ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 189 วางแผนทำฟาร์ม
บทที่ 189 วางแผนทำฟาร์ม
ปรากฏว่าไม่เพียงแต่หนวนหน่วนจะไม่กลัวการแตะต้องเจ้าวัวเท่านั้น เธอมีความกล้ามาก ถึงกับปีนขึ้นไปขี่มันเลย!
แม่วัวแก่ตัวนี้ค่อนข้างแข็งแรง ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วมันจะไม่ชอบออกมาขยับเคลื่อนไหวเดินไปมาสักเท่าไหร่ คอยแต่ให้คนเลี้ยงนำอาหารไปให้ แต่การแบกเจ้าเด็กตัวน้อยนี้ไว้บนหลังก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่หรอก
“ว้าว… พี่ดูสิคะ สูงมากเลย!”
หนวนหน่วนนั่งอยู่บนหลังกว้างและแข็งแรงของวัวตัวใหญ่ พลางโบกมือน้อย ๆ ของตัวเองอย่างตื่นเต้น
ส่วนกู้หนานและกู้เป่ยเองก็ยืนประกบอยู่ทั้งสองด้านของน้องสาวเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหล่นลงมา
กู้หมิงอวี๋มองไปที่หนวนหน่วนด้วยดวงตาลูกท้อ รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย “ขี่ม้าน่าจะเท่กว่านะ? ทำแบบนี้มันดูเสียภาพลักษณ์ของพวกเราเกินไป”
เขาใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเองมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามต้องดูดีไว้ก่อน
หนวนหน่วนกัดปากก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “หนวนหน่วนก็เท่เหมือนกัน”
ปลายนิ้วเรียวของกู้หมิงอวี๋สะกิดลงบนหน้าผากของเด็กหญิงอย่างเบามือ
“อย่างเธอน่ะเขาเรียกว่าน่ารัก ไม่มีตรงไหนเท่เลยสักนิด”
กู้อันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยากลองขึ้นไปขี่บ้าง เขาเคยขี่ม้าแต่ไม่รู้เลยว่าวัวก็สามารถขี่ได้ คิดแล้วก็น่าสนุกไม่น้อย
แต่แล้วกู้หนานก็รีบคว้าคอเสื้อของเขาแล้วออกปากห้ามทันที
สีหน้าของกู้หนานไร้อารมณ์ “วัวตัวนี้แก่มากแล้ว จะรับนายไม่ไหวเอา”
กู้อันจึงมุ่งความสนใจไปที่ลูกวัวแทน
เจ้าวัวน้อยรู้สึกได้ถึงอันตรายจึงถอยหลังหนีไป
กู้อัน ‘เสียใจอะ!’
ไป๋โม่ฮัวพึมพำขึ้นมาอย่างร้อนใจ “ถ้าแบกกู้อันไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้น่ะสิ”
กู้หมิงหลี่ปรายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “นี่นายโง่หรือเปล่า ไม่คิดว่าร่างกายตัวเองผอมแห้งแรงน้อยบ้างเหรอ?”
ไป๋โม่ฮัวจ้องมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า “หยาบคาย ลามปามผู้ใหญ่เกินไปแล้วนะ!”
กู้หมิงหลี่ก้าวเดินช้า ๆ “อะไร ใครคือผู้ใหญ่? นายอายุเยอะกว่าฉันไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”
“ถึงฉันจะแก่กว่าแค่ครึ่งปี แต่เกิดก่อนแค่นาทีเดียวก็ถือว่าเป็นพี่ นายต้องเรียกฉันว่าพี่”
“เชอะ ฉันไม่มีพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กแบบนี้หรอก”
ไป๋โม่ฮัวก็พูดไปงั้นแหละ เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้อยากดูแก่นักหรอก
ไป๋โม่ฮัวจับใบหน้าของตัวเองด้วยความเซ็ง ทำไมกันนะ พ่อแม่ก็คนเดียวกัน แต่พี่ชายของเขากลับดูดีกว่ามาก ดูเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะปกป้องน้อง ๆ ได้ทุกเมื่อเลย แล้วทำไมเขาถึงออกมาเป็นสภาพแบบนี้ได้
เขาเป็นผู้ชายนะ แต่ตอนอยู่ที่โรงเรียนเด็กผู้หญิงทุกคนต่างคอยปกป้องเขา แถมบางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าก็ยังเรียกเขาว่าน้องอีก นี่มันอะไรกัน? มองไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว ทำแบบนี้มันก็เกินไปหน่อย!
ผู้ชายคนนี้น่าเป็นห่วงเสียจริง
วัวทั้งสองตัวค่อย ๆ เดินไปมาในฟาร์ม โดยมีต้าหวงวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน ส่วนโต้วโต้วก็กำลังบินร่อนไปมา
เหม่ยฉิวมองซ้ายมองขวาพลางสะบัดหางของมันไปมา ก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งแล้วมาหยุดอยู่ที่เจ้าวัวน้อย มันกระโดดตัวพลิ้วขึ้นไปบนหัวของลูกวัวแล้วเดินเชิดหน้าไปบนตัวของลูกวัวประมาณสองสามก้าว จากนั้นก็สะบัดหางของตัวเองไปมา ก่อนจะยืดเหยียดตัวบิดขี้เกียจแล้วนอนลงอย่างสบาย
เจ้าวัวน้อยหันศีรษะของมันไปมา พยายามมองไปด้านหลัง แต่เนื่องจากคอของมันสั้นเกินไปหน่อย จึงเห็นแค่เพียงสีขนแวบ ๆ ของเหม่ยฉิวเท่านั้น
น้ำหนักของเหม่ยฉิวนั้นเบามากเกือบจะเทียบเท่ากับขนนก ทำให้มันไม่ได้ใส่ใจเอาเรื่องอะไรมากนัก เจ้าวัวน้อยค่อย ๆ เดินตามแม่ของมันไป แต่ในบางครั้งก็เอาหัวไปถูไถกับขาของหนวนหน่วนอย่างแผ่วเบาเพื่อเป็นการบ่งบอกว่า ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ
“พี่ใหญ่ เราจะปลูกผักที่นี่กันใช่ไหมคะ?”
หนวนหน่วนชี้ไปยังบริเวณดินถมแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
กู้หนาน “อืม”
“ถ้าอย่างนั้นพอฤดูใบไม้ผลิมาถึง หนวนหน่วนจะปลูกสตรอว์เบอร์รีกับแตงโมตรงนั้น พวกพี่อยากกินอะไรกันบ้างคะ เดี๋ยวจะปลูกให้หมดเลย!”
หนวนหน่วนตัวน้อยยืดอกของเธอขึ้นอย่างภาคภูมิ นี่เป็นฟาร์มของเธอ เพราะฉะนั้นเธอจะปลูกอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ฮิฮิ
กู้หมิงอวี๋แกล้งบีบจมูกเล็กของเธอ “ดูภูมิใจจังเลยนะ? จะกินหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คนตัวเล็กแกว่งเท้าไปมาอย่างครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้ากินไม่หมดก็เอามาขาย จะได้มีเงินด้วย”
เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ
หนวนหน่วนอยากจะลงจากหลังวัวแล้ว เธอจึงอ้าแขนแล้วมองไปทางพี่ชายคนโตของตัวเองด้วยสายตาอ้อนวอน
“กอดพี่ไว้”
กู้หนานอุ้มเด็กน้อยลงมาจากหลังวัว
กู้หมิงอวี๋จิ๊ปากของเขาอย่างนึกหงุดหงิด “เจ้าตัวเล็กนี่แปลกดี ทำไมถึงคอยให้แต่พี่ใหญ่อุ้มอยู่ตลอดเลยล่ะ”
หนวนหน่วนแอบชำเลืองมองพี่สามอยู่สักพัก “เพราะว่าพี่ใหญ่ตัวใหญ่ที่สุดค่ะ”
เหตุผลอะไรกัน
หนวนหน่วนทำแก้มพองลม “พี่ใหญ่ดูแข็งแรงมากที่สุด แล้วหนวนหน่วนเองก็ตัวหนักมากด้วย พี่ใหญ่คงอุ้มหนวนหน่วนได้สบาย ๆ”
กู้เป่ยยิ้มบาง “แต่พี่รองก็ไม่ได้เกี่ยงนี่”
“หืม?”
กู้หมิงอวี๋กับกู้หมิงหลี่ต่างกอดอกแล้วมองไปที่คนตัวเล็ก
หนวนหน่วนรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น… คราวหน้าจะให้พี่รองอุ้ม ครั้งต่อไปเป็นพี่สาม ต่อจากนั้นก็จะเป็นพี่สี่นะคะ”
ไป๋โม่ฮัวเองก็ยกมือขึ้น “หนวนหน่วน แล้วพี่ล่ะ?”
หนวนหน่วนเหลือบมองเขาเช่นกัน “ครั้งต่อต่อต่อไปค่ะ!”
ไป๋โม่ฮัว “ก็ได้”
หนวนหน่วน ‘เฮ้อ… พวกพี่ไม่กลัวหนักกันเลยสักนิด’
หลังจากเด็กหญิงลงจากหลังวัว เธอก็วิ่งไปทั่วด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเอง
“พี่เล็ก อยากจะกินอะไรไหมคะ? แล้วนี่พี่รองอยู่ไหนเหรอคะ?”
คนที่เธอถามถึงยืนหารือกันอยู่บนผืนนา ทั้งสามต่างปรึกษากันเกี่ยวกับสิ่งที่จะปลูกยามเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง
“สตรอว์เบอร์รี แตงโม”
“หนวนหน่วนเอาไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น… มะเขือเทศดีไหม?”
“ก็ดีค่ะ ขอหนวนหน่วนจดก่อน”
เด็กหญิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเริ่มทำการบันทึกคำว่า สตรอว์เบอร์รี แตงโม และมะเขือเทศลงไปในนั้น
ไป๋โม่ฮัว “มันฝรั่ง ถ้าปลูกไว้เราจะได้ทำมันฝรั่งทอดกินกัน”
“โอเค!”
กู้อัน “เนื้อสัตว์ปลูกในดินได้ด้วยเหรอ?”
หนวนหน่วน “พี่เล็กซื่อจังเลย มันฝรั่งไม่ใช่เนื้อสัตว์ค่ะ”
ไป๋โม่ฮัว “จากนั้นก็น่าจะเลี้ยงไก่ แกะ แล้วก็กระต่าย พอมันโตขึ้นก็จะได้กินเนื้อมัน”
เด็กหญิงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ หนวนหน่วนก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน อยากเลี้ยงห่านขาวตัวโต ๆ ด้วย ห่านตัวใหญ่ขนาดหมายังกลัวเลยนะ”
หนวนหน่วนแอบนึกไปถึงห่านตัวใหญ่ที่เคยอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ใช่แค่พวกหมาแมวเท่านั้นที่กลัวมัน แต่พวกผู้ใหญ่เองต่างก็กลัวด้วยเช่นกัน ดังนั้นต้องมีเลี้ยงไว้เฝ้าสักตัวแล้ว
ทั้งสามกำลังปรึกษากันว่าจะปลูกอะไรดี แต่จู่ ๆ หัวข้อการสนทนาก็กลับกลายเป็นควรเลี้ยงสัตว์อะไรดี
พื้นที่ฟาร์มทั้งหมดใหญ่เกินไป กู้หมิงหลี่จึงขับรถพาทุกคนชมสถานที่อื่นเพื่อศึกษาเส้นทางในภายหลัง
ส่วนวัวทั้งสองก็ยังคงเดินหาหญ้ากินอย่างช้า ๆ ภายใต้การควบคุมของชายชรา
“บ๊ายบายเจ้าวัว เดี๋ยวหนวนหน่วนจะมาหาแกกับแม่ใหม่นะ”
“มอ~”
ลูกวัวชูคอขึ้นพลางร้องใส่เธอราวกับว่ามันตอบรับคำมั่น
พวกเขานั่งรถชมวิวมาถึงตรงส่วนที่ใช้เพาะปลูกสวนผลไม้
“ตรงนี้องุ่นเต็มเลย”
กู้หนานชี้ไปตรงพื้น องุ่นเป็นพืชพันธุ์เตี้ยที่ต้องปีนไต่ไปบนราว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครดูแลที่นี่มาสักพักแล้ว ดังนั้นสวนองุ่นนี้จึงเต็มไปด้วยวัชพืช ทำให้พืชพันธุ์ส่วนใหญ่ตายกันหมด นอกจากนี้กิ่งองุ่นก็ไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไหร่
หนวนหน่วนชูคอขึ้นเพื่อให้มองเห็น “พี่คะ ตรงนี้ต้องจัดการวัชพืชออก แล้วก็พรวนดินตัดแต่งกิ่งให้พวกองุ่นด้วย”
กู้หนานพยักหน้า “ไว้จะจ้างคนมาจัดการให้”
“ตรงภูเขาและป่าไม้ตรงนั้นก็เป็นที่ของเธอเหมือนกัน หนวนหน่วนวางแผนจะทำอะไร?”
กู้หนานให้อิสระกับหนวนหน่วนในการคิดวางแผนทำฟาร์ม
เด็กน้อยคิดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าเล็กจ้ำม่ำ “ต้องถามลุงที่ปลูกต้นไม้ก่อนว่าผลไม้ชนิดไหนเหมาะที่จะปลูก”
ตอนแรกก็คิดว่าเธออยากปลูกอะไรก็จะปลูกมัน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเด็กหญิงจะมีความคิดแบบนี้ด้วย ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลยทีเดียว
ดวงตาสีดำเข้มของกู้หนานจ้องมองเธอ หากมองดี ๆ จะเห็นได้ว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม ชายหนุ่มยกมือลูบหัวเธอแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
กู้เป่ยเอ่ยขึ้น “พี่พอจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในสถาบันวิจัยการเกษตรอยู่บ้าง เขาน่าจะพอช่วยหนวนหน่วนได้”