ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 210 คุ้นเคยกับสถานีตำรวจ
บทที่ 210 คุ้นเคยกับสถานีตำรวจ
ในขณะที่กำลังสะพายกระเป๋าเดินกลับอย่างช้า ๆ พลันสังเกตเห็นขาของคนจำนวนหนึ่งยืนขวางหน้าอยู่ โดยที่บนกางเกงของเขามีสายระโยงระยางห้อยประดับอยู่ด้วย
เด็กหญิงทั้งสองคนหยุดพูดคุยกันก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
แวบแรกที่เห็นทรงผมของคนตรงหน้ามันดูค่อนข้างประหลาดมาก
หนวนหน่วน ‘นึกถึงพี่สี่เลยแฮะ’
“สวัสดีเด็กน้อย”
กู้อันรีบวิ่งตรงมาแล้วหยุดยืนอยู่ข้างหลังเด็กน้อยทั้งสอง เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ค่อยไว้ใจนัก
“ต้องการอะไร?!”
ถึงแม้ว่าเขาจะตัวไม่ใหญ่เท่ากลุ่มชายหนุ่มตรงหน้า แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ดูแข็งแรงสักเท่าไหร่ หากบอกว่าขี้ก้างก็คงไม่ผิดนัก
“ต้องการอะไร? พวกแกพูดเหมือนไม่รู้ว่าพวกเราต้องการอะไร? ทั้งที่พวกเรามาถึงนี่แล้ว พวกเธอคงต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนให้พวกพี่บ้างแล้วละ”
คนผมสีเหลืองตรงหน้าทำท่าทางแบมือรับเงิน นอกจากดูเฉื่อยชา หน้าตาก็ดูบึ้งตึงมากด้วย มองแวบเดียวก็รู้ว่ายังไงก็ไม่ใช่คนดี
กู้อัน “จะให้จ่ายเงินให้งั้นเรอะ? บ้าหรือเปล่า?”
หลังจากได้ยินประโยคนี้สีหน้าของพวกอันธพาลก็บึ้งตึงทันที
“อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเลย ถ้ายอมเอาเงินมาให้แต่โดยดีก็จะยอมปล่อยไป แต่ถ้าไม่ละก็ อย่าหาว่าพวกพี่รุนแรงเลยนะ”
หลินจิ่วพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ “พวกแกมันหน้าไม่อาย มารังแกเด็กแถมยังจะไถเงินอีก!”
ทางเดินของถนนเส้นนี้ค่อนข้างปลอดคน ถึงจะมีคนเห็นกลุ่มอันธพาลพวกนี้กำลังรังแกเด็ก ใจหนึ่งพวกเขาก็อยากช่วยอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าพวกมันถือไม้เอาไว้ข่มขู่ตลอดเวลาจึงเข้ามาใกล้ไม่ได้เลย
หนวนหน่วนใช้นิ้วเคาะตรงสร้อยข้อมืออย่างประหม่า แม้ว่าพี่รองจะยังไม่ได้อัปเดตฟังก์ชันการทำงานหลาย ๆ อย่างของมัน แต่ฟังก์ชันการแจ้งเตือนอันตรายอัตโนมัติก็น่าจะใช้งานได้ ทว่ามันกลับยังเงียบอยู่
ตอนแรกมันก็เหมือนสร้อยข้อมือธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อหนวนหน่วนใช้นิ้วสัมผัส ฟังก์ชันก็ถูกเปิดใช้งาน มันทำการตรวจเซ็นเซอร์โลเคชันปัจจุบันโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นเพียงสองวินาที สายโทรศัพท์ก็เชื่อมต่อเข้ากับเบอร์ของสถานีตำรวจ
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ดูสิว่าพวกแกซื้อของมาเยอะแค่ไหน ต้องมีเงินเยอะมากแน่ ๆ ส่งมันมาให้หมด ถือซะว่าหนึ่งพันหยวนต่อคนเป็นค่าผ่านทางละกัน ไม่งั้นวันนี้พวกแกทั้งสามคนไม่ได้กลับบ้านแน่”
กู้อันโกรธมาก เขาพยายามกัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์ทั้งที่ใจจริงอยากจะซัดหน้าพวกมันด้วยซ้ำ แต่หนวนหน่วนดันกอดรั้งแขนเขาเอาไว้แน่น
เธอเม้มปากแน่น พลางหันใบหน้าบอบบางมองไปที่กลุ่มคนพวกนั้น
“ก็ได้ พวกหนูจะเอาเงินให้ แต่ถ้าพวกพี่ไม่ปล่อยเราไปล่ะ?”
เสียงของเธอสั่นเครือนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์และพูดคุยกับคนทั้งสามอย่างใจเย็น
เจ้าคนผมเหลืองแค่นหัวเราะ “เจ้าเด็กน้อยคนนี้รู้งานดีนะเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าถ้าให้ก็จะปล่อยไป ไม่เชื่อก็ลองเอามาให้พวกเราก่อนสิ”
สีหน้าของหนวนหน่วนยับยู่ ยังดูกังวลนิดหน่อย “แต่ว่าพวกเราไม่ได้มีเงินสดเยอะหรอกนะ ก็ยังเด็กนี่นา พวกพี่เคยเห็นเด็กพกเงินเยอะขนาดนั้นด้วยเหรอ?”
พวกเหล่าอันธพาล “…”
มีปัญหาแล้วสิ
“ถ้าอย่างนั้นสแกนวีแชตก็ได้”
หนวนหน่วนจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทางใสซื่อ “พวกพี่ไม่รู้เหรอ? โรงเรียนของเราห้ามใช้โทรศัพท์น่ะ”
พวกอันธพาล ‘แม่ง!’
แล้วทีนี้จะทำยังไง?
ไม่นานนักก็เดินมาถึงทางตันจนได้ เจ้าคนผมเหลืองขมวดคิ้วแล้วจ้องมองไปที่เด็กทั้งสามอย่างเอาเรื่อง
“ไม่สนโว้ย ถ้าวันนี้พวกเราไม่ได้เงิน ใครหน้าไหนก็ไม่สิทธิ์ไปจากตรงนี้ทั้งนั้น!”
หลินจิ่ว “ก็บอกแล้วไงว่าพวกเราไม่มีโทรศัพท์ แล้วพวกนานยจะเอายังไง!”
ระหว่างที่เดินมาถึงทางตัน อยู่ ๆ ก็มีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาววิ่งเข้ามาจากที่ไหนสักแห่ง
“พวกแกทำอะไรน่ะ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลย!”
คำพูดก้องกังวานและดูขึงขังมาก แถมน้ำเสียงก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อีกด้วย
หนวนหน่วนและกู้อันหันมองแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะทำสีหน้าแบบเดียวกัน
ซวยแล้ว!
เมื่อกู้หว่านเห็นสีหน้าของพวกเขา “…”
เธอมาที่นี่เพื่อช่วยเรา แต่มาทำหน้าแบบนี้เนี่ยนะ เจ้าสองคนนี้ยังสติดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย!
“โทรแจ้งตำรวจงั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ ถึงตำรวจมาพวกเราก็ไม่กลัวหรอก!”
วี้หว่อ วี้หว่อ…
น้ำเสียงของเจ้าผมเหลืองถูกกลบด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจ ทำเอาสีหน้าของพวกชายหนุ่มและกู้หว่านถอดสีไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากอย่างกับพายุทอร์นาโด เจ้าคนผมเหลืองแข้งขาอ่อนทันทีพลางเหงื่อไหลซ่กออกมา
กู้อันรู้สึกตกใจ “เธอโทรหาตำรวจจริงดิ?”
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นแค่แกล้งขู่ให้พวกอันธพาลกลัว
ใบหน้าของเจ้าผมเหลืองซีดลงอย่างมาก ก่อนจะมองไปที่กู้หว่านด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะแก”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบพาพวกลูกน้องหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันได้ไปไหนเพราะถูกสกัดกั้นเอาไว้เสียก่อน และแล้วก็โดนจับได้ในภายหลัง
เมื่อกู้หว่านเห็นว่าชายผมเหลืองถูกจับแล้ว ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างตื่นตระหนกขึ้นมา แต่เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่านิ้วมือเธอสั่นระริกไม่หยุดเลย
กู้อันรู้สึกสงสัย “ฉันคิดว่าครอบครัวของเธออยากจะให้พวกเราเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ซะอีก”
แต่ถึงแม้ว่ากู้หว่านจะโทรแจ้งตำรวจจริง มันก็ไม่ได้ทำให้เขาชอบผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาหรอกนะ
ใบหน้าของกู้หว่านดูแข็งทื่อ ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มออกมา
“กู้อัน ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะ ยังไงเราก็เป็นญาติกันนะ”
หนวนหน่วนดึงแขนเสื้อของกู้อัน “พี่ หนูเป็นคนแจ้งตำรวจเอง”
กู้หว่าน “…”
กู้อัน “…”
หลินจิ่วเองก็มองหนวนหน่วนด้วยสีหน้าแปลกใจ
“พวกเราก็อยู่ตรงนี้ด้วยกัน แล้วเธอไปแจ้งตอนไหน?”
หนวนหน่วนยิ้มบางด้วยความเขินอายเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็พูดออกมาสามพยางค์ “เป็นความลับ”
กู้หว่านที่เงี่ยหูฟัง “…”
เด็กที่เคยโดนลักพาตัวคนนี้ค่อนข้างระวังตัวเลยทีเดียว
ลุงตำรวจก้าวเดินเข้ามาหาเด็กทั้งสามก่อนจะพูดปลอบขวัญ
“ไม่เป็นไรแล้วนะเด็ก ๆ พวกเราจับคนร้ายได้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
จู่ ๆ กู้อันก็ทำตัวยืดอกราวกับไก่ตัวน้อยมีชัย ประหนึ่งว่าเขาเอาชนะคู่ต่อสู้และอยู่รอดอย่างคงกระพันมาได้
“ผมไม่กลัวหรอก จัดการพวกมันด้วยมือแค่ข้างเดียวยังไหวเลย”
ลุงตำรวจ “…”
คนอื่น ๆ “…”
ถ้านายทำแบบนั้นได้ วัวก็คงระเบิดจักรวาลได้แล้วละ
หนวนหน่วนเขย่าแขนพี่คนเล็กของตัวเอง เธอรู้สึกอายกับการกระทำของเขา ก่อนที่ใบหน้าเล็กจะโน้มเข้าไปแล้วกระซิบที่ข้างหูของเขา
“พี่ถ่อมตัวหน่อยสิคะ”
กู้อันตบปากตัวเอง “ก็ได้ มันก็ยากอยู่หรอกถ้าจะจัดการทั้งหมด แต่ฉันจัดการหนึ่งถึงสองคนในนั้นได้จริง ๆ นะ”
ประโยคปิดท้ายนั่นก็ยังโอ้อวดอยู่ดี
ทุกคน “…”
ลุงตำรวจละความสนใจจากเขา “เด็ก ๆ เดี๋ยวไปสถานีตำรวจกับฉันก่อนนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกให้ผู้ปกครองไปรับที่นั่น”
หลินจิ่วกอดแขนของหนวนหน่วนแน่นด้วยความกลัว “พวกเรากลายเป็นเด็กไม่ดีไปแล้วเหรอถึงต้องไปสถานีตำรวจ?”
ในความคิดของเธอนั้น สถานีตำรวจเป็นเพียงที่เอาไว้กักขังพวกคนเลวเท่านั้น
หนวนหน่วนจับมือของเธอเพื่อปลอบ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก “ไม่ต้องกลัว พี่กู้อันกับฉันก็เคยไปที่นั่น มันไม่ได้น่ากลัวเลย”
พวกลุงตำรวจ : สีหน้าที่เหมือนว่าตัวเองคุ้นเคยกับสถานีตำรวจนั่นมันอะไรกัน!
หลังจากคิดเช่นนั้น เขาก็ได้ยินเด็กอีกคนถามขึ้น
หลินจิ่ว “หนวนหน่วนเคยไปเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็คุ้นเคยกับมันสินะ?”
หนวนหน่วน “อื้มอื้ม เคยได้ยินว่าครั้งเดียวไม่พอให้เรียกว่าคุ้นเคย แต่ฉันไปที่นั่นมาสองครั้งแล้ว แล้วพี่สี่ของฉันก็ยิ่งคุ้นเคยกับสถานีตำรวจมากกว่าฉันอีกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นเขาจับคนร้ายไปส่งตำรวจเหรอ?”
สีหน้าของหนวนหน่วนดูภูมิใจมาก “ไม่ใช่ สู้กันแล้วถูกพาไปต่างหาก!”
ตำรวจ : ไหงดูภูมิใจมากขนาดนั้นล่ะเนี่ย!!!