ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 20 คุณอาน่ากลัว
บทที่ 20 คุณอาน่ากลัว
เห็นได้ชัดว่าแมวแร็กดอลล์ตัวนั้นชอบหนวนหน่วน ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้วดูนุ่มนิ่มน่ารักทำเอาคนที่เฝ้ามองกระอักเลือดได้
ผู้เฒ่ากู้หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างร่าเริงก่อนจะกดเปิดฟังก์ชันกล้อง ช่วงนี้เขาค่อนข้างคลั่งกับการถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพหลานสาวตัวน้อย ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขายังอัปมันลงอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เลย เมื่อแก่ตัวลงจึงต้องรบกวนคนหนุ่มสาวให้สอนวิธีถ่ายรูปสวย ๆ และการโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตให้
ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องมุมกล้องมากนัก เมื่อหนวนหน่วนกอดเจ้าแมวน้อยตัวนั้น ภาพก็ออกมาสวยงามทันที
“เมี๊ยว~”
“เมี๊ยว~”
เสียงแมวและเสียงหนวนหน่วนร้องเหมียว ๆ ดังขึ้น หลี่เต๋อจู้นึกถึงบรรยากาศนุ่มนิ่มละมุนดั่งนมข้นขึ้นมาทันที
หากชายชราไม่ได้ยืนอยู่ข้างกาย เขาคงหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปสิ่งมีชีวิตตัวน้อยน่ารักคนนี้แล้ว! แฟนสาวของเขาต้องชอบมากแน่ที่ได้เห็นอะไรแบบนี้
น่าเสียดายที่เขารู้สึกเกรงใจผู้อาวุโสเกินไป
“องค์หญิง องค์หญิง…”
มีคนออกมาตามหาแมว เขาเป็นชายหัวล้านที่มีผมประดับศีรษะเพียงไม่กี่เส้น จากการพิจารณา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่อายุไม่เกินสามสิบ แต่เพราะเขาสวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้นที่นิยมใส่กันตามริมชายหาด และรองเท้าแตะ รวมถึง ‘ทรงผมอันสวยงาม’ นั่น เขาเลยดูมีอายุ
ผู้เฒ่ากู้ “…”
“ไม่ทราบว่าแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเราไหม?”
หลี่เต๋อจู้กระตุกยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเวลาเลิกงาน พวกเขาก็นิยมแต่งกายไม่เป็นทางการแบบนี้ครับ”
เนื่องจากว่าพวกโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ชอบมีพฤติกรรมดึงเสื้อผ้าหน้าผมเวลาอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นการได้นั่งทำงานในสภาพแวดล้อมที่สบายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ทางแผนกจึงตัดสินใจกันว่า เมื่อเดินทางเข้าหรือออกจากบริษัทจะแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ในเวลาทำงานสามารถเปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองที่สบายและคล่องตัวเหมือนอยู่บ้านได้
โปรแกรมเมอร์ที่สามารถเข้าทำงานกับฝ่ายพัฒนาได้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการคอมพิวเตอร์ จึงมีบุคลากรหลายคนที่ไม่ได้มาจากการคัดเลือกโดยประธานกู้ แต่มาจากการคัดเลือกของกู้หนาน ดังนั้นการสวมใส่เสื้อผ้าที่สะดวกสบายจึงไม่ได้มีผลใด ๆ เพราะประธานกู้และกู้หนานต่างไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องการแต่งกายมากนัก เว้นแต่จะมีผู้แต่งกายไม่เหมาะสมกาลเทศะ อย่างไรพวกเขาก็สนใจเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่า
ผู้เฒ่ากู้ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก รู้แค่เพียงว่าตอนนี้ลูกชายและหลานชายของตนมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเกมและอินเทอร์เน็ต ซึ่งมันเป็นโลกของคนสมัยใหม่ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับแผนกนี้มากมายนัก
“หลี่เต๋อจู้ ทำไมถึงไม่ไปอยู่กับประธานกู้ มาที่นี่ทำไม?”
ชายที่เดินออกมาพูดจาหยอกล้อกับหลี่เต๋อจู้ “ประธานกู้มีอะไรจะพูดไม่ใช่เหรอ?”
หลี่เต๋อจู้ส่ายหัว “ไม่มี ฉันกำลังพานายท่านใหญ่กับคุณหนูน้อยเยี่ยมชมบริษัท”
“องค์หญิงน้อย!”
ชายคนนั้นมองไปยังหนวนหน่วนที่กำลังอุ้มแมวอยู่อย่างไม่ละสายตา เขากุมใจตนเองแล้วตะโกนออกมา
“ทำไมน่ารักขนาดนี้!”
“สวัสดีค่ะคุณอา”
หนวนหน่วนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ ผมของสาวน้อยฟูฟ่อง นุ่มสลวย ขับเน้นใบหน้าที่งดงามของเธอได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการดูแลผิวที่เธอได้ได้รับการบำรุงมาเมื่อวาน แม้ว่าหนวนหน่วนจะยังไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับหยกแกะสลัก แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารัก
เธอจับอุ้งเท้านุ่มนิ่มขององค์หญิงน้อยด้วยมือเล็ก ๆ ของตน ก่อนจะส่งเสียงร้องหวานราวกับขนมปังทอฟฟี่
ทันทีที่เธอเดินตามเจ้าแมวไป มันก็ส่งเสียงร้องคลอ ยิ่งหนวนหน่วนร้องตามก็ยิ่งทำให้คนที่ได้ยินใจละลายแบบทวีคูณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่แห้งเหี่ยวอย่างหลัวหลิน ตอนนี้รู้สึกว่าเลือดเขาแทบหมดตัวแล้ว
หลี่เต๋อจู้ “…”
ลืมไปว่าพวกเนิร์ดนี้โปรดปรานเด็กน้อยนุ่มนิ่มเพียงใด
เฮ้อ คุณหนูน้อยของพวกเขาจะน่ารักอะไรขนาดนี้…
“หนูชื่ออะไรเอ่ย อยากกินขนมไหม อามีขนมอยู่นะ…”
น้ำเสียงหลัวหลินเหมือนกับหมาป่าตัวโตกำลังเกลี้ยกล่อมหนูน้อยหมวกแดงไม่มีผิด
หนวนหน่วนค่อนข้างขี้อาย เธอจึงกอดกระต่ายสีชมพูอ่อนแน่น อีกมือคว้าเจ้าแมวแล้ววิ่งไปซ่อนข้างหลังของผู้เฒ่ากู้
เด็กน้อยโผล่หัวออกมาจากด้านหลังของคุณปู่อย่างเขินอาย แค่มีคุณปู่อยู่ด้วย หนวนหน่วนก็จะไม่กลัวอะไร!
“เฮ้… อาไม่ใช่คนไม่ดีนะ…”
หลัวหลินยกมือขึ้นแตะหน้าผากของตน ไม่เพียงรู้สึกโดนทำร้ายจิตใจเท่านั้น แต่เหมือนโดนดูถูกด้วย เขาถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนประหลาดน่ากลัวไปแล้ว
พูดแล้วอยากจะร้องไห้ แต่ก็เกรงว่าเด็กจะกลัวมากกว่าเดิม เขาจึงทำอะไรไม่ได้
“ขอโทษนะครับ หลานคุณน่ารักมากเลย”
หลัวหลินรู้สึกประหม่าเมื่อพบกับสายตาที่สุขุมและสง่างามของชายชรา
ผู้เฒ่ากู้พยักหน้ายอมรับ เพราะหลานสาวตัวน้อยของเขาน่ารักจริง ๆ
“หนวนหน่วนของฉันน่ารักก็จริง แต่เธอขี้อายนิดหน่อย อย่าเข้าใจผิดนะพ่อหนุ่ม”
หลัวหลินรีบโบกมือ “ไม่ ไม่ ผมบุ่มบ่ามเองครับ”
หลังจากที่พวกเขาพูดจบ หลี่เต๋อจู้ก็เริ่มแนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน
“คุณหนูหนวนหน่วน นี่คือคุณอาหลัวจากฝ่ายพัฒนาเกมของเรา เขาเป็นเพื่อนคุณพ่อของคุณหนูด้วยนะครับ”
เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นเพื่อนของพ่อ หนวนหน่วนจึงมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น ความกลัวในใจหายไปในทันที
หลัวหลินอึ้งไปสักพัก “ใครคือพ่อของเธอนะ?”
หลี่เต๋อจู้กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยชื่อบุคคลที่ทำให้หลัวหลินรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา “ประธานกู้”
หลัวหลิน “???”
หลัวหลินอีกรอบ “!!!”
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มองไปที่ยังเด็กน้อยที่น่ารักราวกับตุ๊กตาที่สวมใส่กระโปรงตัวเล็ก ก่อนจะนึกถึงกู้หลินโม่เพื่อนของเขาขึ้นมา
“ลูกสาวของกู้หลินโม่เหรอ น่ารักจัง! เดี๋ยวนะ กู้หลินโม่มีลูกสาวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
หลัวหลินตกใจมาก เขาคิดเสมอว่าในครอบครัวของกู้หลินโม่มีเพียงลูกชายสามคนเท่านั้น แต่ตอนนี้ อยู่ ๆ ลูกสาวที่น่ารักก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา?
นี่คือลูกสาวแบบที่เขาใฝ่ฝันถึง แม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังไม่มีแฟน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดฝันที่จะมีลูกสาวที่น่ารักและอ่อนโยนแต่อย่างใด
ผู้เฒ่ากู้เริ่มอวดทันที เอาจริง ๆ เขาอวดหลานสาวเก่งมากอย่างน่าเหลือเชื่อ
“หนวนหน่วนของเราน่ารักใช่ไหมล่ะ ฉันมีหลานตั้งมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครเชื่อฟังได้มากกว่าเธอเลย ได้ยินหนวนหน่วนเรียกคุณปู่เบา ๆ ทุกวัน ฉันรู้สึกดีมาก…”
ผู้เฒ่ากู้พูดไปเรื่อยอย่างไม่รู้จบ เช่นเดียวกับสายตาของหลัวหลินแสดงความอิจฉาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนหนวนหน่วน… เด็กน้อยรู้สึกเขินอายอย่างมาก เธอจึงฝังใบหน้าเล็ก ๆ ของตนลงบนท้องอันนุ่มนิ่มของเจ้าแมวเหมียว
เจ้าแมวส่งเสียงร้องเมี๊ยวสองสามครั้ง ก่อนจะใช้อุ้งเท้านุ่มนิ่มโอบรอบคอหนวนหน่วนเอาไว้
หลี่เต๋อจู้ “…”
เขารู้สึกไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ทั้งสองพูดคุยกันราวกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายอย่างนั้นแหละ
“หนวนหน่วนอยากไปที่แผนกของอาไหม มีหมาแมวเยอะเลย ไปดูเล่นกับพวกมันได้นะ”
หลัวหลินเริ่มพยายามหลอกล่อสาวน้อยน่ารักคนนี้ไปที่แผนกของตน
หนวนหน่วนลังเลใจอยู่สักพัก ในที่ทำงานมีคนแปลกหน้ามากมาย เธอจึงไม่ค่อยอยากไปสักเท่าไหร่
แต่เขาบอกว่ามีแมวและสุนัขเยอะมาก เหตุผลนี้ทำให้เธอลังเลใจอยู่ไม่น้อย
คนตัวเล็กกอดแมวด้วยสีหน้าครุ่นคิดจริงจัง