ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 188 ฟาร์ม
บทที่ 188 ฟาร์ม
เมื่อดอกไม้ที่นี่บานจนหมด มันจะเป็นเหมือนโลกในเทพนิยายเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงชั้นใต้ดิน ไม่ว่าจะบนกระจกใสของผนัง พื้น หรือแม้แต่เพดาน ต่างก็มีพืชพันธุ์สารพัดสิ่งที่สามารถผลิดอกออกผลได้อย่างสวยงามทั้งนั้น
อุปกรณ์จำลองนี้จัดทำโดยกู้เป่ย มันสามารถจำลองสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แต่นี่ยังไม่เสร็จดี พืชที่จัดส่งมาจากที่ต่าง ๆ ตอนนี้ยังเป็นต้นกล้าอยู่
ตลอดทางเดินถูกปูไว้ด้วยหิน หนวนหน่วนเดินลงไปตามขั้นบันไดพลางมองไปรอบ ๆ และในที่สุดเธอก็เห็นพี่รองกำลังติดตั้งเครื่องอะไรบางอย่างที่หนวนหน่วนเองก็ไม่รู้จัก นอกจากนี้รายรอบตัวเขาก็เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมากมายที่ยังไม่ได้ปลูก
“พี่รอง”
เด็กหญิงวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้ในมือ เธอค่อย ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ โดยพยายามไม่ทำให้น้ำผลไม้ในมือกระฉอกออกมา
“พี่รองดื่มน้ำผลไม้ก่อนค่ะ”
เมื่อกู้เป่ยมองเห็นหนวนหน่วนเขาก็ยกยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มของเขาช่างอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกสบายใจ
เขาลูบศีรษะคนตัวเล็กก่อนจะจิบน้ำผลไม้ไปสองอึก
“ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ?”
หนวนหน่วนพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังเหล่าต้นไม้ที่ยังไม่ได้ปลูกด้วยแววตาเป็นประกาย
และแล้วเสียงของกู้เป่ยก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งสั่งมาลงวันนี้ ที่อยู่ในมือเธอคือดอกวิสทีเรีย ถ้ามันโตแล้วพี่จะทำฐานที่ยึดให้พวกมันเกาะ เดี๋ยวไม่นานดอกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงตอนที่ผลิบานออก สวยมากเลยนะ”
ขณะที่พูดเขาก็กระดิกนิ้วเคาะข้อมืออีกข้างไปด้วย สักพักจอภาพสี่เหลี่ยมแสงสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า นิ้วเรียวของกู้เป่ยแตะลงบนแป้นพิมพ์เสมือน จากนั้นภาพของดอกวิสทีเรียก็ขึ้นมาให้ได้รับชม
“ว้าว…”
หนวนหน่วนอุทานออกมาก่อนจะมองไปยังภาพจำลองทางเดินที่เต็มไปด้วยดอกวิสทีเรีย มันเหมือนกำลังพาเข้าสู่ดินแดนมหัศจรรย์เลย อีกไม่นานที่ตรงนี้ก็จะเป็นเหมือนภาพนั้นใช่ไหมนะ?
คนตัวเล็กเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอ
หลังจากดูจบ กู้เป่ยก็เคาะนิ้วอีกครั้ง แล้วภาพบนหน้าจอก็หายวับไป
“พี่รอง สวยมากเลยค่ะ สวยกว่ารูปในโทรศัพท์มือถือเยอะเลย!”
กู้เป่ยเอ่ยขึ้น “นี่คือระบบปฏิบัติการส่วนบุคคลที่พี่กำลังวางแผนพัฒนามันอยู่ เพราะว่ามันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ก็เลยมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มันไปใช้ รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะทำให้เธอใช้บ้าง”
นิ้วเรียวที่เห็นกระดูกชัดของเขาชี้ไปที่นาฬิกาบนข้อมือของเด็กหญิงที่เขาเคยมอบให้ก่อนหน้านี้
“ถึงตอนนั้นพี่จะอัปเกรดแล้วย้ายชิปของเสี่ยวอ้ายไปลงในนั้น ระบบปฏิบัติการส่วนบุคคลมีหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเข้าด้วยกัน ถ้ามีอย่างอื่นเพิ่มพี่จะบอกทีหลังละกันนะ”
หนวนหน่วนรู้สึกแปลกใจเมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือที่พี่รองเคยมอบให้ในวันเกิด มันกำลังจะกลายเป็นระบบเชื่อมต่อเหรอเนี่ย!
“พี่รองใจดีจังเลยค่ะ”
เด็กหญิงยิ้มตาหยี ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาพี่รองแล้วจุ๊บเข้าที่ใบหน้าของเขา กู้เป่ยจึงลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน
หนวนหน่วนเกาะแกะพี่รองประหนึ่งลูกแมวขี้อ้อนทันที
หลังจากนั้น พี่ชายและน้องสาวก็ช่วยกันปลูกดอกวิสทีเรียด้วยกันจนเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้าแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน โดยที่คนหนึ่งดูอ่อนโยนและหล่อเหลา ส่วนอีกคนดูขี้อ้อนและน่ารัก
“จริงสิ หนูมาหาพี่รองเพราะจะบอกว่าพี่ใหญ่ซื้อฟาร์มให้หนวนหน่วนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะพาไปดูด้วย พี่รองอยากไปดูด้วยกันไหมคะ?”
ในวินาทีนั้นหนวนหน่วนก็จำได้ทันทีว่าเธอลงมาที่นี่เพื่ออะไร เด็กหญิงตบหน้าผากของตัวเองแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
กู้เป่ยจ้องมองรอยฝ่ามือเล็ก ๆ บนหน้าผากของเธอ พลันแววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม ไปดูด้วยก็ได้”
เขาใช้นิ้วลูบลงบนหน้าผากของคนตัวเล็ก
“แต่ก่อนอื่นเลย ล้างหน้าก่อนดีกว่า”
น้ำเสียงที่พูดขึ้นเต็มไปด้วยความขบขัน
หนวนหน่วนก้มมองมือเล็กที่แสนสกปรกของตัวเอง นัยน์ตาสีดำขาวคู่โตสบเข้ากับดวงตาที่ยิ้มแย้มของพี่รอง ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะขึ้นสีแดงระเรื่อ
เธอโง่มากเลย!
เพราะว่าพรุ่งนี้จะไปดูฟาร์มกัน คนบ้างานอย่างกู้หนานจึงตัดสินใจจะพักผ่อน
ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความไปหาผู้ช่วยคนสนิทของตัวเอง และตั้งแต่น้องสาวของเขากลับมา เขาเองก็รู้สึกว่าทำงานน้อยลงมาก ๆ ดังนั้นเขาจึงเกริ่นถามไปเพื่อให้เห็นถึงความมี ‘มโนธรรม’ ในตัวเองอยู่บ้าง
เจ้านาย [หนานเฟิง นายมีแฟนไหม]
หนานเฟิงที่เห็นแจ้งเตือน “ …”
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เจ้านายเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตอบกลับข้อความไป
[เจ้านาย ผมยังไม่มีแฟน]
เจ้านาย [มีน้องสาวไหม]
หนานเฟิง [ไม่มีครับ]
เจ้านาย [อืม แต่ฉันมีน้องสาว]
เจ้านาย [แล้วพรุ่งนี้น้องสาวก็อยากจะไปฟาร์ม]
หนานเฟิง ‘จู่ ๆ ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีแฮะ’
เจ้านาย [ในฐานะพี่ชายฉันก็ควรไปอยู่กับเธอ]
ใบหน้าหนานเฟิงแข็งทื่อ เมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดไปถึงวันอันแสนทรมานที่ต้องทำงานล่วงเวลากันเลยทีเดียว
เจ้านาย [ให้โบนัสสองเท่า]
หนานเฟิง [เจ้านายพูดถูกต้องเลยครับ เป็นพี่ชายก็ควรไปอยู่กับน้องสาว แน่นอนถ้าเป็นผม ผมก็จะไป วางใจได้เลย ฝากงานทั้งหมดไว้ที่ผมได้ เดี๋ยวจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเลยครับ]
กู้หนานรู้สึกพอใจเมื่อเห็นข้อความของหนานเฟิงที่ตอบกลับมา พลางเอนกายพิงโซฟาแล้วจิบชาบูลเบอร์รีช้า ๆ
แก้วนี้น้องสาวทำให้ รสชาติดีทีเดียว
เมื่อกู้หลินโม่ทราบว่าพรุ่งนี้ลูกชายคนโตของเขาจะขอลาเพื่อติดตามลูกสาวไปที่ฟาร์ม สีหน้าของเขาก็เป็นแบบนี้ทันที (▼皿▼#)
ทำไมเขาถึงลาบ้างไม่ได้!
ฟาร์มที่กู้หนานซื้อมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง นอกจากนี้พื้นที่ยังรวบภูเขาเล็กลูกหนึ่งด้วย
ทั้งฟาร์มเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี ทั้งหมดถูกปลูกโดยชาวนาคนก่อน หลังจากขายฟาร์มนี้ให้กู้หนานก็เหลือวัวทิ้งไว้ให้สองตัว มันเป็นตัวเมียแก่ ทำยังไงก็ไม่ยอมไปจากที่นี่สักที ส่วนอีกตัวเป็นลูกที่เกิดจากมัน เจ้าตัวเล็กจึงไม่ยอมจากแม่มันไปไกลเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น กู้หนานจึงตัดสินใจซื้อเจ้าวัวสองตัวนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีสวนผลไม้ด้วย แต่การเพาะปลูกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และยังไม่พอ เขายังได้พื้นที่ว่างขนาดใหญ่ บ่อเลี้ยงปลาและอื่น ๆ อีกมากมาย
รถแล่นไปจนถึงฟาร์ม ทำให้เห็นทุ่งหญ้ากว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เดิมทีตรงนี้เป็นที่สำหรับให้สัตว์กินหญ้า แต่เนื่องจากเกษตรกรคนก่อนจัดการได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกปศุสัตว์ในฟาร์มจึงถูกขายออกไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้จึงไม่มีวัวหรือแกะในทุ่งหญ้านี้เลยสักตัว ต้องรอให้ถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้พอจะมีหญ้าเขียวชอุ่มงอกขึ้นมาก่อน
“มีลำธารอยู่ตรงนั้นด้วย”
กู้หนานชี้ไปตรงนั้น “พอถึงฤดูร้อนก็เล่นน้ำได้”
“หนวนหน่วนอยากเลี้ยงอะไรไหม?”
หนวนหน่วนมองดูทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตานี้ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นของเธอ รู้สึกราวกับฝันเลยละ
เธอมองพี่ชายด้วยแววตาจริงจัง ในหัวเต็มไปด้วยความสับสน “พี่ใหญ่ นี่เป็นของหนูจริง ๆ เหรอคะ?”
กว้างใหญ่กว่าหมู่บ้านเสี่ยวซีเสียอีก!
กู้หนานพยักหน้า ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้อารมณ์แสดงความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
เด็กหญิงนิ่งอึ้งไปสองวินาที ก่อนจะจับหน้าตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่ความฝัน
เธอรู้สึกดีมากที่ได้เป็นเจ้าของฟาร์มใหญ่ยักษ์นี่!
ถ้ากลับไปที่หมู่บ้านเสี่ยวซีในตอนนี้ เธอคงเป็นเด็กสาวที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านเลยละ!
“โฮ่งโฮ่งโฮ่ง!”
ทันทีที่ลงจากรถต้าหวงก็รีบเดินสำรวจโดยรอบ ดูเหมือนว่ามันจะถูกใจมาก เพราะมันกว้างใหญ่และสามารถวิ่งเล่นไปได้ทุกที่
กลุ่มแมวจำนวนหนึ่งเองก็เดินไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีระแวดระวัง พวกมันใช้ดวงตาแมวใสมองสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น
โต้วโต้วกระพือปีกแล้วบินว่อนไปทั่ว การได้บินภายใต้ท้องฟ้าสีครามและกลุ่มเมฆขาวนั้นมันช่างตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน แตกต่างจากในเมืองที่มีตึกอาคารสูง หากมันบินต่ำเมื่อไหร่ก็จะชนสิ่งก่อสร้างพวกนี้ได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าอยู่ที่นี่มันสามารถบินได้อย่างอิสระ ถึงแม้ว่าจะหลับตาก็ยังสามารถบินได้อย่างสบายใจ!
“พี่ใหญ่คะ หนวนหน่วนขอเลี้ยงม้าที่นี่ได้หรือเปล่า”
เธอจับมือของกู้หนานแล้วเงยใบหน้าอันอ่อนโยนขึ้นมองเขาด้วยแววตาคาดหวัง
“ได้สิ”
หนวนหน่วนส่งเสียงไชโย ใบหน้าของคนตัวเล็กเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ม่านตาขยายโตอย่างตื่นตาตื่นใจ
จากนั้นเธอก็เริ่มสำรวจอาณาเขตของตนเองโดยมีเหม่ยฉิวและต้าหวงไปด้วยกัน
เมื่อเดินผ่านคอกวัว เจ้าวัวสีดำตัวเล็กก็ดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก
“มอ~”
ลูกวัวแสนงดงามนั้นก็มองมาทางหนวนหน่วนเช่นกัน แต่มันกลับกลัวและเดินถอยหลังไป
“หนิวหนิว”
หนวนหน่วนยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากลูกวัวก่อนจะตะโกนเรียกมัน
ลูกวัวตัวน้อยจ้องมาที่คนตัวเล็ก ดวงตาสีเข้มของมันจ้องมองเธออยู่ไม่กี่วินาที ก่อนจะสะบัดหางของตัวเองแล้วขยับกีบเท้าเข้ามาใกล้ เดินตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ
หนวนหน่วนยืนรออยู่นิ่ง ๆ อย่างว่าง่ายรอให้เจ้าวัวน้อยเดินเข้ามาหา เธอทำแค่เพียงส่งยิ้มแจ่มใสราวกับดวงอาทิตย์และยกแขนของเธอขึ้นเท่านั้น
“มอ~”
เจ้าวัวน้อยก้มศีรษะลง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ฝ่ามือแล้วถูไถให้ลูบหัวของมันเบา ๆ
และไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบหัวของมัน
“หนิวหนิวเด็กดี”
“มอ~”
เจ้าวัวน้อยเดินวนเวียนอยู่รอบตัวหนวนหน่วนไม่กี่ครั้ง จากนั้นมันก็หันหลังแล้วพยักหน้าให้เธอ มันก้มโค้งหัวของมันลงก่อนจะดันเด็กหญิงให้เดินไปข้างหน้าทีละนิดด้วยแรงเพียงแผ่วเบา ทำให้เธอไม่สูญเสียการทรงตัว
หนวนหน่วนกะพริบตา “จะให้ฉันเข้าไปเหรอ?”
ครั้งหนึ่งมันเคยมีวัวอยู่ในคอกมากมาย และพวกมันก็ตัวใหญ่มากด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่ใหญ่ให้คนมาทำความสะอาดคอกพวกนี้หรือเปล่า มันจึงไม่มีกลิ่นเหม็นของขี้วัวเลยสักนิด หลังจากนั้นหนวนหน่วนก็มองเห็นวัวที่ตัวใหญ่กว่าเจ้าตัวน้อยนี้
หูของมันพับไปมาเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของผู้มาเยือน หลังจากนั้นมันก็หยุดเคี้ยวหญ้าก่อนจะหันหน้ากลับมามองแขก แววตาของมันจ้องมองมาที่เด็กหญิงตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“มอ”
เสียงของวัวตัวใหญ่ดังและทุ้มกว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นระดับเสียงก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เบาอยู่ดี
ลูกวัวเดินเข้าไปหาแม่ของมันอย่างมีความสุขและใช้ใบหน้าของมันแตะเข้าที่ตัวแม่ ก่อนที่มันจะร้องเสียงมอมอออกมาราวกับกำลังแนะนำผองเพื่อนให้รู้จัก
หนวนหน่วนเองก็วิ่งเหยาะ ๆ ตามไป ก่อนจะวางมือสัมผัสเข้ากับเขาสีดำโค้งของวัวตัวใหญ่
“ว้าว….ตัวใหญ่จัง!” หนวนหน่วนอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
เทียบกับฝ่ามือของพี่ใหญ่แล้วมันก็ยังใหญ่อยู่ดี
ในหมู่บ้านเสี่ยวซีก็เคยมีคนเลี้ยงวัว แต่พวกเขาเลี้ยงมันเอาไว้เพื่อไถนา หนวนหน่วนเคยนั่งเฝ้ามองพวกเด็ก ๆ ที่นั่งบนหลังวัวอยู่ห่าง ๆ ตอนที่มันทำนา พวกเขาดูมีความสุขมาก
“มอ”
เจ้าวัวแก่ส่งเสียงร้องก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ทันใดนั้นเองหนวนหน่วนก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนแคระที่หลงมายืนอยู่ตรงหน้ามัน!
“หนวนหน่วนมานี่เร็ว!”
กู้หมิงหลี่รีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าตัวของมันใหญ่เพียงใด ก่อนจะรีบคว้าตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วจ้องมองเจ้าวัวยักษ์ตรงหน้าด้วยความระแวดระวัง
ด้วยความที่ตัวเองเป็นนายน้อยและเติบโตขึ้นมาในเมืองใหญ่ กู้หมิงหลี่เองก็เคยเห็นม้า แต่เขาไม่เคยเห็นว่าวัวมันจะตัวใหญ่และดูแข็งแรงดุดันเช่นนี้มาก่อน ถ้ามันเผลอเตะหรือเหยียบเข้าวิญญาณคงหลุดออกจากร่างไปบางส่วนแน่
นัยน์ตาของหนวนหน่วนมองไปยังวัวคู่แม่ลูก ไม่ได้กลัวอะไรเลย
“พี่สี่คะ พวกมันเป็นเด็กดีมาก”
“มอ~”
วัวตัวน้อยเดินออกมาจากด้านหลังแม่ของมันแล้วเริ่มร้องตอบรับคำพูดของเธอ ก่อนจะสะบัดหางไปมาให้ถูไถกับขาของหนวนหน่วน
“ไอ้หยา ทำไมนายน้อยกับคุณหนูถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”
พนักงานที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวในฟาร์มเห็นพวกเขาขณะที่กำลังถืออาหารไปเลี้ยงมัน
“ไม่ได้ทำให้พวกคุณกลัวกันใช่ไหม ปกติวัวมันเชื่องนะครับ ไม่ทำร้ายคนหรอก แต่ขนาดตัวของมันอาจจะทำให้กลัวได้”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกนายน้อยและคุณหนูทั้งหลายที่เติบโตมาพร้อมกับช้อนทองในปาก ก็ไม่แปลกที่จะขวัญอ่อนได้ง่ายเมื่อเห็นเจ้าสัตว์ยักษ์ใหญ่นี้
นอกจากนี้ชายชราเองก็กลัวว่าหากกู้หนานระแวงขึ้นมา คงได้ขายเจ้าวัวแม่ลูกคู่นี้แน่ เพราะพวกเขาซื้อมันไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเป็นกังวลมาก
หนวนหน่วนที่อยู่บนอ้อมแขนของพี่ชายยกยิ้มขึ้นพลางส่ายหัวไปมา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณตา พวกมันเป็นเด็กดีมาก หนวนหน่วนไม่ได้กลัวเลย
เธอกล้าหาญมาก ไม่เพียงแค่ไม่กลัวเท่านั้น แต่เธอยังกล้าสัมผัสเขาของวัวตัวใหญ่อีกด้วย!