ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 199 เด็กขี้โม้กู้อัน
บทที่ 199 เด็กขี้โม้กู้อัน
ไม่ว่ากู้อันจะเป็นหัวโจกมากแค่ไหนในโรงเรียน แต่นักเรียนทุกคนก็ล้วนมีความเกรงกลัวอาจารย์กันทั้งนั้น นับประสาอะไรกับครูใหญ่ที่มายืนอยู่ตรงหน้านักเรียนที่ผลการเรียนย่ำแย่
แต่ครูใหญ่ก็ยังสังเกตเห็นเขาได้
“นักเรียนกู้อัน”
กู้อัน “…”
โดนจับได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“ครูใหญ่”
เขาทำได้เพียงส่งเสียงเรียกออกไป
ครูใหญ่มองเขาแล้วส่งยิ้มมาให้ “ทำการบ้านช่วงปิดเทอมฤดูหนาวเสร็จหรือยัง?”
เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ กู้อันก็มีความมั่นใจที่จะโต้ตอบมากขึ้น ในอดีตเขาคงรู้สึกประหม่า แต่ในตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะเจ้าน้องสาวตัวน้อยคอยชวนเขาไปทำการบ้านอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเมื่อถูกถามถึง เขาก็เชิดหน้าและยืดอกขึ้นราวกับไก่ตัวผู้อย่างภาคภูมิ
ใช่แล้ว ทำไมเขาต้องกลัวด้วย การบ้านก็ทำเสร็จแล้วนี่!
ครูใหญ่แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าเป็นเช่นนี้ ตอนแรกคิดว่าจะหดหัวเหมือนเต่าเสียอีกที่ถูกถามถึงเรื่องทำการบ้าน
“พูดก็พูดเถอะนะ ถ้าครูถามมาผมก็จะบอกให้ครับ”
กู้อันไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป แต่การแสดงออกของเขาแบบนี้ก็ช่างน่าอายเกินทน
“นักเรียนที่ฉลาดและมีวินัยอย่างผมเนี่ย แค่การบ้านปิดเทอมฤดูหนาวจะไปยากอะไร ผมเพิ่งทำเสร็จไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง ครูไม่เข้าใจหรอก ถ้าให้ผมทำเสร็จเร็วกว่านี้ ผมคงต้องใช้วิธีหนามแทงแขวนคาน*[1] เจาะผนังขโมยแสงแล้ว*[2]…”
กู้เป่ยและไป๋อันหราน “…”
ครูใหญ่ “…”
ที่พูดออกมานี่เหมือนหลอกตัวเองและคนอื่น ๆ ไปด้วยเลย หน้าบานใหญ่แล้วนั่น
ไป๋อันหรานรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองโอ้อวดมากเกินไป
มันน่าอายมากนะที่พูดถึงตัวเองโดยไม่ถ่อมตนแบบนี้ ขายหน้าจนไม่อยากบอกคนอื่นเลยว่ามีลูกชายแบบนี้ เจ้าเด็กหน้าไม่อายคนนี้นี่!
ไหนจะสำนวนที่ใช้พูดจานั่นอีก แม่หน้าแตกเป็นเสี่ยงไปถึงอวกาศแล้วนะ
ครูใหญ่เองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เจ้าเด็กนี่ ถ้าได้รับการอบรมบ่มเพาะที่ดีประหนึ่งดอกไม้ที่ได้รับแสงเพียงพอจะต้องผลิบานขึ้นมาอย่างดีแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเขายังคงคุยโม้เรื่องของตัวเองไปเรื่อย อีกทั้งยังทำตัวยืดอกสง่าผ่าเผยไม่เลิกจนเริ่มหอบเหนื่อยและพูดออกมาทีละคำ ไป๋อันหรานก็ถึงกับปิดหน้าของตัวเองด้วยความอาย เธอเหยียบเข้าที่เท้าของกู้อันอย่างไม่ห่วงภาพพจน์อีกต่อไป
“เงียบซะ!”
เธอหันมองกู้อันเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนทีเร็กซ์ตัวเมียกำลังดุอยู่ไม่มีผิด
และแล้วเสียงก็เงียบลง
ครูใหญ่วางถ้วยชาลงแล้วกระแอมเบา ๆ “แค่ก ไม่เลวเลยนะ แค่ต้องเรียนภาษาจีนให้ดีกว่านี้ ยังใช้สำนวนไม่ค่อยเก่ง”
กู้อันรู้สึกตกใจ “ครูรู้ได้ยังไงว่าผมใช้ไม่เก่ง? ตามติดผมตลอดเวลาหรือไงครับ?”
เด็กนี่เป็นนกยูงหยิ่งผยองหรือไงกัน?
ครูใหญ่ “…”
จะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะ ถึงจะทำวิชาอื่นได้ดี แต่หลังจากได้ยินเขาพูดสำนวนออกมาก็รู้ได้เลยว่าอ่อนภาษาจีนมาก
กู้เป่ยทำอะไรไม่ได้นอกจากแตะหน้าผากตัวเอง “ขอโทษครับครู”
ที่ทำให้หูของครูต้องทนฟังอะไรแบบนี้อย่างทุกข์ทรมาน
ครูใหญ่โบกมือให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร และในตอนนี้หนวนหน่วนก็ทำข้อสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นครูใหญ่เดินจากไป กู้อันกลับรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรสักอย่างไม่สำเร็จ เขายังอยากพูดโอ้อวดมากกว่านี้อีก แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะ
กระดาษข้อสอบทั้งสามชุดประกอบไปด้วยโจทย์เนื้อหาพื้นฐานของชั้นประถมศึกษาปีที่สอง หนวนหน่วนใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นในการทำข้อสอบทั้งหมดนี้ ทำเอาครูใหญ่รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
ต่อให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สองมาทำ อย่างต่ำก็ต้องถึงสองชั่วโมงขึ้นไป
ตามที่เขาเข้าใจ หนวนหน่วนเคยเรียนด้วยตัวเองมาก่อนเพียงครึ่งเทอม ตอนแรกก็แอบกังวลว่าเธอจะทำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลังจากยกกระดาษข้อสอบขึ้นมาพิจารณาดู สิ่งแรกที่เห็นคือลายมือของเด็ก ทั้งที่เธอยังเด็กมาก แต่ลายมือกลับสวยงามและเป็นระเบียบ อ่านง่ายสบายตามาก ซึ่งมันเป็นประเภทของกระดาษคำตอบที่อาจารย์ส่วนใหญ่ชอบอ่าน
เพียงเท่านี้ก็เรียกคะแนนได้อย่างมากมายมหาศาลแล้ว
และหลังจากไล่สายตามองดูคำตอบแล้ว ครูใหญ่ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ในที่สุดคะแนนก็ออกมาแล้ว ทั้งภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ คะแนนเต็มทุกวิชา!
ครูใหญ่มองดูหนวนหน่วนด้วยสายตาเอ็นดู ทำไมเป็นเด็กดีแบบนี้ ทั้งนุ่มนวล สุภาพอ่อนหวาน ผลการเรียนก็ดีเด่น ต้องเป็นนักเรียนคนโปรดของครูแน่!
“เข้าเรียนชั้นประถมสองได้แล้ว หนวนหน่วนทำคะแนนดีมาก เต็มทุกวิชาเลย”
ไป๋อันหรานดีใจมากเมื่อได้ฟังผล “ขอข้อสอบทั้งสามชุดนี้ได้ไหมคะคุณครู?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวทำข้อสอบ เครื่องหมายปากกาสีแดงและเลขคะแนนเต็มนั้นทำให้คนเป็นแม่ภูมิใจมาก
ครูใหญ่ “…ได้สิ”
หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว ไป๋อันหรานก็พับเก็บกระดาษคำตอบอย่างระมัดระวัง เธอเก็บใส่กระเป๋าไปเพื่อถ่ายรูปอัปลงโมเมนต์เพื่ออวดให้พวกเพื่อนสาวของเธอได้ดูกัน
“คิดแล้วว่าน้องสาวของพี่ต้องทำได้!”
กู้อันทำท่าทางภาคภูมิใจอีกครั้ง นี่ถ้าคนไม่รู้เห็นเหตุการณ์คงคิดว่าเป็นเขาเองที่ทำข้อสอบได้คะแนนเต็ม
ดังคำกล่าวที่ว่าขิงแก่มักจะเผ็ด ไม่นานนักคำพูดของครูใหญ่ก็ทำเอาความมั่นใจอันหยิ่งผยองของกู้อันต้องลดฮวบลงกันเลยทีเดียว
“กู้อัน สอบปลายภาคครั้งที่แล้วได้คะแนนเท่าไหร่?”
กู้อัน “…”
อย่าพูดถึงมันเลยถ้าอยากเป็นมิตรต่อกันน่ะ
เขากลายเป็นนกกระทาขึ้นมาทันที
หนวนหน่วนมองไปที่พี่ชายคนเล็กแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เอื้อมจับมือของพี่ชาย
กู้อันรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิอีกครั้ง
ผู้ใหญ่ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างขบขันแล้วส่ายหัวกันถ้วนหน้า
ครูใหญ่จัดแจงแนะนำหนวนหน่วนให้ครูประจำชั้นประถมหนึ่งและสองได้รู้จัก
“นี่คือครูหยาง จากชั้นประถมสองห้องหนึ่ง แล้วก็จะเป็นครูประจำชั้นของหนูด้วย”
หนวนหน่วนมองครูหยาง เธอเป็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนพอตัว
“สวัสดีค่ะครูหยาง”
หนวนหน่วนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ เสียงออดอ้อนไพเราะเสนาะหูสามารถทำให้คนฟังหลงรักหัวปักหัวปำได้เลยทีเดียว
ครูหยางพยักหน้าแล้วยิ้มให้ “สวัสดีจ้ะนักเรียนหนวนหน่วน เดี๋ยวผู้ปกครองเขียนแบบฟอร์มตรงนี้นะคะ พรุ่งนี้ก็พาหนวนหน่วนมาเข้าเรียนได้เลยค่ะ”
ไป๋อันหรานจับมือครูหยางเอาไว้ “รบกวนฝากหนวนหน่วนด้วยนะคะ”
ครูหยางยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “นักเรียนหนวนหน่วนทำคะแนนได้ดีมาก แล้วก็เชื่อฟังเป็นเด็กดีมากค่ะ ผู้ปกครองวางใจได้เลยฉันจะดูแลเธออย่างดี”
หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำทั้งสองก็แลกวีแชตกัน ไป๋อันหรานเองก็รู้สึกพอใจกับครูประจำชั้นคนนี้อยู่ไม่น้อย
หลังจากกรอกข้อมูลของหนวนหน่วนแล้ว เธอก็พากู้อันไปลงทะเบียนต่อ
แต่ก่อนทุกครั้งที่มาลงทะเบียนให้ เขามักจะทำตัวเบื่อหน่ายอยู่ตลอดราวกับสิ่งนี้เป็นภาระต่อชีวิตของเขา แต่ครั้งนี้เขาทำตัวเชิดมาก ราวกับโดดเด่นแปลกแยกออกมาจากในหมู่พี่น้องทั้งหกคน
ไป๋อันหรานชักจะหมั่นไส้ “เจ้าเด็กนี่ทำอะไรน่าภูมิใจมากงั้นเหรอ? เชิดจนจะไปถึงท้องฟ้าอยู่แล้ว!”
กู้เป่ยพยายามทำความเข้าใจได้นิดหน่อย “สุดท้ายก็เร่งทำการบ้านฤดูหนาวให้เสร็จได้ อาจจะเรื่องนี้ก็ได้นะ”
ไป๋อันหรานแอบคิดในใจว่าเป็นเพราะลูกสาวของเธอต่างหาก
เมื่อนึกถึงฉากที่หนวนหน่วนถือหนังสือไล่ตามกู้หมิงหลี่และกู้อันให้มานั่งเรียนด้วยกัน เธอก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“นี่ พี่จะบอกให้นะ ในชั้นเรียนของพี่มีหลายคนที่ทำการบ้านยังไม่เสร็จ ตอนนี้ก็เลยรีบเร่งทำอยู่”
แค่นึกถึงเรื่องนั้นกู้อันก็นึกดีใจขึ้นมา เขายังไม่ได้บอกให้เพื่อนในกลุ่มรู้เลยว่าทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาจะเก็บอาการอยู่ได้อย่างไร?
เมื่อมาถึงโรงเรียน กู้อันก็เห็นเพื่อนหลายคนที่กำลังนั่งลอกการบ้านอยู่บนโต๊ะ
“กู้อัน มาทำอะไรตรงนี้? ไม่ไปลอกการบ้านเหรอ?”
เมื่อหลายคนเห็นกู้อันที่กำลังเดินเข้าห้องเรียนไปด้วยใบหน้าเชิดหยิ่ง กลุ่มเพื่อนของเขาก็ตะโกนถามขึ้นทันที
กู้อันยิ้มอย่างไม่แยแส “ลอกการบ้านเหรอ? จะทำอย่างนั้นได้ยังไง เรามันคนละระดับกัน การบ้านปิดเทอมของฉันเสร็จหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
ทำหน้าเหมือนมีมหัวเราะ.jpg
ไป๋อันหรานกับกู้เป่ยมองเขาด้วยสายตามืดมน
[1] หนามแทงแขวนคาน (悬梁刺股) ในอดีต หนามแทง มาจากความตั้งใจในการอ่านหนังสือ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลับจึงใช้หนามแทงตัวเอง ส่วนแขวนคาน มาจากการอ่านหนังสือเช่นกัน เพื่อไม่ให้หลับจึงต้องมัดผมไว้กับคาน ความหมายเชิงเปรยเทียบหมายถึง เรียนอย่างหนักโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
[2] เจาะผนังขโมยแสง (凿壁偷光) มีความหมายว่า เจาะผนังห้องให้เป็นหลุมขโมยแสงจากเพื่อนบ้านอ่านหนังสือ ความหมายเชิงเปรียบเทียบคือ แม้อยู่ในสภาวะที่ยากลำบากยังคงยืนหยัดที่จะเรียนรู้อย่างหนัก