ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 198 ทำแบบทดสอบ
บทที่ 198 ทำแบบทดสอบ
“คุณนายกู้ นี่ลูกชายคนรองเหรอคะ ทั้งหล่อดูดี สุภาพอ่อนโยนมากเลยนะคะเนี่ย”
“ชมเกินไปแล้วค่ะ แล้วนี่พาลูกมาสมัครเรียนเหรอคะ?”
คุณนายหลิวพยักหน้า “นี่ลูกชายฉันเอง ทักทายคุณนายกู้สิลูก”
หลังจากแนะนำตัวกันแบบสั้น ๆ คุณนายหลิวก็โยงหัวข้อบทสนทนาเข้าหากู้เป่ยอีกครั้ง ก่อนจะพูดเป็นนัยว่าเธอมีลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศเช่นกัน อีกทั้งยังสาธยายความเก่งของลูกสาวยาวเหยียด จากนั้นก็พยายามนัดแนะให้ทั้งคู่ได้มาเจอกัน ไป๋อันหรานก็ปฎิเสธออกมาอย่างสุภาพด้วยความเคยชิน ก่อนจะพาลูกชายและลูกสาวเดินออกไปให้พ้นจากตรงนั้น
แต่ก็อย่างว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเพียงครั้งเดียว เพราะใครก็ตามที่รู้จักกับไป๋อันหรานและได้บังเอิญเจอกัน โดยส่วนใหญ่ก็ชอบพูดเปรยถึงบรรดาลูกสาว หลานสาว หรือลูกพี่ลูกน้องเพื่อขอนัดพบกันอยู่บ่อยครั้ง
ในตอนแรก รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เป่ยก็ดูเป็นธรรมชาติอยู่หรอก แต่พอเจอเรื่องแบบนี้กลับต้องยิ้มแห้งกันเลยทีเดียว
เขาดันแว่นตาของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย ถ้าเป็นพี่ใหญ่มายืนอยู่ตรงนี้เองละก็ คนพวกนี้คงไม่กล้าเดินเข้ามาพูดจาแบบนั้นแน่นอน อย่างมากก็อาจจะหลบไปคุยกับแม่เป็นการส่วนตัว
ไป๋อันหรานมองลูกชายของตนอย่างหยอกล้อ “ถึงพ่อแม่จะไม่รีบแต่ก็อย่าลืมหาด้วยล่ะ ไม่ใช่ขลุกอยู่แต่ในห้องทดลองทั้งวัน จะจริงจังกับมันมากเกินไปแล้ว นี่ถ้าแก่ขึ้นกว่านี้แล้วยังโสดเห็นจะต้องหาคู่หมั้นให้เองแล้ว”
กู้เป่ยบีบจับมือเล็กของน้องสาวไว้แน่นเป็นภาษากาย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ครับ วัน ๆ ผมก็ไม่ได้ว่างพอจะหาแฟนหรอกนะ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปที่สถาบันวิจัยอีก นาน ๆ ทีกว่าจะได้กลับบ้าน ถ้าคบใครจริง ๆ มันก็คงเป็นรักทางไกล แบบนี้มันจะไม่เป็นการเอาเปรียบผู้หญิงแย่เหรอครับที่ต้องมารอผม?”
ไป๋อันหรานก็คิดเช่นนั้น แต่อีกใจก็ทนรอแทบไม่ไหวที่จะมองหาคนที่คู่ควรมาให้ คนเราไม่สามารถอยู่ในห้องทดลองไปได้ตลอดชีวิตหรอกนะ
“แล้วที่สถาบันก็มีผู้หญิงเก่ง ๆ อยู่ตั้งเยอะ ไม่สนใจใครบ้างเลยเหรอ?”
กู้เป่ย “ให้ฟ้าเป็นคนกำหนดเถอะ ตอนนี้ทางผมน่ะไม่ได้รู้สึกชอบใครเป็นพิเศษ ทำไมไม่ลองไปเร่งทางพี่ใหญ่ดูบ้างล่ะ?”
เมื่อนึกถึงใบหน้าอันแสนเย็นชาของเจ้าคนโต ไป๋อันหรานก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นมันคงน่าอายมากกว่าถ้าเกิดไม่มีใครสนใจมาเป็นคู่ครองของเขาเลย ฉะนั้นเธอต้องรีบกลับไปเร่งเขาเช่นกันแล้ว!
กู้เป่ยก้มศีรษะลงมองหนวนหน่วนที่กำลังจ้องกลับมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่จะยกมือขึ้นบีบแก้มของน้องสาวอย่างเอ็นดู
“จะมีแฟนทั้งทีก็ควรจะให้คนคนนั้นดูแลน้องสาวของผมได้ดีด้วย”
เขากับพี่ชายคนโตไม่ได้มีภาระหรือเก็บกดเรื่องอารมณ์อะไรทั้งนั้น เพียงแต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อพวกเขาเองดูแลหนวนหน่วนเหมือนกับลูกสาวของตัวเอง ฉะนั้นเงื่อนไขแรกหากจะมีแฟน เธอคนนั้นจะต้องดูแลหนวนหน่วนได้ดีด้วยเช่นกัน
ไป๋อันหรานเห็นด้วยกับประโยคนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีกฎเกณฑ์ในการรับคนเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ แต่หลังแต่งงานก็ไม่ควรที่จะสร้างปัญหาให้กับครอบครัว
เมื่อหนวนหน่วนได้ยินคำพูดนั้นเธอก็ยกยิ้มขึ้นบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ต้องดีกับพี่รองด้วย”
ไป๋อันหรานภูมิใจมากที่พี่น้องช่างสามัคคีกันเหลือเกิน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับสามีก็ดีมากเช่นกัน หลังจากแต่งงานกับตระกูลกู้ก็ไม่เคยได้รับความรู้สึกแย่จากแม่และพ่อสามีเหมือนในละครเลย มันช่างหอมหวานราวกับอยู่ในโหลน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น
เพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว และแน่นอนว่าเธอเองก็ต้องการให้ลูก ๆ มีความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะหนวนหน่วนลูกสาวตัวน้อย ได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในภายภาคหน้าเจ้าตัวเล็กจะมีชีวิตที่ดีกว่าตัวเธอเอง
เมื่อพูดถึงเรื่องหาแฟน กู้เป่ยก็รีบเปลี่ยนบทสนทนาทันที เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปหาครูใหญ่
สายตาของครูใหญ่เป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นกู้เป่ย
กู้เป่ยเองก็เคยเรียนที่นี่ตอนที่เขายังเด็ก และตอนนั้นครูใหญ่ก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังได้ประจำชั้นที่กู้เป่ยอยู่ จำได้ดีเลยว่าเขาเป็นหนึ่งในเด็กที่น่าประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ เด็กคนนี้ฉลาดแต่ก็คงความสุขุม
เมื่อเติบโตขึ้น ผลการเรียนของเขาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทิ้งห่างจากเด็กวัยเดียวกันไปเยอะมาก นอกจากนี้หลังจากที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ได้เข้าทำงานในสถาบันวิจัยที่สำคัญที่สุดของประเทศอีกด้วย เป็นใครจะไม่ภูมิใจที่มีลูกศิษย์โปรไฟล์ดีขนาดนี้กันล่ะ?
ครูใหญ่ภูมิใจอยู่ไม่น้อย
“ครูครับ” กู้เป่ยมองไปที่ชายชราตรงหน้าพลางยกยิ้มให้อย่างสุภาพ ผมของครูใหญ่ในเวลานี้มีสีเทาขึ้นแทรกในสีดำอยู่ค่อนข้างเยอะ
“กู้เป่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” ทั้งสองจับมือทักทายกัน
ครูใหญ่มองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตัน ราวกับเวลาย้อนกับไปตอนที่ทั้งสองคนพี่น้อง กู้หนานและกู้เป่ยมายืนอยู่ตรงหน้าของเขา ไอคิวของสองคนนี้สูงกว่าเด็กคนอื่นมาก และถึงแม้ว่าเขาจะเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่ก็สามารถแยกได้ง่าย
คนพี่จะหน้านิ่งหน้าตายตั้งแต่เด็ก ใบหน้าก็อ้วนท้วนและดูเชยมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูในหมู่ผู้ใหญ่อยู่ดี
ส่วนคนน้องจะยิ้มและหัวเราะง่าย อ่อนโยนและรอบคอบมาตั้งแต่เด็ก มักเป็นที่รักของสาว ๆ อยู่ไม่น้อย ทุกวันที่เขามาโรงเรียนจะต้องมีกล่องของขวัญวางเอาไว้ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้เขายังมีกลุ่มแฟนคลับขนาดใหญ่ด้วย
ฝาแฝดทั้งสองรั้งอันดับหนึ่งของสายชั้นทุกปี พวกเขาเสมอกันมาตั้งแต่อนุบาล พูดได้เลยว่าเกรดดีเหมือนหน้าตาไม่มีผิด ทำเอาพวกเด็กผู้ชายต่างเกลียดขี้หน้ากันยกใหญ่ เพราะสองคนนี้ค่อนข้างป็อปในหมู่สาว ๆ ทุกคนต่างมาเทใจให้ทั้งคู่กันหมด
แต่อย่าคิดว่าจะรังแกกันง่าย ๆ เพราะผลการเรียนดี ตรงกันข้าม พี่น้องสองคนนี้นอกจากจะเรียนเก่งแล้วยังทะเลาะกันอย่างดุเดือดอีกด้วย
กู้หนานชอบที่จะตอบโต้กลับทันควันอย่างยุติธรรมตลอด ส่วนทางน้องชายจะอาศัยแอบแก้แค้นโดยไม่ให้คนอื่นรู้ตัวมากกว่า และสุดท้ายแล้วพวกที่มารังแกก็จะเป็นฝ่ายโดนดีกันทั้งนั้น
ครูใหญ่จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
เจ้าเกี๊ยวสามกลีบขาวตัวเล็กในตอนนั้น ตอนนี้โตขึ้นมากขนาดนี้แล้ว
หลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ กู้เป่ยก็บอกจุดประสงค์ที่เขาเข้ามาโรงเรียนวันนี้
ครูใหญ่จ้องมองหนวนหน่วนแล้วพยักหน้าน้อย ๆ “ได้สิ แต่ตามหลักแล้ว ต้องให้เธอลองทำข้อสอบดูก่อน”
กู้เป่ยไม่อยากทำให้ครูใหญ่ต้องอึดอัดใจ หากน้องสาวของเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอ เขาคงไม่เสนอให้เธอได้เรียนชั้นประถมสองหรอก นั่นไม่ใช่การส่งเสริมเธอ แต่เป็นการทำร้ายกันทางอ้อมเลยละ
“มาเร็วสาวน้อย ลองทำแบบทดสอบนี่ดูหน่อย”
หนวนหน่วนรับกระดาษข้อสอบมาไว้ในมือพลางพูดขอบคุณอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณค่ะครูใหญ่”
หลังจากพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาแล้ว เธอก็เดินไปทำข้อสอบอย่างใจเย็น
ตอนนี้เธอพัฒนาขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะอับอายอีกต่อไปแล้ว!
เมื่อมองไปยังเด็กหญิงที่เหมือนตุ๊กตาหยกอันบอบบาง ครูใหญ่ก็นึกถึงกู้เป่ยในวัยเด็กขึ้นมา ชายชราหัวเราะออกมาทันที
“น้องสาวเธอนี่สุภาพเหมือนเธอตอนเด็กไม่มีผิดเลยนะ”
กู้เป่ยเป็นคนมีนิสัยสุภาพมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่เขาไม่ได้ช่างพูดสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เคยถูกโอ๋เลย ตรงกันข้ามคือทุกคนทำเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยไม่มีผิด
ชายหนุ่มมองไปที่หนวนหน่วนแล้วยิ้มขึ้นมา “เธอดีกว่าผมมากครับ”
น้ำเสียงนี้ช่างดูภูมิใจนำเสนอมาก หากคนไม่รู้คงคิดว่าเด็กหญิงเป็นลูกของเขาแน่นอน
ครูใหญ่หัวเราะชอบใจ
กู้อันเงียบลงทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของครูใหญ่ เขาพยายามหลบซ่อนตัวอยู่หลังแม่ ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะสังเกตเห็นตัวเองได้ เด็กชายยังภาวนาอยู่ในใจให้ครูใหญ่มองไม่เห็นอีกต่างหาก