ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 195 หนวนหน่วนสุดยอดจริง ๆ
บทที่ 195 หนวนหน่วนสุดยอดจริง ๆ
หนวนหน่วนอ้าแขนออก ไป๋อันหรานเข้าสวมกอดอยู่พักใหญ่ คลอเคลียแก้มยุ้ยขาวนวลนุ่มนิ่มอย่างสนิทสนม ก้อนปุกปุยหลายก้อนวิ่งเข้ามารายล้อมอยู่แทบเท้ารอบตัวเธอพลางส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ ขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเด็ก ๆ ต่างเงยหน้ามองเด็กน้อยหนวนหน่วนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอต่างหาก
ไป๋อันหรานไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะเผลอเหยียบเจ้าตัวเล็กพวกนี้เข้า
ในเวลานี้ หนวนหน่วนหยิบนกหวีดหยกขาวออกมาจากคอแล้วเป่าสั้น ๆ สองครั้ง
“ทั้งหมด ยืนตรง”
หลังจากลั่นสี่คำนี้ออกมา เหล่าปุกปุยที่รายล้อมไป๋อันหรานอยู่ก็กระพือปีกน้อย ๆ แล้วยืนเรียงแถวอย่างว่าง่าย เชื่อฟังเป็นพิเศษ
ดวงตาของไป๋อันหรานฉายแววประหลาดใจ “ทำไมเชื่อฟังจัง?”
เมื่อได้ยินคำชมของแม่ หนวนหน่วนก็ตัวแทบลอย “อื้มอื้ม หนวนหน่วนเป็นคนฝึกเองค่ะ พวกมันเข้าห้องน้ำเป็นด้วยนะ”
ไป๋อันหรานยังเปิดร้านเสื้อผ้าและร้านเสริมสวยอีกด้วย ปกติเธอจะยุ่งมาก ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้มาที่ฟาร์ม คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ลูกสาวของเธอจะฝึกฝนเจ้าพวกปุกปุยที่เพิ่งฟักออกจากไข่เหล่านี้ได้ดีทีเดียว
น่าภาคภูมิใจเหลือเกิน!
ถามว่าจะมีใครทำแบบนี้ได้ในวัยเดียวกับลูกสาวของเธอ!
“หนวนหน่วนสุดยอดจริง ๆ เลยจ้ะ!”
ไป๋อันหรานหอมแก้มเด็กหญิงตัวน้อย ชื่นชมลูกสาวอย่างภาคภูมิใจ
หนวนหน่วนตัวจะลอย เริ่มรู้สึกเขินอายแล้ว
“พวกพี่ ๆ ก็ช่วยด้วยเหมือนกันค่ะ”
สายตาของไป๋อันหรานเลื่อนไปที่สองพี่น้องแล้วถามขึ้นทันที
“พวกเธอ… ไปตกบ่อโคลนกันมาเหรอ?”
สองพี่น้อง “…”
หนวนหน่วนกอดคอแม่ ยิ้มตาหยีอย่างมีความสุข
ไป๋อันหรานก็แค่ถาม ๆ ดู ไม่ได้ใส่ใจคำตอบของเด็กทั้งสองมากนัก โต ๆ กันแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตจนเกินไป พวกเขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเด็ก ๆ
หลังจากสองพี่น้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไป๋อันหรานก็อุ้มลูกสาวขึ้นมากระซิบกระซาบ
“คุณแม่คะ เสี่ยวชีก็ฟักออกมาจากเปลือกแล้ว หนูจะพาแม่ไปดู!”
ว่าแล้วเธอก็จูงมือแม่เดินเข้าไปในห้องฟักไข่ ข้างหลังมีเหล่าขนปุกปุยคอยกระพือปีกน้อยตามมาติด ๆ
ในเวลานี้เสี่ยวชีได้ตื่นขึ้นมาแล้ว มันกำลังนอนอยู่ในห้องอุ่น ๆ อ้าปากร้องจิ๊บ ๆ
แตกต่างจากพวกเสี่ยวอีที่ออกจากไข่ได้ไม่นานก็สามารถวิ่งวุ่นไปทั่วแล้ว ตอนนี้เสี่ยวชียังเดินไม่ได้ ได้แต่นอนอยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิ
“เฮ้อ หิวอีกแล้วเหรอ?”
ทำไมหิวเร็วจัง
หนวนหน่วนไปนำอาหารที่เตรียมไว้สำหรับเสี่ยวชีและป้อนมันด้วยแหนบอย่างคล่องแคล่ว
เจ้าเด็กน้อยยังไม่ลืมตา แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับหนวนหน่วนที่จะพูดคุยกับมัน
เธอวางแขนเล็ก ๆ ลงบนโต๊ะ ใช้แหนบป้อนอาหารเสี่ยวชีอย่างใจเย็น พลางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เจ้าตัวเล็กร้องจิ๊บ ๆ ตอบสนองบ้างเป็นครั้งคราว
ไป๋อันหรานลูบคางเมียงมองอยู่ข้าง ๆ “ถ้ากินเนื้อละก็ โตขึ้นอาจเป็นสัตว์ปีกดุร้ายก็ได้”
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อื้มอื้ม พวกพี่ ๆ ก็พูดแบบนี้ เสี่ยวชีจะดุร้ายมากเวลาโตขึ้น”
“จิ๊บ!”
ไป๋อันหรานกล่าวว่า “นกชนิดนี้มักจะต้องอยู่ในรังไม่วิ่งออกไปไหนก่อนที่มันจะบินได้ ดังนั้นหนวนหน่วนต้องเตรียมรังเล็ก ๆ ไว้ให้มัน”
หนวนหน่วนแสดงออกอย่างรู้แจ้งในทันใด “อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นวันนี้หนูจะสร้างรังเล็ก ๆ ให้มันค่ะ!”
ไป๋อันหรานยิ้มพลางลูบศีรษะฟูฟ่องน้อย ๆ ของเธอ
ในเวลานี้เจ้าปุกปุยตัวอื่น ๆ ที่อยู่แทบเท้าก็เข้ามารายล้อมส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ
หลังจากป้อนอาหารเสี่ยวชีเสร็จแล้ว หนวนหน่วนก็ย่อตัวลงลูบไล้ขนนุ่ม ๆ ของพวกมันทีละตัว “ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ ฉันจะป้อนพวกเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
พอเหล่าปุกปุยได้กินอาหาร ไป๋อันหรานก็เห็นพวกมันรีบวิ่งเข้าไปในกระบะทรายแมว แต่มันเล็กกว่ากระบะทรายแมวทั่วไป และด้านหนึ่งไม่มีฝาปิดด้านนอก ต่อให้ขาสั้นก็ยังเดินเข้าไปได้สบาย ๆ
ในนั้นมีทรายสะอาดอยู่ หลังจากที่พวกมันเดินเข้าไปก็หย่อนก้นอึ เสร็จแล้วก็ใช้อุ้งเท้าขุดทรายกลบมูลของตัวเอง
หลังจากอึเสร็จแล้วเจ้าตัวน้อยก็เดินชูคอออกมาจากห้องน้ำ เดินขึ้นไปบนกระดาษทิชชูที่ปูไว้แล้วนั่งลงบิดก้นสองสามครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเช็ดเท้า แล้วก้าวขาสั้น ๆ วิ่งร้องจิ๊บ ๆ มาอ้าปากรอป้อนอาหารต่อ
ไป๋อันหราน “…”
เมื่อครู่เป็นภาพลวงตาหรือเปล่า?
แต่เมื่อเห็นเหล่าปุกปุยทยอยวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำในกระบะเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะออกมาเช็ดก้นเช็ดเท้าตัวเอง ไป๋อันหรานก็รู้ว่าตาของตัวเองไม่มีอะไรผิดปกติ
เธอตัวแข็งเป็นหิน จากนั้นก็มองไปที่ลูกสาวของตัวเอง ภาคภูมิใจจนน้ำตาแทบร่วง!
ลูกสาวของเธอแตกต่างจากคนอื่นมาก เด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันกำลังเรียนหนังสือ บ้างก็เต้นรำเอย เปียโนเอย หรือไม่ก็วาดภาพ แต่ลูกสาวของเธอฉลาดมาก เธอซื้อฟาร์มด้วยตัวเอง แล้วยังสั่งสอนบรรดาสัตว์ตัวน้อยให้เข้าห้องน้ำได้อีกด้วย!
แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงยิ่งกว่านั้นยังมีต่อจากนั้น
“แม่คะ ได้เวลาอ่านนิทานแล้ว แม่อยากฟังหนวนหน่วนเล่านิทานไหม?”
ไป๋อันหรานพยักหน้า
หนวนหน่วนปรบมือน้อย ๆ ยิ้มเบิกบานเลื่อนเบาะรองนั่งมานั่งขัดสมาธิลง ตรงหน้าคือเหล่าปุกปุยเรียงแถวรายล้อม พวกมันนั่งลงกับพื้นอย่างเชื่อฟัง ไม่ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายใด ๆ แถมยังฟังนิทานอย่างตั้งใจ
เสียงละมุนละไมของเด็กหญิงตัวน้อยดังขึ้นภายในห้อง ประกอบกับใบหน้าละเอียดอ่อนที่ตั้งใจทำให้ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ดูไปก็เหมือนเด็กที่เล่นเป็นคุณครู
“วันนี้พวกเรามาฟังเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่กันเถอะ…”
ไป๋อันหรานไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตช่วงนี้ของลูกสาวของตน… จะมีสีสันเช่นนี้
แม้ว่าตอนเล่นเป็นคุณครูสอนหนังสือจะดูแปลก ๆ ไปบ้างก็เถอะ
หลังจากหนวนหน่วนเล่านิทานเรื่องหนึ่งจบ เธอก็พาพวกมันออกไปเดินเล่น จากนั้นก็กลับมาเข้านอน
หนวนหน่วนต้องออกจากฟาร์มแล้ว
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลกู้ พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ ก็ยังไม่กลับมา อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของพี่กู้อันแล้ว เธอควรเตรียมของขวัญอะไรให้ดีนะ?
หนวนหน่วนนอนบนเตียงกระดกเท้าขึ้น เธอเอาเชือกป่านพันรอบอ่างพลาสติกทรงครึ่งวงกลมขนาดเล็กเพื่อทำรังให้เสี่ยวชี ในขณะที่พลิกอ่านหนังสือของทำมือหลากหลายประเภทที่กางไว้ตรงหน้า
จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่หุ่นปั้นดินเหนียว
เธอกะพริบตาปริบ ๆ แล้วลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง
“รู้แล้วว่าจะทำอะไรดี!”
หลังจากได้เป้าหมาย เธอก็รีบสร้างรังของเสี่ยวชีจนเสร็จโดยการวางผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ และเศษผ้าอุ่น ๆ ลงไป พรุ่งนี้จะนำไปให้เสี่ยวชีใช้แล้ว!
“ของเสี่ยวชี”
เขียนชื่อเสี่ยวชีลงไปบนนั้นก็เสร็จเรียบร้อย
มองดูผลงานของตัวเองแล้วปรบมืออย่างพึงพอใจ หนวนหน่วนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาดูคลิปวิธีทำที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้งยังแอบจองหนังสือเกี่ยวกับดินเหนียวและที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ทางออนไลน์อีกด้วย
“ยังต้องรออีกสองวันแน่ะ”
ขณะที่กำลังพึมพำอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากข้างนอก พี่ใหญ่กลับมาแล้ว