ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 191 ลูกม้าตัวน้อย
บทที่ 191 ลูกม้าตัวน้อย
แม้ว่าจะมีความคิดนี้ แต่เมื่อหันมองกู้เป่ยผู้อ่อนโยนที่อยู่ข้างกาย ในหัวมู่ชิงก็นึกถึงหุ่นยนต์อันตรายนานาชนิดและอาวุธลับยากแก่การป้องกันที่เขาผลิตขึ้น
มันยังเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ได้รับอนุญาตจากเบื้องบนให้สวมใส่ อย่าคิดว่าเขาดูหน้าตาอ่อนโยน เวลาใช้กำลังขึ้นมา คนที่เสียหายต้องเป็นคนอื่นแน่นอน
ไม่แม้แต่กู้หนาน พี่ชายที่มีหน้าตาเหมือนกันกับกู้เป่ยทุกประการ หึหึ… ดูท่าเขาคงต้องตายอย่างน่าอนาถ ยอมแพ้เสียดีกว่า
ด้วยความช่วยเหลือจากบรรดาพี่ชาย โครงการฟาร์มของหนวนหน่วนจึงเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นจึงเริ่มก่อสร้างปรับปรุงใหม่
คอกวัว คอกแกะ และโรงเลี้ยงไก่ต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ จำเป็นต้องก่อสร้างคอกม้า เพราะถึงอย่างไรหนวนหน่วนก็ต้องเลี้ยงลูกม้าตัวหนึ่งที่นี่
แต่สุดท้ายม้าที่ส่งมากลับมีสองตัว
ม้าขาวสองตัวนั้นสวยงามมากทั้งคู่ พวกมันเป็นแฝดกัน หน้าตางดงามมาก กู้หนานสะดุดตาตั้งแต่ตอนที่เลือกม้าให้น้องสาวแล้ว
ลูกม้าแฝดอายุสิบเดือนสองตัวหย่านมแล้ว ตอนที่พวกมันจากแม่มาที่ฟาร์มยังคงกระสับกระส่าย ในไม่ช้าก็ถูกขังไว้ในคอกม้าที่สะอาดสะอ้าน
หนวนหน่วนเฝ้ารอการมาถึงของพวกมันอยู่นานแล้ว เด็กหญิงหอบหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่พี่ชายใหญ่ส่งมาทางอากาศจากสถานที่อื่นแล้วยืนจ้องลูกม้าขาวสองตัวที่ตัวสูงกว่าเธอมากทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ
“สวัสดีจ้ะ”
เธอวิ่งหอบแฮ่ก ๆ เข้าไปพร้อมกับหญ้าสดพลางทักทายเสียงเบาและนุ่มนวล เพราะกลัวว่าหากเสียงดังเกินไปจะทำให้พวกมันตกใจ
ลูกม้าขาวตัวน้อยทั้งคู่เป็นสีขาวหิมะทั้งตัว รูปร่างได้สัดส่วนสวยงามเป็นพิเศษ แผงคอของพวกมันนุ่มลื่นสวยงาม หางม้าก็พลิ้วดั่งน้ำตก
แม้ว่าหน้าตาแทบจะเหมือนกันทุกประการ แต่ก็แยกแยะได้ง่ายมาก
เนื่องจากดวงตาของพวกมันแตกต่างกัน ดวงตาของม้าขาวตัวหนึ่งมีสีเข้มราวกับหินอัคนี ทั้งสะอาดและบริสุทธิ์ ขนตาก็ยาวงดงามมาก
ดวงตาของม้าอีกตัวหนึ่งเป็นสีไอซ์บลู เหมือนทั้งอัญมณีโปร่งแสง ทั้งมหาสมุทรสีคราม ดวงตาคู่นี้ก็งดงามไม่แพ้กัน
หนวนหน่วนวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไป วางหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่หอบไว้ลงในรางอาหารสัตว์ แล้วสบสายตากับลูกม้าตัวน้อยทั้งสองตัว
ดวงตาใสสะอาดงดงามทั้งสามคู่สบประสานกัน ไม่กี่วินาทีต่อมาหนวนหน่วนก็ลองยื่นฝ่ามือน้อยของตัวเองออกไป วางลงบนหัวของม้าขาวตัวหนึ่งอย่างตื่นเต้นและระมัดระวัง
เธอคิดมาดีแล้วว่า หากม้าสองตัวไม่ชอบเธอละก็… ก็ลองอยู่ด้วยกันให้มากขึ้นอีกสักพัก ความสัมพันธ์ก็จะพัฒนาขึ้น
แต่ผลลัพธ์กลับดีผิดคาดมาก ลูกม้าขาวตัวนั้นไม่หลบมือของเธอ เพราะหนวนหน่วนลูบหัวมันได้สำเร็จ เธอจึงเผยรอยยิ้มสดใสน่ารักออกมา
“เด็กดี”
เธอพึมพำอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ลองลูบลูกม้าขาวอีกตัว มันก็ไม่หลบเหมือนกัน
เด็กหญิงตัวน้อยยิ่งมีความสุข เธอหยุดแล้วเริ่มหยิบหญ้าป้อนพวกมัน
ได้เห็นลูกม้าขาวสองตัวกินหญ้าในมือของตนก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นที่สุด
เธอยังคงเป็นที่โปรดปรานในหมู่สัตว์ตัวน้อย ฮิฮิ…
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่ ๆ รีบมาดูเร็ว พวกมันกินหญ้าที่หนูป้อนแล้ว!”
หลังจากให้อาหารลูกม้าขาวแสนสวยทั้งสองแล้ว หนวนหน่วนก็รู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนเหยียบเมฆ เธอเดินเข้าไปข้าง ๆ บรรดาพี่ชายทีละก้าว ใบหน้าขาวนวลจ้ำม่ำแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาอันงดงามในเวลานี้เปล่งประกายราวกับดวงดาว
กู้หนานอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นมาทันที
กู้เป่ยลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะชัดเจน
“หนวนหน่วนของพวกเราเป็นเด็กดีขนาดนี้ แล้วพวกมันจะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ”
เขาชมเด็กหญิงตัวน้อยจนเขินไปหมดแล้ว
“ไข่หงส์ที่เธออยากได้ส่งมาถึงแล้ว หนวนหน่วนเลือกไข่ที่ตัวเองชอบได้เลยนะ ทั้งหมดเป็นหงส์”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ เธอแค่ต้องการเลี้ยงห่านขาว นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะหาหงส์มาให้เธอ!
“เป็นอะไรไป ไม่ชอบเหรอ?”
หนวนหน่วนส่ายหน้า “ชอบค่ะ!”
ว่าแล้วก็จูงมือบรรดาพี่ชายเดินตามพวกเขาไปเลือกไข่
ในที่สุดเธอก็เลือกไข่หงส์ที่ถูกชะตามาสี่ฟอง เป็นหงส์ขาวสองฟอง หงส์ดำสองฟอง
คุณอาขายไข่คนนั้นยังหยิบไข่ออกมาจากอีกกล่องหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าไข่หงส์มาก เหมือนจะเป็นไข่ไก่
“ไข่ใบนี้เราไม่รู้ว่าเป็นไข่อะไร หนูจะลองเลือกไปฟักดูสักสองสามฟองไหม?”
หนวนหน่วนชะโงกหน้าเหลือบมองด้านใน จากนั้นเลือกไข่ออกมาอีกสามฟอง
“ขอบคุณค่ะ”
เธอประคองไข่สามฟองที่ไม่รู้ว่าเป็นไข่อะไรไว้ พลางกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพอ่อนโยน
คุณอาคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอให้โชคดีนะหนูน้อย”
หนวนหน่วนวางไข่หลายฟองที่ประคองไว้ลงในกล่องฟักไข่อย่างระมัดระวัง เพื่อการฟักไข่หงส์ทั้งสองคู่นี้ กู้เป่ยได้ติดตั้งกล่องฟักไข่ขนาดเล็กไว้ให้แล้ว เมื่อมองผ่านประตูกระจกใสเข้าไป ก็จะเห็นไข่เจ็ดฟองที่กำลังจะฟักออกมาได้อย่างชัดเจน
“รอไปก่อนนะ จะใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบกว่าวันในการฟักไข่”
หนวนหน่วนเข้ามาใกล้กระจก จ้องมองไข่ที่กำลังฟักด้วยดวงตากลมโตดำขลับเป็นประกาย
“ถ้าอย่างนั้นหนวนหน่วนมาดูพวกมันออกมาจากเปลือกได้ไหมคะ?”
“ได้อยู่แล้ว”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มละมุนละไม เริ่มตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นหงส์น้อยสี่ตัวและเจ้าตัวเล็กอีกสามตัวที่เธอเลือกมาออกจากเปลือกไข่
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของกู้เป่ยดังขึ้น เขารับสายแล้วพูดกับหนวนหน่วนที่ยังดูกล่องฟักไข่อยู่
“ต้นกล้าไม้ผลมาส่งแล้ว”
หลังจากที่ต้นกล้าไม้ผลมาถึง ทั่วฟาร์มก็เริ่มมีชีวิตชีวา จากการวางแผนก่อนหน้านี้ ผู้ดูแลฟาร์มที่เข้ารับตำแหน่งแล้วได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในการปลูกต้นไม้มาอย่างดี พวกเขาเริ่มลงมือปลูกด้วยบรรยากาศคึกคัก
กู้หนานและกู้เป่ยยุ่งมาก บางครั้งถึงเจียดเวลามาอยู่เป็นเพื่อนหนวนหน่วนได้ ส่วนใหญ่กู้หมิงหลี่ ไป๋โม่ฮัว และกู้อันจะเป็นคนพาเธอมาที่ฟาร์ม
เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกม้าสองตัว หนวนหน่วนจึงวิ่งมาที่นี่เกือบทุกวัน ทันทีที่มาถึงในตอนเช้าก็คุยกับลูกม้าสองตัวเป็นเวลานาน ยังคอยให้อาหารพวกมันด้วย เมื่อคุ้นเคยกับลูกม้าแล้วจึงปล่อยพวกมันออกมาวิ่งเล่นรอบ ๆ สนามหญ้ากับลูกวัวในฟาร์ม เธอจะมีสัตว์เหล่านี้อยู่รอบกายเสมอ เป็นช่วงเวลาอันแสนสุขเลยทีเดียว
เธอยังพาพวกมันไปที่สวนผลไม้เพื่อดูผู้ใหญ่ปลูกต้นไม้ด้วยกัน ดูไปดูมาก็อดลงมือเองไม่ได้ บางครั้งก็ถือถังน้ำเล็ก ๆ ไปรดไม้ผลเหล่านี้โดยไม่กลัวรองเท้าสกปรก บางครั้งก็ถือพลั่วน้อยขุดหลุมหอบแฮ่ก ๆ ค่อย ๆ ปลูกต้นอ่อนอย่างอารมณ์ดี
เล่นจนถึงเวลาอาหารกลางวันถึงกลับไป แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่สกปรกเกินไป เธอจึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยไปกินข้าว
เด็กหญิงตัวน้อยขาวผ่องละมุนละไมกำลังรับประทานอาหารกลางวันไปพร้อมกับเฝ้าดูเหล่าหงส์น้อยที่ยังฟักไข่อยู่ หลังกินข้าวเสร็จก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่ง ยกเก้าอี้เล็กมาอ่านหนังสือคอยเฝ้าต่อไป ทุกครั้งที่อ่านหนังสือจะส่งสายตาให้กำลังใจพี่ชายทั้งสองที่กำลังเรียนอยู่
กู้หมิงหลี่และกู้อันที่ทำการบ้านวันหยุดฤดูร้อนเสร็จแล้ว “…”
ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวไม่เสร็จแล้ว!
ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน นักเรียนไม่เอาไหนสองคนถูกน้องสาวของตัวเองบังคับให้กลายเป็นคนชอบเรียน ทุกวันต้องเรียนหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อเพื่อน ๆ ของพวกเขารู้เข้าก็เริ่มสงสัยในการใช้ชีวิตของทั้งสอง
จากนั้นเรียนไปเรียนมา หนวนหน่วนก็เอนกายพิงพี่สี่ผล็อยหลับไป
กู้หมิงหลี่มองน้องสาวที่เอนกายพิงตัวเอง เด็กหญิงกรนเบา ๆ แต่มือก็ยังถือหนังสืออยู่ เขาจึงอดบีบจมูกน้อย ๆ ของเธอไม่ได้
“พี่ยังคิดว่าเธอจะไม่เหน็ดเหนื่อยเสียอีก!”
แต่น้ำเสียงเขาก็แฝงไว้ด้วยความรักและเอ็นดูเหนือคำบรรยาย
วิ่งเล่นกับสัตว์พวกนั้นมาตลอดช่วงเช้า กินข้าวเสร็จยังมีแรงเรียนหนังสือก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว
กู้หมิงหลี่วางหนังสือในมือลง อุ้มน้องสาวที่กำลังอิงกายเคลิ้มหลับขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องเล็ก ๆ ของเธอ
หลังจากวางหนวนหน่วนที่กำลังเคลิ้มหลับลงบนเตียงนุ่มและห่มผ้าห่มให้แล้ว กู้หมิงหลี่ก็ออกไปโทรศัพท์หาคนขับรถ
“ไปซื้อเสื้อผ้ากันเปื้อนและรองเท้าบูตกันน้ำให้หนวนหน่วนหน่อย”
ทั้ง ๆ ที่ปกติจะเป็นคนว่าง่ายเรียบร้อย แต่เมื่อเล่นกับสัตว์เหล่านั้นจะวิ่งไปทั่ว เอาตัวเองไปปะปนอยู่ในฝูงชนเพื่อช่วยปลูกต้นไม้ จะว่าก็ไม่ได้เพราะเธอปลูกได้ดีมาก อีกทั้งยังไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยสักนิด เสื้อผ้าจึงเละเทะไปตามระเบียบ