใช้แขนเล็กกอดคอพี่ใหญ่ ก่อนจะใช้คางมนเกยลงบนไหล่แล้วพูดขึ้นมา
“หืม”
“คนพวกนั้นจะโดนขังไหม?”
กู้หนาน “โดนสิ”
ถึงแม้ว่าหนวนหน่วนจะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ก็ควรจะถูกขังไว้สักพัก นอกจากนี้เขายังให้คนไปตรวจสอบประวัติของคนพวกนี้มาแล้วด้วย ถ้าพวกมันอยากจะออกจากคุกก็ต้องขึ้นอยู่ที่ว่าเขาจะยินยอมหรือเปล่า
หนวนหน่วนนำใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มของตัวเองเข้าไปใกล้พี่ใหญ่ หลังจากนั้นแก้มยุ้ย ๆ ของเธอก็ขยับไหว
กู้หนาน “กินอะไรอยู่?”
หนวนหน่วนเบิกตากลมโตแสนไร้เดียงสาขึ้นแล้วตอบด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย “ไม่ใช่ขนมค่ะ หนวนหน่วนกินเกาลัด~”
กู้หนานบีบแก้มทั้งสองข้างแล้วมองดู มีเกาลัดสามชิ้นอยู่ในนั้น เมื่อกี้ตอนที่พูดยังไม่ได้เคี้ยว แต่ตอนนี้เริ่มเคี้ยวมันไปบ้างแล้ว
กู้หนาน ‘แฮมสเตอร์ตัวน้อยจริงด้วย’
หลินจิ่วและกู้อันต่างเดินเคียงข้างไปพร้อมกับกู้หนาน เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสองหลินจิ่วก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“พี่ชายของหนวนหน่วนตัวใหญ่จัง เหมือนเป็นคุณพ่อเลย”
หลังจากพูดจบเธอก็นึกขึ้นได้ว่ากู้อันยังอยู่ข้าง ๆ ด้วย “หนูไม่ได้หมายถึงรุ่นพี่นะ”
กู้อันเชิดหน้าขึ้นทันที “หืม ฉันยังเด็กอยู่แล้วมันทำไมล่ะ? พี่ใหญ่ตามมาเรียนกับหนวนหน่วนที่โรงเรียนไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
หลินจิ่ว ‘ใครเขาอยากไปโรงเรียนกันล่ะ ฉันยังอยากโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเลย’
พวกเขาพาหลินจิ่วไปส่งที่บ้านก่อน เมื่อขึ้นไปบนรถ ด้วยความสงสัยว่าหนวนหน่วนโทรแจ้งตำรวจได้อย่างไร กู้อันกับหลินจิ่วจึงเค้นถาม
หนวนหน่วนชูสิ่งที่อยู่บนข้อมือขึ้นมาให้ได้เห็น มันก็ดูเป็นสร้อยข้อมือธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
“นี่คือสร้อยข้อมือที่มีระบบปฏิบัติการส่วนตัวที่พี่รองให้ฉันมา ถ้าเปิดใช้งานมันก็จะแจ้งตำรวจได้ทันที”
หลินจิ่ว “ว้าว…”
ดูไม่ออกเลย อีกทั้งยังทำงานได้ดีมาก
กู้อันจับข้อมือของน้องสาวขึ้นมามองแล้วมองอีก เชื่อเขาเลย นี่มันดูธรรมดามากจนมองไม่ออกเลย
หลังจากส่งหลินจิ่วที่บ้านแล้วก็กลับไปที่บ้านตระกูลกู้ คนอื่น ๆ ยังไม่รู้เรื่องที่หนวนหน่วนและกู้อันเกือบโดนปล้น กู้หนานเองก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่กู้อันปากไวมาก เมื่อไป๋อันหรานเอ่ยถามว่าทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้เขาก็หลุดพูดออกมาทันที ทำเอาคนในครอบครัวกังวลใจกันไปหมด
“หนวนหน่วนมานี่เร็ว ให้แม่ดูหน่อย ไม่ตกใจใช่ไหม”
“มาให้ปู่ดูด้วยเร็ว”
ใบหน้าของกู้หลินโม่มืดครึ้ม “ทำไมสถานีตำรวจถึงโทรหาพี่ใหญ่แทนล่ะ?”
กู้อันหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ดู “โทรศัพท์ของผมตั้งพี่ใหญ่เป็นเบอร์แรก”
กู้หลินโม่ “…”
เมื่อเห็นว่าแย่งชิงลูกสาวมาไม่ได้แล้ว กู้หลินโม่ก็ส่งสายตามืดมนหันไปทางเจ้าลูกชายคนโตทันที
“แล้วจับได้ไหม? จู่ ๆ พวกมันเข้ามาจ้องทำร้ายหนวนหน่วนกับเพื่อนได้ยังไง?”
กู้หลินโม่ไม่ปักใจเชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเพราะโรงเรียนของกู้อันปลอดภัยมาก ปกติแล้วพวกอันธพาลจะไม่ไปสร้างปัญหาที่นั่นแน่นอน แล้วทำไมพวกมันถึงมุ่งเป้ามาที่ลูกชายและลูกสาวของเขาได้?
นอกจากนี้ยังมีกู้หว่านโผล่เข้ามาอีก ไม่ว่าจะมองอย่างไรเรื่องนี้ก็แปลกมาก