ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 187 การบ้านช่วงฤดูหนาว
บทที่ 187 การบ้านช่วงฤดูหนาว
พอถึงคฤหาสน์หนวนหน่วนก็เริ่มยุ่งวุ่นวาย เธอขนของทุกอย่างจากในรถไปไว้บนห้องของตัวเอง ไป๋โม่ฮัวเองก็เช่นกัน
เหมือนกับ ‘แฮมสเตอร์’ สองตัว ทั้งตัวโตและตัวเล็กกำลังวิ่งไปมาโดยไม่สนใจสิ่งใด ก่อนจะซ่อนขนมไว้ตามซอกมุมในห้องของตัวเอง
ของพวกนั้นก็คือผลไม้แห้งอร่อยหลากหลายชนิด มีตั้งแต่มันฝรั่งทอดกรอบ คุกกี้ ไปจนถึงขนมอบที่เก็บรักษาได้ง่ายและอื่น ๆ อีกมากมาย
“บอกแล้วว่าพวกนายกินไม่หมดหรอก ทำไมถึงเอากลับมาเยอะทุกครั้งเลยล่ะ”
กู้หมิงอวี๋จ้องมองทั้งสองพลางยกยิ้มมุมปาก
หนวนหน่วนเก็บของทั้งหมดใส่ลงในกล่องให้เข้าที่ จากนั้นก็ปิดฝากล่องลงแล้วดันมันซ่อนเข้าไปใต้เตียง สีหน้าเด็กหญิงดูพึงพอใจมาก
“ค่อย ๆ กินก็ได้ ของพวกนี้เก็บได้นานจะตาย ก็ครั้งสุดท้ายที่ซื้อหมดภายในไม่กี่วัน วันนี้ก็เลยซื้อมาแบบจัดเต็ม!”
ไป๋โม่ฮัวเองก็ซ่อนเสบียงเอาไว้อย่างมิดชิดเรียบร้อย เขาเหน็บบางถุงไว้ตรงเอวแล้วเกร็งใบหน้าไม่ให้สดใสจนดูมีพิรุธมากเกินไป
กู้หมิงหลี่ “…สองคนนี้เป็นแฮมสเตอร์ใช่ไหม”
ถึงจะไม่เคยอดอยากเรื่องอาหาร แต่ก็ดูขยันขันแข็งในการตุนกล่องเสบียงให้เต็มเหลือเกิน
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หนวนหน่วนก็ไปอ่านหนังสือ เธอพาพี่สี่กับพี่เล็กไปทำการบ้านปิดเทอมฤดูหนาวด้วย
กู้หมิงหลี่ดูไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ เขาไม่เคยจะทำการบ้านทั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนหรือฤดูหนาวมาก่อนเลย ถ้าวันนี้ได้เล่นเกมก็ดีสิ
“พี่สี่~”
หนวนหน่วนมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน “ทำการบ้านกับหนวนหน่วนนะคะ”
กู้หมิงหลี่ “…เธอมีการบ้านด้วยเหรอ?”
“พี่ซูหรานให้การบ้านเอาไว้ค่ะ”
ตอนนี้พี่ซูหรานไม่เพียงแต่สอนกู่ฉินให้เธอเท่านั้น แต่ยังสอนความรู้ในชั้นประถมให้อีกด้วย นอกจานนี้ยังมอบการบ้านให้เธอมาทำ
กู้หมิงหลี่กัดฟันอย่างอดทน เขาเคยเห็นซูหรานมาก่อน ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ใหญ่มาก ทั้งสุภาพนอบน้อม แต่ความคิดของอีกฝ่ายมันช่างน่ารำคาญนัก มาดึงความสนใจของน้องสาวเขาไปซะได้!
เธอเรียนกู่ฉินกับซูหราน แล้วตอนนี้ก็เล่นได้แล้วด้วย ถึงจะเป็นแค่เพลงง่าย ๆ ก็เถอะ
เฮ้อ… ดันมาให้การบ้านน้องสาวของเขาซะได้
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก กู้หมิงหลี่และกู้อันจำใจยอมทำการบ้านพร้อมหนวนหน่วน
พอไม่รู้ว่าทำยังไง เขาก็แก้ปัญหาโดยการวิดีโอคอลไปถามลู่สิงจื่อ
ลู่สิงจื่อผู้กดรับวิดีโอคอลได้แต่แปลกใจ เขานึกว่าตัวเองหูฝาดตอนกู้หมิงหลี่ถาม
[นายพูดว่าอะไรนะ?]
สีหน้าสงบนิ่งของเขาเปลี่ยนเป็นความแปลกใจทันที
กู้หมิงหลี่นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดหนทาง ก่อนจะยกกองการบ้านช่วงปิดเทอมฤดูหนาวขึ้นมาไว้ในมือแล้วตั้งกล้องโชว์ให้ดู
“ไอ้…พาราโบลานี่มันอะไรกัน? ทำไมจำไม่ได้เลยว่าเคยเรียน?”
ลู่สิงจื่อใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่กู้หมิงหลี่ต้องการสื่อ แล้วก็ถึงบางอ้อว่าเจ้าตัวกำลังทำการบ้านช่วงปิดเทอมฤดูหนาวอย่างตั้งใจในสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย
กู้หมิงหลี่พูดไม่ออกหลังได้ยินเสียงเพื่อนสนิท
[แล้วตอนเรียนนายลุกขึ้นมาฟังอาจารย์กี่คาบกันล่ะ? แต่ว่าผ่านการเรียนรายวิชาพื้นฐานมาแล้วก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก นายก็แค่…]
ด้วยความที่ลู่สิงจื่อเป็นนักเรียนอันดับต้น ๆ กู้หมิงหลี่จึงเข้าใจสิ่งที่เขาอธิบายได้อย่างง่ายดาย
“ยังไม่ต้องปิดกล้อง เผื่อมีคำถามอื่นอีก”
กู้หมิงหลี่ไม่ใช่คนโง่เขลา ตรงกันข้ามเลยคือสมองของเขาปราดเปรื่องมาก หากเป็นโจทย์ที่เคยผ่านตามาก่อนแล้วและเจออีกครั้งก็จะทำได้เลย นอกจากนี้ตอนอยู่โรงเรียนเขาก็ท่องจำสูตรได้อย่างขึ้นใจแล้ว ลู่สิงจื่อจึงทำเพียงแค่อธิบายว่าแต่ละสูตรมีวิธีใช้ยังไง เพียงเท่านั้นเขาก็สามารถแก้โจทย์ได้แล้ว
แต่สำหรับเรื่องภาษานั้น…
โจทย์ที่ต้องเป็นคำตอบตายตัว มันยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ นั่นจึงทำให้ทุกครั้งที่มีการสอบเขาจะเลือกดิ่งเสียมากกว่า
หนวนหน่วนตั้งใจเรียนอยู่ข้าง ๆ เธอซื้อแบบฝึกหัดกลับมาทำด้วย ก่อนจะลงมือทำการบ้านอย่างตั้งใจ และเมื่อเสร็จแล้วเธอก็เขียนบันทึกไดอารี่ประจำวันต่อ
ลายมือของเด็กหญิงดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ในขณะที่กู้อันยกมือเกาหัวเพราะยังงุนงงกับโจทย์มากมาย เด็กชายไม่เข้าใจมันสักที แล้วทำไมหนวนหน่วนถึงทำมันได้ล่ะ!
ถึงแม้ว่ากู้อันจะรู้สึกละอายใจที่เขาทำได้ไม่ดีเท่าน้องสาว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ภูมิใจกับเธอมาก ๆ
ดูสิว่าน้องสาวของเขาฉลาดแค่ไหน? นี่ขนาดยังไม่ได้ไปโรงเรียนก็ทำข้อสอบของเด็กประถมสี่ได้แล้วนะ
ถ้าหนวนหน่วนทำไม่ได้จริง ๆ ก็จะให้ไป๋โม่ฮัวเข้ามาช่วย
ถึงแม้ว่าไป๋โม่ฮัวจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว แต่บางคำถามของชั้นมัธยมก็ยังเกินความสามารถของเขาอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถช่วยสอนเด็กประถมได้
ผ่านไปได้สักพัก บรรยากาศการเรียนในบ้านก็ดูขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้ทุกคนจดจำความรู้ที่ได้เรียนและฝึกทำจนจำขึ้นใจได้อย่างคาดไม่ถึง
ในช่วงบ่าย ตอนที่กู้หนานและคนอื่น ๆ ต่างกลับมาจากการทำงาน บรรยากาศการเรียนนี้ก็ได้จบลงไปแล้ว
กู้หมิงหลี่กับกู้อันที่เพิ่งเรียนเสร็จ ‘เหนื่อย!’
อ่านทบทวนบทเรียนอยู่หลายชั่วโมงเหนื่อยกว่าเล่นบาสเสียอีก รู้สึกล้าไปหมด เหมือนวิญญาณกำลังล่องลอยไปแล้วอย่างนั้นละ
“พี่ใหญ่~”
หนวนหน่วนกำลังส่งน้ำผลไม้ให้กับพี่ชายทั้งสองของเธออยู่ เมื่อเห็นกู้หนาน เธอก็กลายเป็นผีเสื้อตัวน้อยที่บินโฉบเข้าไปเกาะแกะเขาแล้วสวมกอดเขาทันที
กู้หนานจับคนไว้ในอ้อมแขนด้วยมือทั้งสองข้างให้ยืนห่างจากเขาไม่ถึงครึ่งเมตร หลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อกันหนาวออก ก่อนจะสวมกอดคนตัวเล็ก
“คราวหลังให้พี่ถอดเสื้อกันหนาวออกก่อนนะแล้วค่อยเข้ามา”
หนวนหน่วนทำท่าทางว่าเข้าใจ ดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เด็กหญิงเล่าว่าวันนี้เธอทั้งได้พูดคุยและไปดูหนังกับพี่สาม น้ำเสียงเจื้อยแจ้วละมุนหูนั้นทำให้กู้หนานรู้สึกผ่อนคลายมาก
“อื้ม พี่ซื้อฟาร์มให้แล้วนะ”
“จริงเหรอคะ!”
เธอประหลาดใจมาก เด็กหญิงจับแขนพี่ใหญ่เอาไว้แน่นแล้วเงยหน้ามองเขา
“พี่ใหญ่คะ ฟาร์มของหนวนหน่วนใหญ่มากไหม? อยู่ตรงไหนเหรอคะ? พาไปดูได้ไหม พี่ใหญ่ใจดีจังเลย”
เด็กหญิงตื่นเต้นมาก ดวงตาใสซื่อเป็นประกายดุจดวงดาว เธอจ้องมองไปทางพี่ใหญ่พร้อมนัยน์ตาประกายวิ้ง ๆ อย่างคาดหวัง
“อืม พรุ่งนี้จะพาไปดูนะ”
หนวนหน่วนดีใจมากจนต้องกระโดดจุ๊บแก้มพี่ใหญ่
“หนูจะไปบอกพี่รองก่อน”
พูดจบขาสั้น ๆ ก็รีบวิ่งไปทันที
กู้หนาน “วิ่งช้า ๆ”
“โอเคค่ะ”
เธอตอบกลับเบา ๆ ก่อนจะวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน แต่หลังจากลงไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็หันหลังแล้ววิ่งกลับมา จากนั้นก็ยื่นแก้วน้ำให้พี่ใหญ่
“พี่ใหญ่ทำงานหนักเลยนะคะ~”
มุมปากของกู้หนานยกยิ้มขึ้นจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้า มันทำให้ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขาอ่อนโยนลงถนัดตา
เขายกมือขึ้นลูบกลุ่มผมหนา ๆ ของสาวน้อย
หนวนหน่วนก้มหน้าก้มตาลงพลางยกยิ้มขึ้นจนเห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้าง จากนั้นก็เอียงศีรษะให้สัมผัสกับมือของพี่ชาย
“หนูไปนะคะ~”
“ไปเถอะ”
หนวนหน่วนวางแก้วน้ำส้มที่เหลือลงแล้วเดินออกไป
ตรงชั้นใต้ดินจะมีต้นไม้สีเขียวมากมายวางอยู่ตรงทางเข้า ตลอดทางเดินไม่มืดมิดเลย เนื่องจากมีกระจกใสแข็งแรงติดอยู่เหนือส่วนของทางเดินที่ยื่นออกไปนอกคฤหาสน์ ทำให้แสงสว่างส่องลงมาถึง ด้วยความที่แสงต้องเพียงพอต่อพืชพันธุ์ในนี้ ทำให้ทั้งชั้นสว่างพอสมควรถึงแม้ว่าจะอยู่ใต้ดินก็ตาม
ทางเดินสวยงามมาก มีดอกไม้ปลูกวางไว้ตลอดทางจนลงไปถึงชั้นใต้ดิน บางดอกเติบโตออกเป็นผลตูมขึ้นมาแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมที่กำลังดี ประกอบกับมีอุปกรณ์จำลองฝนด้านบนที่คอยตรวจจับความต้องการน้ำของพืชอยู่ตลอด ดังนั้นพวกมันจึงเติบโตได้ดีมาก