ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 190 พี่สี่ พี่กู้อัน พวกเรามาอ่านหนังสือกันเถอะ~
บทที่ 190 พี่สี่ พี่กู้อัน พวกเรามาอ่านหนังสือกันเถอะ~
หนวนหน่วนกอดขาพี่รองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขาวผ่องของตัวเองขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“จริงเหรอคะ!”
เด็กหญิงดีใจมาก
กู้เป่ยอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักของตน “อื้ม พวกเขาจะช่วยดูให้ได้ว่าดินและน้ำที่นี่เหมาะที่จะปลูกพืชพันธุ์แบบไหนได้บ้าง จะต้องดูด้วยว่าอยากปลูกอะไร แล้วจะปลูกได้ไหม”
หนวนหน่วนยิ้มบางก่อนจะใช้แขนโอบกอดรอบคอพี่รองเอาไว้อย่างมีความสุข จากนั้นก็จุ๊บลงบนใบหน้าของเขา
“พี่รองใจดีจังเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ใช้แก้มยุ้ย ๆ ของตัวเองแนบเข้ากับใบหน้าของพี่รองอย่างเขินอาย พวกพี่ชายที่อยู่รอบข้างรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
หลังจากเยี่ยมชมสวนผลไม้และป่าบนภูเขาแล้ว พวกเขาก็นั่งรถเที่ยวชมไปยังบ่อปลา เมื่อเทียบกับทุ่งหญ้าและสวนผลไม้ที่กว้างใหญ่แล้ว บ่อปลาค่อนข้างเล็กกว่ามาก และมันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย
เด็กหญิงโบกมือไปมากลางอากาศ “หนูจะเอาดอกบัวมาลงแล้วก็เลี้ยงปลา”
เธอว่าพลางจดบันทึก
หลังจากเดินไปมาอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ในที่สุดคนตัวเล็กที่คึกคักอยู่เมื่อครู่ก็เริ่มรู้สึกอ่อนล้า แล้วเธอก็ถูกดึงไปอุ้มอย่างง่ายดายในอ้อมกอดอุ่น
หนวนหน่วนหาวพลางเงยหน้าขึ้น พบว่าพี่รองกำลังมองเธออยู่
“พี่รอง~”
เด็กหญิงส่งเสียงเบาหวิว ใช้นิ้วเล็ก ๆ จับเข้าตรงเสื้อโค้ตของพี่รองแล้วเอียงศีรษะพิงลงบนแขนของเขา หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นขยี้เปลือกตาเบา ๆ ถึงดวงตาจะปิด แต่เธอก็พยายามลืมตา ปากหาวครั้งแล้วครั้งเล่า
“นอนเถอะ”
กู้เป่ยจับให้หนวนหน่วนนอนอยู่ในท่าที่สบายขึ้น โดยให้ศีรษะเล็กวางอยู่บนแขนของเขา ก่อนจะใช้ฝ่ามือเรียวสวยลูบหลังเด็กหญิงในอ้อมแขนเบา ๆ แล้วกล่อมให้เธอหลับ
เสียงของหนวนหน่วนฟังดูล่องลอย เธอพึมพำออกมาว่า “หนิวหนิว… หนวนหน่วนก็คิดแบบนั้น เดี๋ยวไปหานะ”
“ไว้ไปถึงจะเรียกหานะโอเคไหม?”
หนวนหน่วนฝังใบหน้าของเธอไว้ในอ้อมแขนของพี่รองแล้วขยับตัวเบา ๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปฏิเสธดังข้างหู
“ไม่ต้องหรอก หลับเถอะ… ลืมตาไม่ไหวแล้ว”
เธอหาวออกมาอีกครั้งพร้อมน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตา
หนวนหน่วนพยายามอย่างมากที่จะลืมตา โชคดีที่รถวิ่งเร็วจึงยังลืมตาได้จนถึงคอกวัว วัวทั้งสองตัวกำลังกินหญ้าอยู่ อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น มันจึงดีกว่าถ้าให้อาหารพวกมันตรงคอกวัว
หนวนหน่วนเดินไปมาอยู่ตรงหน้าวัวสองตัวอย่างกระปรี้กระเปร่า หลังพูดคุยกับพวกมัน เธอก็เดินไปหาพี่รอง ก่อนที่จะหลับไปก็ถูกคว้าตัวขึ้นไปอุ้มได้ทันเวลา
ทุกคนที่เฝ้าดูเธอคุยกับวัวอย่างลุ้นระทึกในวินาทีสุดท้าย “…”
หนวนหน่วนหลับได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ
หนวนหน่วนตัวน้อยนอนหลับอย่างสบายในอ้อมแขนของพี่ชาย ใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงก่ำ ในขณะที่กู้หนานกำลังจะถอดเสื้อโค้ตและคลุมให้น้องสาวนั้น ไป๋โม่ฮัวก็ดึงผ้าห่มออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วห่มให้เสร็จสรรพ
กู้หนาน “…”
เขาเอาเสื้อโค้ตกลับมาอย่างเงียบ ๆ
กู้หมิงหลี่และกู้หมิงอวี๋ต่างจับจ้องเข้าไปในกระเป๋าเป้ของไป๋โม่ฮัวแทบจะพร้อมเพรียงกัน ข้างในมีของกินเล่นและขนมมากมายเตรียมพร้อมเอาไว้
กู้หมิงหลี่ “…พี่ พี่บอกว่าเขากินเยอะ แต่ทำไมเขาถึงยังผอมได้ขนาดนี้นะ?”
กู้หมิงอวี๋มองไป๋โม่ฮัวอย่างคิดอิจฉา “หมอนี่คือคนที่กินแล้วไม่อ้วนในตำนานสินะ”
เขาอยากจะทำแบบนี้ได้บ้าง อยากจะทานทุกสิ่งเท่าที่ต้องการ เอาให้ผู้จัดการปวดหัวไปเลย!
ที่ฟาร์มมีห้องให้พักอาศัยอยู่ และในตอนนี้ก็มีลูกจ้างแค่เพียงคนเดียว นั่นก็คือชายชราผู้ดูแลวัวสองตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ทำการหาคนเพิ่มคร่าว ๆ แล้ว
อีกทั้งยังให้หนานเฟิงช่วยวางแผนหาคนเข้าทำงานให้ด้วย เรตเงินเดือนสูงลิ่วจนหนานเฟิงเองก็รู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อย
น้ำแข็งเริ่มละลาย อีกไม่นานก็จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว เพราะฉะนั้นจึงได้ฤกษ์จัดแต่งฟาร์มให้สวยงามสักที พวกพี่ชายอยากจะให้ฟาร์มออกมาตามแบบที่หนวนหน่วนวางแผนเอาไว้ให้ได้ในเร็ววัน
หลังจากหนวนหน่วนได้งีบหลับไปในตอนบ่ายก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นอีกครั้ง เมื่อมองเห็นป้ายรับสมัครคนงานที่พี่ใหญ่ทำไว้ เธอก็ดีใจมากจนต้องจุ๊บลงบนใบหน้าของเขา
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่~”
สีหน้าของกู้หนานยังคงเรียบเฉย แต่ถึงแม้ภายนอกจะแสดงออกแบบนั้น แต่ข้างในก็รู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย
“มาจุ๊บพี่สามด้วยสิ พี่หาสัตว์ทุกอย่างที่หนวนหน่วนอยากเลี้ยงได้ทั้งหมดแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สาม~”
“หนวนหน่วน ดูภาพที่พี่วาดให้สิ”
ไป๋โม่ฮัวถือภาพวาดแล้ววิ่งปรี่เข้ามาหา ในภาพวาดมีหนวนหน่วนกำลังนั่งอยู่บนหลังวัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนนุ่มนวล อ่อนหวานและสดใส ทุกองค์ประกอบในภาพดูดีมาก มันให้ความรู้สึกราวกับว่า ต่อให้วันนั้นคุณจะอารมณ์เสียแค่ไหน แต่ถ้าได้มองภาพวาดตรงหน้านี้ก็จะอารมณ์ดีขึ้นทันที
“ว้าว…พี่โม่ฮัวสุดยอดมากเลย!”
เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน หนวนหน่วนก็เดินไปเดินมาอยู่ในกลุ่มพวกพี่ชายแล้วเอ่ยชมไปทั่ว
เธอดูยุ่งมากทีเดียว
เด็กหญิงอยู่ที่ฟาร์มจนถึงสี่โมงเย็น จากนั้นทุกคนก็กลับบ้าน หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว หนวนหน่วนก็โผเข้ากอดคุณพ่อคุณแม่แล้วเล่าให้พวกท่านฟังอย่างตื่นเต้นถึงแผนที่วางไว้ว่าในอนาคตฟาร์มจะเป็นอย่างไร
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หนวนหน่วนที่ตั้งสติกับความตื่นเต้นได้แล้วก็ถือหนังสือเดินไปหาพี่สี่กับพี่เล็กเพื่ออ่านด้วยกัน
“พี่สี่ พี่กู้อัน พวกเรามาอ่านหนังสือกันเถอะ~”
กู้หมิงหลี่กับกู้อัน “…”
ทำไมถึงมีพลังล้นเหลือได้ขนาดนี้ล่ะ
แต่… เอาก็เอา ใครกลัวกันล่ะ!
ไม่ทันไร บรรยากาศการเรียนรู้ก็อบอวลไปทั่ว
ช่วงเวลาที่เหลือ หนวนหน่วนต้องไปที่ฟาร์มของตัวเอง เพราะเดี๋ยวรุ่นพี่ในสถาบันวิจัยการเกษตรที่พี่รองรู้จักจะเข้ามาวิเคราะห์พันธุ์ไม้ที่สามารถปลูกได้ นอกจากนี้พวกเขายังมีเส้นสายซื้อพวกต้นกล้าไม้ผลที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย
“จะปลูกแอปเปิลที่พี่สามชอบกิน ส้มเขียวหวานให้พี่ใหญ่และพี่รอง ส่วนของพี่สี่จะเป็นสตรอว์เบอร์รีจีน แล้วก็ลูกท้อ…”
หนวนหน่วนก้มลงนับนิ้วตัวเอง กู้เป่ยมองดูด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉายรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา
คนตัวเล็กรู้ แต่พวกเขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย นี่คงเพราะเจ้าตัวแอบจดบันทึกสิ่งที่พวกเขาชอบแบบลับ ๆ มาโดยตลอด
ผู้เชี่ยวชาญที่กู้เป่ยพามาต่างมองไปที่หนวนหน่วนด้วยความประหลาดใจ
“น้องสาวของนายนี่ใส่ใจจริง ๆ เลยนะ”
โดยปกติแล้ว เด็กวัยนี้มักจะสนใจแค่เรื่องที่ตัวเองชอบ และเด็กคนนี้ก็เพิ่งหกขวบเท่านั้น แต่เธอเริ่มลงทุนกับฟาร์มและบริหารจัดการมันด้วยตัวเองได้แล้ว
นี่มัน… พูดก็พูดเถอะ แต่ยีนของคนตระกูลกู้นี่น่ากลัวจริง ๆ
“จำแค่ของพวกเราเหรอ? แล้วของเธอล่ะ?”
กู้เป่ยลูบศีรษะของเจ้าเกี๊ยวน้อยด้วยความรัก
หนวนหน่วนพูดขึ้นอย่างออดอ้อน “หนวนหน่วนชอบกินองุ่นมากที่สุด แต่ผลไม้ที่พวกพี่ชอบ หนวนหน่วนเองก็ชอบเหมือนกันค่ะ”
เป็นเด็กดีเสียจริง
รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนราวกับนางฟ้าของเด็กน้อยราวกับสามารถละลายทุกสิ่งได้เลย ขอขโมยกลับไปเลี้ยงเองได้ไหมเนี่ย?
มู่ชิงกระแอมไอออกมา “ผมเคยเห็นพันธุ์องุ่นเหล่านั้นในไร่ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ทางสถาบันเรามีพันธุ์องุ่นดี ๆ อยู่เยอะเลย ถ้าสนใจเราเอามาขายให้ได้นะ แต่มันมีไม่ถึงห้าร้อยน่ะสิ เป็นองุ่นไร้เมล็ด สภาพดินที่ใช้ปลูกองุ่นตอนนี้มันไม่เหมาะเท่าไหร่ ถ้าเอาไปปลูกบนภูเขาน่าจะดีกว่านี้”
หนวนหน่วนเงยใบหน้าเล็ก ๆ อันแสนบอบบางขึ้นมองแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงออดอ้อน
“ขอบคุณค่ะพี่มู่ชิง”
มู่ชิง ‘เลือดกำเดาจะไหลออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะได้เห่อเด็กน้อยบ้าง’
เอาจริง ๆ พอเขาคิดแบบนี้ ความคิดของผู้ใหญ่ก็ฟังดูผิดกฎหมายเหมือนกันนะ