ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 200 หมอนี่ขี้โม้ไปงั้นแหละ
บทที่ 200 หมอนี่ขี้โม้ไปงั้นแหละ
ผองเพื่อนของกู้อัน “…”
หมอนี่ขี้โม้ไปงั้นแหละ!
ทุกคนมองเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“สวัสดีครับ”
เด็กทุกคนจ้องมองไปที่ผู้ใหญ่ทั้งสองซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากกู้อันมากนัก และกล่าวสวัสดีทักทายอย่างสุภาพ ก่อนจะเริ่มพูดกระซิบกระซาบกันตามประสาเด็ก
“อย่ามาโม้น่า แค่ลอกการบ้านนายยังไม่ทำเลย”
“ใช่ ๆ ทำการบ้านเสร็จทุกวิชาเลยเหรอ? การบ้านช่วงปิดเทอมฤดูร้อนไม่เห็นเคยแตะเลยนะ”
“มาทำการบ้านกับพวกเราเถอะลูกพี่”
กู้อัน “…”
ไม่คิดว่าเพื่อนจะเผาเขาต่อหน้าแบบนี้เลย
ภาพลักษณ์พี่ชายที่แสนดีพังทลายลงไม่เป็นท่าแล้ว ตอนแรกว่าจะวางท่าโอ้อวดสักหน่อย
กู้อันเกือบจะมีน้ำโหใส่เพื่อนของเขาที่ไม่รู้งานเอาซะเลย
“หนวนหน่วน อย่าไปเชื่อพวกเขานะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”
ผู้คนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังกู้อัน และหนึ่งในนั้นก็คือหนวนหน่วน เธอเหมือนเกี๊ยวนุ่มนิ่มน่ารักและขาวผ่องราวกับหยก
“น้องสาวกู้อันมาแล้ว!”
“สาวน้อย วันนี้มาสมัครเรียนเหรอ? ได้อยู่ชั้นไหน?”
“น้องสาว ตั้งแต่นี้ไปพี่จะไปส่งที่ห้องเอง”
หนวนหน่วนใช้นัยน์ตาสีดำจ้องมองพวกเขาอย่างสดใสและเต็มไปด้วยความคาดหวังอันแน่วแน่ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ”
กู้อัน “…ไม่ต้องเลย! ทำการบ้านให้เสร็จไปเถอะ!”
ทุกคน “…”
“มาทำการบ้านด้วยกันเถอะ”
ไป๋อันหรานแอบยิ้มสะใจตอนมองลูกชายคนเล็ก
“ไม่ได้มาโรงเรียนเพื่อทำการบ้านหรอกเหรอ?”
กู้อัน “…ก็นิดหน่อยอะนะ”
เขาทำท่าทางจีบนิ้ว
ไป๋อันหรานกลอกตาไปมาอย่างอ่อนใจ
กู้อันเดินพาน้องสาวของเขาไปที่ห้องเรียนด้วยกัน ส่วนไป๋อันหรานก็เข้าไปพูดคุยกับผู้ปกครองที่เธอรู้จักอีกราย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรนักหนาถึงอยากจะจับคู่ลูกหลานกับกู้เป่ยตลอดเลย
กู้เป่ย “เฮ้อ~”
เมื่อกู้อันเดินเข้ามาในห้องเรียนเขาก็หยิบสมุดการบ้านปิดเทอมฤดูหนาวออกมาแล้ววางมันลงกลางโต๊ะ
“เอาไปดูเลยไป ฉันบอกว่าทำเสร็จแล้วพวกนายก็ไม่เชื่อ ไม่งั้นพวกนายก็ลองถามน้องสาวฉันดูเลยก็ได้!”
หนวนหน่วนคว้ามือของพี่ชายคนเล็กมาจับไว้แล้วพยักหน้าลง เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเพื่อเป็นพยานให้กับพี่ชาย
“อื้มอื้ม นี่เป็นการบ้านของพี่กู้อันที่ทำเสร็จแล้วค่ะ”
เหล่าผองเพื่อนของกู้อันอ้าปากจนกรามเกือบค้างด้วยความอึ้ง พวกเขาเปิดสมุดการบ้านปิดเทอมฤดูหนาวตรงหน้าดูก่อนจะเบิกตากว้าง
“ว้าว! กู้อันทำการบ้านเสร็จแล้วจริง ๆ ด้วย แปลกจัง พระอาทิตย์ก็ยังไม่ได้ขึ้นทางตะวันตกนะ!”
กู้อันยกแขนขึ้นกอดอกแล้วเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิ ตัวแทบจะลอยอยู่แล้ว
“ฮ่า ๆ ถ้าจะมีอะไรหยุดท่านกู้ได้ ก็ไม่ใช่การบ้านปิดเทอมฤดูหนาวแน่นอน”
คำพูดนั้นล่องลอยออกมาอย่างแผ่วเบา
ทุกคนที่เคยนั่งลอกการบ้านด้วยกันกับเขา “…”
หน้าด้านขนาดนี้นี่มันกู้อันจริง ๆ เลย
“นายยังมีหน้ามาพูดอีก แอบไปทำการบ้านปิดเทอมลับหลังเราเนี่ยนะ!”
“หักหลังมิตรสหายชัด ๆ”
“วันนี้สายสัมพันธ์ของเราขาดกัน”
“เหอะ! เจ้าเล่ห์ ไม่เคยบอกพวกเราเลย!”
กู้อันยืนเท้าเอวแล้วหัวเราะออกมา ท่าทางไม่ได้เป็นมิตรเลย “วะฮ่าฮ่า เห็นพวกนายรีบปั่นการบ้านแบบนี้ฉันสะใจชะมัด”
เหล่ามิตรสหายของกู้อัน : กำหมัดหนักมาก รู้สึกอยากต่อยคน
หนวนหน่วน “…”
พวกเด็กผู้ชายนี่บ๊อง ๆ เหมือนกันหมดเลยไหมนะ?
“เฮ้อ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีสมุดการบ้านที่เสร็จแล้วมาอยู่ตรงหน้าพวกเรา กำลังปั่นอยู่เลย ถ้างั้นเราจะลอกการบ้านของนายละกัน”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็ตั้งใจทำงานกันอย่างหนักหน่วง
กู้อันหยิบลูกอมสองเม็ดออกมาจากกระเป๋าใบเล็กตรงเอวของหนวนหน่วน เขาส่งเม็ดหนึ่งให้กับน้องสาว แกะเม็ดที่อยู่ในมือใส่ปากของตัวเองพลางหันกลับไปทางเพื่อน ๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นไพล่หลัง
“ทำไมวันนี้ฉันอารมณ์ดีจัง? คงเพราะทำการบ้านปิดเทอมเสร็จแล้วแน่เลย”
“ฮืมมม ฉันกำลังดูพวกนายทำการบ้านพลางกินขนมไปด้วยแหละ”
“อารมณ์ดีจังเลย ไม่รู้ว่าครูจะเรียกเก็บการบ้านตอนไหน แต่ฉันไม่ได้กังวลหรอก เพราะฉันทำการบ้านเสร็จแล้วยังไงล่ะ!”
ทุกคน “…”
อวดอยู่นั่นแหละ
หนวนหน่วนที่ขนมเต็มปากรีบนำมือขึ้นมาป้องหน้าแล้ววิ่งออกไป
ส่วนกู้อันถูกพี่ชายที่แสนดีเคาะหัวอย่างทนไม่ไหว
“คุณแม่ พี่รอง”
เมื่อหนวนหน่วนเห็นคุณแม่กับพี่รอง เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาแล้วจับมือพวกเขา
“กู้อันล่ะ?”
หนวนหน่วนบอกว่ากู้อันกำลังพูดโม้ไม่หยุดเลย
คุณแม่และกู้เป่ย “…”
รู้สึกคันไม้คันมือด้วยแฮะ
กู้เป่ยหัวเราะแล้วลูบศีรษะเล็กของหนวนหน่วน
“พวกเราไปร้านเครื่องเขียนกันเถอะ จะได้ดูว่าน้องมีของอะไรที่ยังขาดแล้วต้องซื้อหรือเปล่า”
หนวนหน่วนเด็กดีพูดขึ้นมา “แล้วพี่กู้อันล่ะคะ”
ไป๋อันหรานยกยิ้มอย่างอ่อนโยน “ช่างมันเถอะ รายนั้นอยู่โรงเรียนจนชินแล้ว ไม่หายไปไหนหรอก”
ตอนนี้เธออยากทำเป็นไม่รู้จักกู้อันสักพัก…
แน่นอนว่าหนวนหน่วนผู้เชื่อฟังก็ต้องยอมไปกับคุณแม่และพี่รองอย่างว่าง่ายอยู่แล้ว
เมื่อโดนตีอย่างหนักหน่วง กู้อันที่ได้สติก็หันมองไปรอบ ๆ
แล้วน้องสาวของฉันล่ะ!
เด็กชายวิ่งออกไปข้างนอก แม่กับพี่รองล่ะไปไหนกันหมด!!!
สุดท้าย กู้อันก็ต้องโทรศัพท์ไปหาพวกเขา ก่อนจะได้รู้ว่าทุกคนอยู่ที่ร้านเครื่องเขียนเพื่อไปซื้ออุปกรณ์การเรียนให้หนวนหน่วนโดยที่ไม่มีใครบอกเขาเลย
เขาโกรธจนแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง
“ทำแบบนี้ได้ยังไง!”
โกรธแล้วนะ
ไป๋อันหรานค่อย ๆ พูด [หืม? ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? ก็พวกเรากลัวจะไปขัดลูกต่อหน้าเพื่อนนี่นา แบบนั้นมันน่าอายไม่ใช่เหรอ?]
กู้อัน “…พวกแม่รออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวผมเดินไปหา”
เหมือนจะรู้สึกผิดเลยแฮะ
ไป๋อันหราน [อยู่ที่ห้องเรียนไปเถอะ เดี๋ยวพอครูมาแล้วจะได้ลงทะเบียนให้เรียบร้อย เดี๋ยวคุณแม่กับพี่รองจะรีบไปหาหลังหนวนหน่วนซื้อของเสร็จ]
หลังจากพูดจบเธอก็ตัดสายไปทันที
กู้อัน “…”
รับไม่ได้ QAQ
หลังจากที่ตัดสายเสร็จ ไป๋อันหรานก็เดินเลือกซื้อของให้หนวนหน่วนต่อ
อุ๊ย กิ๊บรูปกระต่ายสตรอว์เบอร์รีอันนี้น่ารักจังเลย ซื้อให้ลูกสาวดีกว่า
กล่องดินสออันนี้สวยจัง สมุดเล่มนี้ก็น่ารักมาก สีชมพูดูอ่อนโยนเหมาะกับลูกสาวเลย ซื้อมันทุกอย่างเลยดีกว่า
ส่วนทางกู้เป่ยเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับไป๋อันหรานไม่มีผิด เขากำลังจมดิ่งอยู่กับการเลือกซื้อของอยู่
“ดูดินสอแท่งนี้สิ แล้วก็พวกสีนี่ด้วย อยากได้ใช่ไหม?”
หนวนหน่วนส่ายหัวด้วยความคิดล่องลอย ดูเหมือนว่า… จะไม่ได้อยากได้เท่าไรนะ
ญาติผู้พี่คนรองของเธอก็ทิ้งดินสอสีไม้ไว้ให้เยอะแล้ว
“ซื้ออย่างละสองชุด พี่จะเอาไว้ใช้เหมือนกัน”
“หนวนหน่วนดูปากกามาร์กเกอร์อันนี้สิ”
ไป๋อันหราน “หนวนหน่วนอยากเปลี่ยนแก้วน้ำไหม แก้วรูปสตรอว์เบอร์รีอันนี้ก็ดูเหมาะกับลูกดีนะ”
กู้เป่ย “อา…สมุดโน้ตพวกนี้ก็ดูดีมากเลยนะเนี่ย”
ไป๋อันหราน “แม่ซื้อสมุดให้น้องแล้ว”
กู้เป่ยยกยิ้มขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แม่ซื้อให้เล่มหนึ่ง ผมซื้อให้เล่มหนึ่ง เอาเก็บไว้ก็ไม่ได้เสียหาย”
ไป๋อันหรานพยักหน้าลง ความคิดเดียวกันเลย “มีเหตุผล”
กู้เป่ย “หนวนหน่วนมาเลือกกล่องดินสอกันเถอะ”
หนวนหน่วน “…”
คุณแม่กับพี่รองซื้อของกันได้… น่ากลัวมากเลย
เมื่อหนวนหน่วนและพวกเขาเดินออกจากร้านไปพร้อมกับของมากมายในถุงที่ไม่สามารถแบกออกมาได้หมดภายในครั้งเดียว สายตาแต่ละคู่ในร้านเครื่องเขียนก็จับจ้องมาด้วยความแปลกใจ
หนวนหน่วนมองดูของที่ถูกซื้อมาด้วยใบหน้ายับยู่ หมดนี่เปิดร้านเครื่องเขียนได้สบายเลยมั้งเนี่ย!
บอดีการ์ดหลายคนเดินเข้ามาหาพร้อมกับหยิบถุงของเหล่านั้นไปถือไว้อย่างรู้งาน บนแขนเต็มไปด้วยถุงเล็กใหญ่ที่ห้อยแขวนอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ยังนิ่งเฉยอยู่
ไป๋อันหรานถึงกับปรบมือแล้วยิ้มให้ “ลำบากพวกนายหน่อยนะ เอาขนขึ้นรถไปเลย”
หนวนหน่วน “คุณแม่ รู้ไหมคะว่าซื้อมาเยอะเกินไปแล้วนะ?”
ไป๋อันหรานมองไปที่สิ่งของพวกนั้นก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางเพื่อครุ่นคิด “ก็จริงนะ ต้องเข้าใจด้วยว่ามันไม่ได้มีแค่พวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ และพวกกระเป๋าเท่านั้นที่ออกคอลเลกชันแบบใหม่มาทุกปี ถ้าพวกเครื่องเขียนคอลเลกชันนี้ได้รับความนิยมลดลงแล้วหนวนหน่วนเกิดไม่ชอบจะทำยังไงดีนะ?”
หนวนหน่วนตัวน้อยผู้ไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่คุณแม่พูด “…”
กู้เป่ยครุ่นคิดอยู่ประมาณสองวินาที “ถ้าไม่ต้องการแล้วก็เอาไปบริจาคได้ใช่ไหมล่ะ? รวมถึงพวกเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วด้วย บริจาคไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอะไรแบบนี้ก็จะไม่เปล่าประโยชน์แล้ว”
ไป๋อันหรานปรบมือให้ “เป็นความคิดที่ดีมาก ไว้เดี๋ยวแม่จะปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อก่อนละกัน ว่าจะลองจัดตั้งมูลนิธิช่วยเหลือคนยากไร้อยู่เลย”
เป็นเพราะเมื่อก่อนหนวนหน่วนก็เคยกำพร้า ในตอนนั้นที่ไป๋อันหรานเห็นลูกสาวของเธอผอมแห้งโซซัดโซเซ มันทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะเหตุนี้เธอจึงเห็นด้วยกับคำพูดของลูกชายคนรองของตน
ด้วยความที่เธอไม่ไว้ใจคนอื่นจึงอยากจัดตั้งมูลนิธิในนามของหนวนหน่วนขึ้นมาเอง มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และยังมีพวกกระเป๋าที่เธอไม่ได้ชอบมันแล้ว บางชิ้นมันสามารถขายเป็นสินค้ามือสองได้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นแบรนด์เนมดัง และบางชิ้นก็เอามาใช้หรือสวมใส่เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเอง ถ้าจะเอาเก็บไว้ตั้งโชว์ที่บ้านมันก็ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย สู้เอาไปขายแลกเป็นเงินแล้วนำเข้ามูลนิธิอาจจะดีกว่าอีก
และหนวนหน่วนเองก็มีเสื้อผ้าเยอะมาก คนในครอบครัวต่างพากันโหมซื้อให้อย่างไม่หวาดไม่ไหว จึงดีกว่าหากเธอจะคัดเอาตัวที่ไม่ต้องการออกมาบริจาคเพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างบุญให้กับลูกสาวไปในตัวด้วย
เมื่อได้ความคิดนี้ขึ้นมา ไป๋อันหรานก็เริ่มดำเนินแผนการอย่างจริงจัง หลังจากกลับถึงบ้านเธอจะไปพูดคุยกับสามีทันที
เมื่อหนวนหน่วนได้ฟังคำพูดของพี่รองเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่ของพวกนี้ไม่ได้ซื้อมาแบบทิ้งขว้างไร้ประโยชน์ เพราะมันสามารถนำไปบริจาคให้เด็กผู้ยากไร้หรือเด็กกำพร้าได้ นอกจากนี้เธอยังแอบนับเงินเก็บของตัวเองเพื่อรวมเงินซื้อของบริจาคให้เด็กเหล่านั้นเพิ่มไปด้วยอีกต่างหาก
เธอเคยเห็นในทีวีว่าเด็กกำพร้าและยากจนนั้นน่าสงสารมากแค่ไหน เหมือนกับตอนนั้นที่เธอโดนทิ้งอยู่กับคุณยายในหมู่บ้านเสี่ยวซี เงินจะซื้อดินสอไปโรงเรียนยังไม่มีปัญญาเลย
หลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ค่อย ๆ เดินกลับกัน ตอนนี้กู้อันลงทะเบียนเรียนเรียบร้อยแล้ว เขารออยู่ตรงหน้าประตูห้องเรียนของตัวเอง กำลังนั่งเท้าคาง จ้องมองไปตรงทางเดินพร้อมกับกัดฟันกรอด
และในที่สุด… คนในครอบครัวที่ทิ้งเขาเอาไว้ก็กลับมากันแล้ว
“เหอะ”
ไป๋อันหรานปรายตามองเขาอยู่สักครู่ “เป็นอะไรอีก?”
กู้อัน “เฮอะ!”
“ยังไม่อยากกลับเหรอ?”
กู้อัน “ฮึ!”
เด็กชายส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไป๋อันหราน “…งั้นก็ได้ ถ้าไม่ไป งั้นพวกเราไปกันแล้วนะ?”
กู้อัน “แล้วทำไมเมื่อกี้แม่ไม่พาผมไปด้วยล่ะ!”
ไป๋อันหรานยิ้มแล้วลูบศีรษะลูกชายของเธอ “ก็กลัวแกจะไปทำอะไรให้เราขายขี้หน้าอีก”
แม่เขาพูดตรงมาก กู้อันตกตะลึงก่อนจะมองไป๋อันหรานอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณแม่ผิดแล้วนะ แม่ควรภูมิใจไม่ใช่เหรอที่มีลูกชายหล่อ ๆ ฉลาด ๆ อย่างผม?”
ไป๋อันหราน “ใครมันสอนให้มั่นขนาดนี้เนี่ย? จะให้แม่เตือนความจำแกไหมว่าที่แกทำการบ้านเสร็จได้เป็นเพราะหนวนหน่วน ชัดไหมเจ้าลูกชายคนเก่ง?”
กู้อัน “…”