ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 184 เป็นที่สังเกตเห็นแล้ว
บทที่ 184 เป็นที่สังเกตเห็นแล้ว
เด็กน้อยหนวนหน่วนนั่งพิงพนักเก้าอี้ ในโรงภาพยนตร์มีฮีตเตอร์ทำให้ไม่รู้สึกหนาว แต่ไป๋โม่ฮัวก็ยังเอาผ้าห่มผืนเล็กออกมาคลุมขาสั้น ๆ ให้
กู้หมิงหลี่กระซิบถามด้วยความประหลาดใจ “นายเอาผ้าห่มน้อยของหนวนหน่วนติดตัวมาด้วยเหรอ!”
ไป๋โม่ฮัวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ตบกระเป๋าเป้ใบเล็กข้างหน้าเขาแล้วตอบเสียงเบา
“ฉันไม่ได้เอาแต่ผ้าห่มน้อยมานะ”
ว่าแล้วก็เปิดกระเป๋าเป้แล้วเอาเข้าไปให้ดูใกล้ ๆ
ในกระเป๋าเป้ใบเล็กมีนมอยู่หลายขวด ยังมีขนมเมล็ดสนอีกจำนวนหนึ่ง อุดมสมบูรณ์เหมือนห้องเก็บของของหนูแฮมสเตอร์ไม่มีผิด
ที่สำคัญคือของเยอะแบบนี้ไป๋โม่ฮัวทำอย่างไรถึงสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกพื้นที่ว่าง ใส่เข้าไปแล้วไม่ทำให้กระเป๋าเป้ดูใหญ่เทอะทะเกินไปแบบนี้?
“สุดยอด”
กู้หมิงหลี่ยกนิ้วโป้งให้เขาจากใจจริง
“อยากดื่มนมไหม? ให้นายหนึ่งขวด”
ไป๋โม่ฮัวหางชี้ทันที เขาหยิบนมหนึ่งขวดออกมาอย่างกระตือรือร้น
กู้หมิงหลี่ “…”
อะไรทำให้หมอนี่คิดว่าเขาเป็นเด็กเหมือนตัวเองฮะ?
“พวกพี่คุยอะไรกันคะ?”
ในโรงภาพยนตร์เงียบมาก ถึงจะมีคนคุยกันเยอะแต่ก็กระซิบเบา ๆ อย่างมีมารยาทไม่รบกวนผู้อื่น หนวนหน่วนและพวกเขาก็เช่นกัน
ไป๋โม่ฮัวนั่งห่างจากกู้หมิงหลี่ระยะหนึ่ง เขาชะโงกตัวออกไปครึ่งหนึ่งเปิดเป้ของตัวเองออกให้หนวนหน่วนดู แล้วยังส่งนมให้เธอหนึ่งขวดอย่างมีความสุข
หนวนหน่วนรับมันมาด้วยความยินดี เธอหยิบกระเป๋ากระต่ายน้อยน่ารักของเธอออกมาเช่นกัน กระเป๋าใบนี้เข้ากันกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ พอสะพายไว้กับตัวก็ทั้งสวยงาม ทั้งใส่ของได้พอประมาณด้วย
เมื่อเธอเปิดมันออก ข้างในมีลูกอมและอมยิ้มหลากชนิดหลากสีสัน ยังมีพวกขนมอบที่ห่อมาจากบ้านด้วย
“ว้าว… เยอะจัง ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลย”
หนูแฮมสเตอร์ตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งสองมองกระเป๋าของอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มกระซิบกระซาบกัน สุดท้ายก็เอาขาพาดกู้หมิงหลี่เหมือนเป็นโต๊ะโดยไม่รู้ตัว
กู้หมิงหลี่ “…”
เขานั่งผิดที่หรือเปล่า?
หนวนหน่วนยิ้มตาหยี แลกเปลี่ยนสิ่งของในกระเป๋ากับลูกพี่ลูกน้อง เสร็จแล้วก็ยัดอมยิ้มให้พี่สี่ พี่ชายคนเล็กและพี่สามคนละหนึ่งอัน
ไป๋โม่ฮัวและหนวนหน่วนนำของที่แลกมาใส่ลงในกระเป๋าของตัวเอง จากนั้นต่างคนต่างอุ้มถังป็อปคอร์นคนละถัง กินจนแก้มป่องไปพลางดูหนังไปพลาง
กู้หมิงหลี่ “…”
สองคนนี้ไม่ใช่วิญญาณหนูแฮมสเตอร์ใช่ไหม?
ไม่เพียงแต่ชอบกินเท่านั้น แต่ยังชอบตุนเสบียงอาหารด้วย
ส่วนภาพยนตร์ที่กำลังฉายเป็นภาพยนตร์ผจญภัยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทหาร เนื้อหาภายในเรียบง่ายและมีจุดที่น่าสนใจ เป็นสุนทรียภาพทางวิสัยทัศน์สำหรับผู้ชม เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศ หลายฉากจึงถ่ายทำในต่างประเทศ และมีชาวต่างชาติเล่นด้วย บางครั้งก็พูดภาษาอังกฤษ แต่ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่เช่นนี้ คำบรรยายภาษาจีนด้านล่างถ้าตาไม่บอดหรืออ่านหนังสือไม่ออกก็สามารถมองเห็นได้
หนวนหน่วนดูหนังอย่างเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อถึงคิวพี่สามของเธอปรากฏตัว
กู้หมิงอวี๋กระโดดจากฟากฟ้าลงบนรถจี๊ปคันหนึ่ง เขาสวมเสื้อกั๊กลายพราง ยกขาเตะผู้ร้ายอย่างสง่างาม ปืนกลในมือกราดยิงคนตายเป็นเบือในชั่วพริบตาเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนตัวน้อยของเขา
“ว้าว…”
หนวนหน่วนเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
กู้หมิงอวี๋ก้มหน้ามองเธอ ยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจอย่างที่สุด
บนหน้าจอ ใบหน้าสง่าเปื้อนเลือดสีแดงฉานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หยาดเลือดก็ขับเน้นให้เขาดูดีขึ้นไปอีก
แฟนคลับของกู้หมิงอวี๋เริ่มกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นทันที
“ว้าย!!! หล่อเกินไปแล้ว หล่อเกินไปมาก ใส่ชุดทหารนี้ใครจะไปทนไหวล่ะ!”
“พระเจ้า กระสุนจากอวี๋อวี่ยิงตรงทะลุเข้าไปในหัวใจของฉันแล้ว!”
“ทำไมถึงมีคนที่ทั้งเท่ทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ได้ ฉันรักเขา!”
ภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อไป ตัวละครที่แสดงโดยกู้หมิงอวี๋นำทีมพระเอกไปปฏิบัติภารกิจในโลกที่อันตรายยุ่งเหยิง ในตอนแรกมีเค้าโครงเรื่องที่อบอุ่นขบขันและดุเดือด แต่ต่อมาเรื่อย ๆ ทีมพระเอกเริ่มทยอยสละชีวิตทีละคน โครงเรื่องจึงเริ่มโศกเศร้า
หนวนหน่วนกินป็อปคอร์นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ดวงตาที่สดใสจับจ้องที่หน้าจอขนาดใหญ่ น้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอขึ้นในดวงตา
สุดท้ายตัวละครที่กู้หมิงอวี๋แสดงได้ดำเนินมาถึงตอนที่ตายไปพร้อมกับคนเลวเพื่อปกป้องประเทศ น้ำตาของหนวนหน่วนไหลอาบแก้มลงมาราวกับไข่มุก
“ฮือ…”
ไม่ใช่แค่เธอที่กำลังร้องไห้ แต่คนอื่น ๆ ในโรงหนังก็ร้องไห้ไปด้วย แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่นักแสดงที่มีทักษะการแสดงที่ดีก็สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมเข้าสู่เนื้อเรื่อง ไม่เชื่อมโยงกับความเป็นจริงแต่อย่างใด
“ฮือ… พี่ชายตายแล้ว”
เด็กหญิงตัวน้อยถูกอุ้มขึ้นมา ในปากยังมีป็อปคอร์นที่ยังเคี้ยวไม่เสร็จค้างอยู่ เธอกอดคอพี่สามของเธอเอาไว้แน่นด้วยท่อนแขนน้อย ๆ ถึงจะสะอึกสะอื้นว่าพี่สามตายแล้ว ในปากก็ยังไม่ลืมเคี้ยวไปด้วย
คนอื่นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“มานี่ ดูหน้าพี่ชายของเธอสิ ตายแล้วเหรอ?” กู้หมิงอวี๋ถอดหน้ากากออก
หนวนหน่วนสัมผัสใบหน้าของเขาด้วยมืออวบอ้วน พลางพูดสะอึกสะอื้น
“ยัง… ยังไม่ตายค่ะ”
กู้หมิงอวี๋หอมแก้มน้อย ๆ ของเธอ “ก็นั่นน่ะสิ พี่สามของเธอยังสบายดี ในหนังนั่นมันไม่ใช่ของจริง”
“อื้อ” หนวนหน่วนร้องไห้กระซิก ดวงตากลมโตเป็นประกายจับจ้องไปที่ใบหน้าของพี่สามอย่างไม่ละสายตา กลัวว่าตนจะสูญเสียพี่ชายหากคลาดสายตาไป
กู้หมิงอวี๋ประคองศีรษะของเธอไว้ ลูบไล้เบา ๆ เป็นการปลอบโยน
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว พี่อยู่นี่”
จมูกน้อยของหนวนหน่วนแดงก่ำ “แต่ว่า… แต่ว่าพี่ชายในหนังตายแล้ว หนวนหน่วนเสียใจจังเลยค่ะ”
“เอ้านี่ กินลูกอมเม็ดเดียวก็หายเสียใจแล้ว”
กู้หมิงหลี่หยิบลูกอมรสองุ่นหนึ่งเม็ดใส่ปากเธอ แน่นอนว่าลูกอมนี้หยิบมาจากในกระเป๋าใบน้อยของเธอเอง
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวแดงก่ำเช่นกัน ยังดีที่เขาไม่ร้องไห้
หลายคนต่างปลอบประโลมหนวนหน่วนเด็กขี้แย ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาจากทางด้านข้าง
“เอ่อ… ไม่ทราบว่าคุณคือ… กู้หมิงอวี๋ใช่ไหม?”
หญิงสาวมองกู้หมิงอวี๋ตาเป็นประกาย
กู้หมิงอวี๋ที่เปิดเผยใบหน้าเพราะต้องการปลอบหนวนหน่วน “…”
โอ๊ะ… ผิดแผน
ในเวลานี้ไฟในโรงภาพยนตร์ได้เปิดขึ้น เพราะภาพยนตร์ฉายจบแล้ว
“กู้หมิงอวี๋!”
ทันใดนั้น บรรดาผู้ชมที่ยังร้องไห้กระซิกต่างพากันหันมา อารมณ์เปลี่ยนจากโศกเศร้าเป็นตื่นเต้นดีใจในชั่วพริบตา
กู้หมิงอวี๋ดันแว่นขึ้น กระชับตัวหนวนหน่วนพลางยิ้มอย่างสุขุมให้กับคนรอบข้าง
“มีคนจำได้แล้วเหรอ”
กู้หมิงหลี่สีหน้าเรียบเฉย “สภาพแบบนี้ถ้ายังจำไม่ได้พวกเธอก็เป็นแฟนคลับปลอมแล้วละ!”
“กรี๊ด!!! ใช่อวี๋อวี่จริง ๆ ด้วย!”
ในโรงภาพยนตร์เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที แทบทุกคนเบียดกันมาทางนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามารักษาความเรียบร้อยทันที
“ทุกคนอย่าเบียดกันครับ”
กู้หมิงอวี๋ส่งหนวนหน่วนให้น้องชายของตนอุ้มไว้ ส่วนเขาเดินไปที่หน้าจอฉายหนัง ก่อนจะขอไมโครโฟนจากผู้รับผิดชอบเพื่อนำมาพูด
หลังจากที่เขาพูดจบ บรรดาแฟนคลับที่กำลังตื่นเต้นก็ยืนอย่างเป็นระเบียบ ไม่เบียดเสียดกันอีก พวกเขาเชื่อฟังมาก อีกทั้งยังมองไปที่เขาตาปริบ ๆ
“หนังสนุกไหม?”
ทุกคนเอ่ยอย่างแข็งขัน “สนุก!”
“สนุกก็ดีแล้ว แสดงว่าผมเล่นดี”
ถึงจะหลงตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แฟนคลับในที่นี้ต่างก็หัวเราะขึ้นมา เป็นคนที่พวกเธอคุ้นเคยจริง ๆ
“ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงนี้อย่างสง่าผ่าเผยให้พวกคุณได้ดู เดี๋ยวผมจะออกไปตามที่เจ้าหน้าที่จัดระเบียบไว้ อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องแจกลายเซ็นในตอนนี้ ผู้ชมกลุ่มต่อไปกำลังจะเข้ามา พวกเราไม่สามารถใช้พื้นที่สาธารณะได้”
“เอาละ ผมพูดมาหนึ่งนาทีแล้ว กลับบ้านกันดี ๆ นะครับ ออกไปที่เคาน์เตอร์ด้านนอกจะมีน้ำผลไม้ฟรีคนละแก้วสำหรับทุกคน ผมเลี้ยงเองครับ”
“ขอบคุณค่ะอวี๋อวี่!”
“อวี๋อวี่ ผมรักคุณ!”
นี่คือเสียงของผู้ชาย แหบห้าวทรงพลังตามฉบับหนุ่มชาวตะวันออกเฉียงเหนือ
กู้หมิงอวี๋ตัวสั่น “อย่าเลยครับพี่ชาย พวกคุณจะฝันสลายนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
แฟนคลับของกู้หมิงอวี๋หัวเราะขึ้นมาทันที ตัวเขาเองก็เช่นกัน
โดยปกติแล้วตอนเล่นเวยป๋อทุกคนจะคอมเมนต์ใต้บล็อกของเขาว่ารักสามีอะไรทำนองนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็คือตัวอักษร อ่าน ๆ แล้วก็ผ่านไป แต่ตอนนี้… บรรดาหนุ่ม ๆ ชาวตะวันออกเฉียงเหนือมาบอกรักเขาด้วยสีหน้าเขินอาย ใครจะไปทนไหว?
บรรดาแฟนคลับต่างเชื่อฟังออกไปหยิบน้ำผลไม้หน้าเคาน์เตอร์อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็แชร์ในวีแชตและเวยป๋ออย่างตื่นเต้น วันนี้พวกเขาโชคดีมาก! อวี๋อวี่ยังเลี้ยงน้ำผลไม้พวกเขาด้วย สามีช่างเอาใจใส่เหลือเกิน
พอแฟน ๆ ออกไปแล้ว กู้หมิงอวี๋ก็ถอนหายใจโล่งอก ตอนที่เขาพูดไม่ได้เอ่ยถึงน้องชายน้องสาวของตัวเองเลยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เมื่อแฟนคลับเหล่านี้ใจเย็นลงต้องสังเกตเห็นแน่ ฉะนั้นตอนนี้รีบกลับบ้านคงดีกว่า