ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 193 เสี่ยวชีที่ฟักออกมาจากเปลือก
บทที่ 193 เสี่ยวชีที่ฟักออกมาจากเปลือก
น้ำแข็งและหิมะละลายทุกสิ่ง ลำธารเล็ก ๆ ภายในฟาร์มมีกระแสน้ำไหลเพิ่มขึ้นโดยไม่ทันสังเกต หิมะที่เคยปกคลุมหญ้าแห้งได้ละลายหายไปหมดสิ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์สีส้มแดง ไม่นานก็กลายเป็นน้ำเปียกแฉะบนพื้นดิน หากถอนหญ้าแห้งบนพื้นผิวออก ก็จะพบต้นอ่อนที่งอกขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ซ่อนอยู่ มันกำลังเติบโตอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ แต่ก็แข็งแรงมากเป็นพิเศษ
‘ลูกเจี๊ยบ’ ตัวสุดท้ายของหนวนหน่วนแตกออกมาจากเปลือกสำเร็จแล้วเช่นกัน มันเป็นก้อนกลม ๆ สีขาว เมื่อเทียบกับลูกเจี๊ยบแล้ว มันเหมือนนกที่บินได้มากกว่า ปีกมีขนาดใหญ่กว่า ‘ลูกเจี๊ยบ’ ที่ฟักออกมาก่อนหน้านี้
หนวนหน่วนพยายามป้อนอาหารมันด้วยผักสดและข้าวสาร แต่เจ้าตัวเล็กไม่กิน
ตัวนี้กินเนื้ออีกแล้วสินะ
ทำไมเธอถึงคิดแบบนี้น่ะเหรอ?
เพราะสองตัวแรกก็กินเนื้อด้วย เพียงแต่อาหารของ ‘ลูกเจี๊ยบ’ สองตัวแรกนั้นค่อนข้างปะปนกันมากมายหลายอย่าง ใกล้เคียงกับอาหารของไก่จริง ๆ แต่พวกมันชอบกินหนอนตัวเล็ก ๆ อย่างดักแด้ผึ้งและไส้เดือน ที่ชอบมากที่สุดคือดักแด้ผึ้ง
หนวนหน่วนพากลุ่มสัตว์เลี้ยงเดินเล่นไปทั่ว พวกมันพบรังผึ้งในป่า โต้วโต้วไม่ทันระวังจึงชนเข้า ทำให้หนวนหน่วนและคนอื่น ๆ ถูกฝูงผึ้งไล่ล่า
โชคดีที่ทุกคนวิ่งเร็วมาก บวกกับอากาศที่ค่อนข้างเย็นจึงมีผึ้งไล่ตามมาไม่มากนัก
แต่เรื่องนี้เข้าหูกู้หมิงหลี่และพวกพี่ ๆ แล้ว รังผึ้งจึงหายไปในวันนั้น กู้หมิงหลี่เป็นคนสอยลงมา
หนวนหน่วนเลยได้น้ำผึ้งหวานเจี๊ยบเอาไว้ชงกับน้ำดื่ม ดักแด้ผึ้งที่อยู่ข้างในถูก ‘ลูกเจี๊ยบ’ จิกกินอย่างมีความสุขจนหมด วันนั้นพวกมันอารมณ์ดีสุด ๆ
ดังนั้นเพื่อที่จะเลี้ยงดูสองตัวนี้ หนวนหน่วนจึงตัดสินใจเพิ่มแผนการเลี้ยงผึ้งอีกกล่องในฟาร์มเป็นการชั่วคราว
“พี่ชายพี่สาวที่อยู่ตรงหน้าเธอมีชื่อตั้งแต่เสี่ยวอีไปจนถึงเสี่ยวลิ่ว ต่อจากนี้ไปเธอก็ชื่อเสี่ยวชีแล้วกัน”
หนวนหน่วนใช้แหนบคีบดักแด้ผึ้งอวบอ้วนหลายตัวยื่นไปตรงหน้าเสี่ยวชี ตอนนี้เสี่ยวชีที่ไม่เคยยอมกินอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องโหยหวน ในที่สุดก็อ้าปากกินดักแด้ผึ้งเข้าไป
ไป๋โม่ฮัวเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มันเป็นนกอะไรเหรอ?”
“จะเป็นนกพิราบหรือเปล่า?”
กู้อัน “ฉันว่าเป็นนกกระจอก”
กู้หมิงหลี่ “มั่ว นกกระจอกกับนกพิราบไม่ใหญ่ขนาดนี้! ฉันคิดว่าน่าจะเป็นนกอินทรี”
เขาก็หวังว่าจะเป็นนกอินทรี นกอินทรีหล่อจะตาย พอถึงตอนนั้นเขาสามารถพาไปที่สนามกีฬาเพื่อจับกระต่ายได้
กู้หมิงอวี๋เอามือลูบคาง “ฉันกลับรู้สึกว่าอาจจะเป็นนกยูง”
กู้หมิงหลี่เหลือบมองพี่ชายอย่างรังเกียจ “เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นพวกที่บินบนท้องฟ้าได้ นกยูงบินได้เหรอ?”
กู้หมิงอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย “ทำไมจะบินไม่ได้ล่ะ บินได้สั้น ๆ ก็คือบินได้ อย่าคิดว่านกยูงไม่ใช่นกสิ”
“พี่ต่างหากที่เป็นนกยูง”
กู้หมิงอวี๋ “ขอบคุณสำหรับการยกย่อง”
กู้หมิงหลี่ “…”
ฟังยังไงถึงคิดว่าเขากำลังยกย่องอยู่?
หนวนหน่วนป้อนอาหารนกตัวน้อยที่เพิ่งฟักออกจากเปลือกได้ไม่นานจนอิ่ม หลังจากสงบลงแล้วก็พาพวกที่เดินไปทั่วออกไป
พอเธอออกไป ตั้งแต่เสี่ยวอีถึงเสี่ยวลิ่วก็กระพือปีกขนปุยเล็ก ๆ เดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว กวัดแกว่งไปมาช้าเร็วตามหางปุยช่อเล็ก ๆ หนวนหน่วนเองก็ตัวเล็กเหมือนกัน ดูขบขันและน่ารักมาก
กู้หมิงอวี๋หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและถ่ายภาพนี้อีกครั้งโดยไม่เบื่อหน่าย แม้ว่าในโทรศัพท์ของเขาจะมีภาพแบบนี้อยู่แล้วมากมาย
“พวกเธอต้องเชื่อฟังนะ ห้ามอึอึ๊ในบ้าน ต้องเป็นเด็กรักษาความสะอาด รักอนามัย รู้ไหม?”
เด็กน้อยหนวนหน่วนเดินนำหน้าพาบรรดา ‘ลูก ๆ’ ของตัวเองออกไปข้างนอก พลางกำชับด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ ของเธอ
“จิ๊บ ๆ…”
เหล่าปุกปุยที่อยู่ข้างหลังกระพือปีกนุ่มเล็ก ๆ ร้องเรียกสองครั้งเหมือนเป็นการตอบเธอ
พวกนกมักจะลำไส้ตรง กินไปอึไปได้ ตอนแรกหนวนหน่วนพกกระดาษทิชชูและถุงขยะไว้เพื่อจัดการกับอึของพวกมัน แต่เหล่าพี่ชายทนไม่ได้
น้องสาวที่พวกเขารักมาก ไม่อยากให้เธอทำอะไรเลย กลับมาคอยตามเก็บอึของพวกสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้! พวกพี่ชายจึงไม่ถูกชะตากับบรรดาเจ้าตัวเล็กเหล่านี้มาก
พยายามเกลี้ยกล่อมหนวนหน่วนอยู่หลายครั้งให้เลี้ยงวัวและฝูงไก่ในฟาร์มก็พอแล้ว
หนวนหน่วนยังอาลัยอาวรณ์ เจ้าตัวเล็กพวกนี้ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหนวนหน่วนเป็นคนแรก พอพวกมันเห็นเธอเป็นแม่แล้วก็ตัดใจไม่ลง
อีกอย่างแต่ละตัวก็ดูลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนรับรู้ถึงอันตรายจากเหล่าพี่ชาย ทุกครั้งที่ถูกจ้องมองอย่างไม่เป็นมิตรจะตัวสั่นขดตัวร้องจิ๊บ ๆ อยู่แทบเท้าของหนวนหน่วน เหมือนถูกรังแกอย่างน่าสงสาร
จากคำพูดของกู้หมิงอวี๋หมายความว่า เจ้าตัวเล็กเหล่านี้ ‘มารยาสาไถย’ แสดงเก่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองถูกสัตว์ตัวเล็กกลุ่มหนึ่งวางยาเข้าให้แล้ว!
เพื่อให้พวกหงส์น้อยกับ ‘ลูกเจี๊ยบ’ ของเธออยู่ร่วมกับบรรดาพี่ชายอย่างสงบสุข หนวนหน่วนจึงรวมพลเจ้าตัวเล็กทุกวัน จากนั้นก็เตรียมห้องน้ำเล็ก ๆ ให้พวกมัน เธออดทนพร่ำสอนให้พวกมันอึอึ๊ในห้องน้ำทุกวัน แม้กระทั่งเวลาเรียนหนังสือยังพาพวกมันไปด้วย!
ราวกับหนวนหน่วนมุ่งมั่นที่จะอบรมลูก ๆ ของตัวเองให้เป็นนักเรียนดีเด่นในมหาวิทยาลัยอย่างนั้นแหละ
จากคำพูดของหนวนหน่วน แม้จะเป็นลูกเจี๊ยบก็ต้องฉลาดและรอบรู้มากกว่าไก่ตัวอื่น
ประเด็นสำคัญคือลูก ๆ เหล่านี้ค่อนข้างว่าง่าย ทุกครั้งที่หนวนหน่วนอ่านหนังสือ พวกมันจะอยู่แทบเท้าของเธออย่างเชื่อฟังเป็นพิเศษ เจ้าตัวเล็กดูตั้งใจเรียนจริง ๆ เหมือนนักเรียนมากกว่ากู้หมิงหลี่เสียอีก
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอบรมเรื่องสุขอนามัยให้พวกมัน เด็ก ๆ เหล่านี้อึเก่งมาก
หนวนหน่วนสอนพวกมันว่าหากอยากอึอึ๊ในบ้านให้วิ่งไปที่ห้องน้ำ ถ้าอยู่ข้างนอกก็ให้อึในพุ่มดอกไม้หรือพงหญ้า แต่ไม่ใช่บนถนน
ตอนนั้นบรรดาพี่ชายต่างคิดว่าน้องสาวไร้เดียงสาเกินไป เจ้าตัวเล็กพวกนี้ฟังภาษามนุษย์ไม่เข้าใจ แล้วจะเชื่อฟังได้อย่างไร
แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ… พวกมันเชื่อฟังจริง ๆ
ในเวลาเพียงสามวัน กู้หมิงหลี่และพวกเขาก็พบว่าเจ้าพวกตัวเล็กเหล่านี้ไม่อึเรี่ยราด พวกเขายังโชคดีได้เห็นเจ้าตัวเล็กหลายตัววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วในเวลาที่มันต้องการอึ พอเสร็จกิจยังใช้กรงเล็บขุดทรายกลบด้วย พฤติกรรมเช่นนั้น พูดได้อย่างเดียวคือเหมือนแมวในบ้านไม่มีผิด
แต่ที่เจ๋งที่สุดคือน้องสาวของพวกเขาต่างหาก!
เรื่องนี้ผ่านไปสองวันแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังได้ยินหนวนหน่วนอบรมบรรดาลูกหงส์และ ‘ลูกเจี๊ยบ’ เหล่านั้นให้รักอนามัยด้วยเสียงงุ้งงิ้งอย่างไม่เบื่อหน่าย อย่างเช่นเข้าห้องน้ำอย่างไร กินเสร็จต้องใช้ทิชชูเช็ดปาก เมื่อกลับมาจากข้างนอกต้องเช็ดเท้ากับพรมก่อนเข้าประตู… มองอย่างไรก็ยังรู้สึกแปลก ๆ
เสี่ยวชีที่เพิ่งฟักออกจากไข่ได้ไม่นาน ในเวลานี้ได้นอนหลับอยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิ หนวนหน่วนพาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยทั้งหมดในฟาร์มไปเดินเล่นรอบหนึ่งแล้ว มีสองพี่น้องกู้หมิงหลี่และกู้หมิงอวี๋ตามมาด้วย
หนวนหน่วนเอามือไพล่หลังเหมือนผู้นำที่กำลังตรวจดูสถานการณ์ลูกน้องใต้บังคับบัญชา ใบหน้าน้อยอันบอบบางน่ารักสุด ๆ เธอดูตรงนั้นทีตรงนี้ที จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ