ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 183 ไปดูภาพยนตร์
บทที่ 183 ไปดูภาพยนตร์
มือของหนวนหน่วนถูกพันแผลมาสองวัน ส่วนใหญ่เกือบหายดีแล้ว ที่หัวเข่าก็ไม่เจ็บแล้ว แต่รอยฟกช้ำดูค่อนข้างน่ากลัวเมื่ออยู่บนผิวสีขาวน้ำนมของเธอ
“หนวนหน่วน พร้อมแล้วหรือยัง?”
วันนี้เป็นวันที่ห้าหลังจากทะเลาะกับกู้หลิง พวกพี่ชายรวมถึงคุณพ่อต่างไปทำงานกันหมด
พวกเขาหยุดอยู่บ้านในช่วงฉลองปีใหม่ต่อไม่ได้แล้ว ทุกคนล้วนมีงานยุ่ง แม้จะอยู่บ้าน แต่พอมีเรื่องสำคัญก็ต้องเข้าประชุมอยู่ดี
กลับกันกู้หมิงอวี๋นั้นว่างไม่มีอะไรทำ เมื่อวานเป็นวันฉายรอบปฐมฤกษ์ภาพยนตร์ของเขา เพราะกลัวว่าจะยุ่งจนไม่มีเวลา อีกทั้งคนมาดูต้องเยอะจนเบียดเสียดเลยไม่ให้หนวนหน่วนตามไปด้วย
แต่วันนี้เขาจะพาน้องสาวตัวเองไปดูหนังด้วยกัน
หนวนหน่วนใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว!
“เสร็จแล้ว”
เด็กน้อยหนวนหน่วนสวมเสื้อขนเป็ดน่ารักเดินไปมาหน้ากระจก ก่อนจะวิ่งไปที่หน้าเตียง สะพายกระเป๋าใบเล็กไว้บนหัวไหล่ จากนั้นก็ปรบมืออวบ ๆ ของตนแล้ววิ่งออกไป
ทันทีที่มาถึงประตู ร่างเล็ก ๆ ก็ลอยขึ้นกลางอากาศ พี่สามนี่เองที่อุ้มเธอขึ้นมา
หนวนหน่วนยิ้มจนดวงตาเปล่งประกาย ปรากฏลักยิ้มบาง ๆ น่ารักสองอัน ก้อนแก้มบนใบหน้าน้อย ๆ ของเธอช่างน่าฟัดเสียจริง ๆ
เด็กน้อยโน้มตัวเข้าไปหอมแก้มใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่สาม จากนั้นทั้งสองก็เอาแก้มชนกันอย่างสนิทสนม
สมาชิกในครอบครัวทุกคนชอบเอาหน้าแนบแก้มยุ้ย ๆ ของหนวนหน่วน พวกเขาต่างอิ่มเอิบใจที่ได้สัมผัสผิวอ่อนละมุนเนียนนุ่มของเจ้าตัว
กู้หมิงอวี๋ก็พร้อมลงไปแล้วเช่นกัน ผมยาวสีดำเรียบลื่นดั่งสายน้ำถูกเขามัดเป็นหางม้าสูง ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ เขาจึงดูเหมือนเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในสมัยโบราณที่ออกมาจากหนังสือการ์ตูน
ชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาเย้ายวนแฝงความบุ่มบ่ามฮึกเหิมคู่นั้น ในเวลานี้กำลังอุ้มน้องสาวของตนไว้ด้วยมือข้างเดียวพลางก้าวพรวด ๆ ลงไปชั้นล่าง
อาศัยความสูงของพี่สาม เด็กน้อยหนวนหน่วนมองปราดเดียวก็เห็นพี่ชายอีกสามคน นั่นคือพี่สี่ พี่โม่ฮัว และพี่กู้อันที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาชั้นล่าง
เนื่องจากคุณปู่ออกไปเยี่ยมเยียนบ้านเพื่อนเก่า ในเวลานี้ห้องโถงชั้นล่างจึงเต็มไปด้วยเสียงด่ากันของพวกพี่ชาย
กู้หมิงหลี่เป่าหมากฝรั่งเล่นอย่างเกียจคร้าน “ก่อนจะว่าคนอื่นอ่อน ช่วยดูตัวเองก่อน จะรอดพ้นสามสกิลได้ไหม?”
“โอ๊ย ฝีมือมีแค่นี้วิ่งมาแจกแต้มอีกแล้วเหรอ? ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้นะ ฉันอายแทนเลย”
“กตัญญูจริง ๆ เล่นเกมอยู่ยังพูดถึงแม่ได้ แม่นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ?”
“ออกมาแจกแต้มหน่อยสิวะ”
กู้อัน “เด็กแล้วจะทำไม? มันไปหนักหัวใครเหรอ? ฉันเป็นเด็กแต่นายก็ยังสู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาพ่นน้ำลายอีก”
“ฝีมือแค่นี้กลับไปฝึกมาใหม่เถอะ เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมของพวกเรา พวกเราพอใจพาเขาไปด้วยเกี่ยวอะไรกับนาย เป็นอะไรถึงชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก?”
“ถ้าไม่อยากร่วมทีมก็ออกไป ใครจะสน ฝีมือก็งั้น ๆ วัน ๆ เอาแต่เที่ยวคุยโม้ต่อหน้าสาว ๆ จะขี้โม้ไปถึงไหน”
ใบหน้าของไป๋โม่ฮัวที่ถูกด่าจนหัวขึ้นควันหัวเราะออกมาทันที ชายหนุ่มสะใจมาก
หลังเล่นเกมตานี้จบเขาก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าทั้งสอง “พวกนายช่วยสอนฉันด่าคนหน่อยได้ไหม เล่นเกมกับด่าคนฉันต้องทำให้ได้ดีสักอย่าง ไม่งั้นฉันเสียเปรียบแย่”
เวลาเขาอยู่คนเดียวจะไม่เล่นเกมเพราะกลัวโดนด่า ตัวเขาเองฝีปากยังสู้ใครไม่ได้ แต่เมื่ออยู่กับพวกกู้หมิงหลี่จะชอบเล่นเกมมาก พวกเขาจะถือหางช่วยด่ากลับไป พอถูกด่าจึงไม่รู้สึกแย่แต่อย่างใด
แต่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว… ทักษะการเล่นเกมของตัวเองก็ยังสุดจะบรรยาย เฮ้อ…
กู้หมิงหลี่แสยะมุมปาก “…ด่าคนอื่นนี่เป็นเรื่องที่น่าโอ้อวดเหรอ?”
กู้อันบอกเคล็ดลับให้กับเขา “อันที่จริงแค่พูด ‘กู’ ให้ติดปากไว้ก็พอแล้ว”
ไป๋โม่ฮัวอ้าปากค้าง ก่อนจะหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มหายใจถี่ เปล่งเสียงออกมาว่า ‘กู’
เขาไม่เหมือนกำลังด่าคน เหมือนกำลังเอาแต่ใจมากกว่า
กู้อันและกู้หมิงหลี่ “…”
“นายไม่เหมาะกับการด่าคน”
ท่าทางแบบนี้ไปด่าคนในเกมจะไม่โดนแซวแย่หรือ?
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกล้มเหลว จากนั้นจึงตะโกนเสียงดังลั่น “กูจะพูด!”
ตะโกนเสร็จหน้าก็แดงตั้งแต่คอถึงหู
“ฮ่า ๆ”
กู้หมิงหลี่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไป๋โม่ฮัวที่เดิมทีขี้อายและประหม่าอยู่แล้วโกรธมากที่เสียหน้า ชายหนุ่มจ้องกู้หมิงหลี่เขม็ง ระเบิดอารมณ์ใส่เขาทันที
“หัวเราะฉันเรอะ!”
กู้หมิงหลี่ส่ายหน้าซ้ำ ๆ “ไม่ใช่ เปล่านี่ อย่ามาใส่ความฉันนะ”
กู้อันคอยเสี้ยม “หัวเราะ! เขาหัวเราะ!”
แม้ว่าตนก็กำลังหัวเราะเหมือนกัน แต่โชคดีที่กลั้นไว้ได้
ในขณะที่แมวขาวทำท่าแยกเขี้ยวกางเล็บ หนวนหน่วนก็ขัดจังหวะโดยการเรียกพี่ชายทีละคนอย่างอ่อนโยน
“พี่สี่ พี่โม่ฮัว พี่กู้อัน…”
ดวงตาสามคู่มองขึ้นพร้อมกัน แล้วพวกเขาก็เห็นว่าเด็กน้อยหนวนหน่วนถูกกู้หมิงอวี๋อุ้มอยู่
“น้องสาว!”
“หนวนหน่วน!”
“เตรียมตัวไปได้แล้ว” กู้หมิงอวี๋กล่าว
“พี่รองไม่ไปเหรอ?”
เด็กหญิงตัวน้อยมองรอบ ๆ หากู้เป่ย
กู้เป่ยเดินเข้ามาจากข้างนอก “พี่ไม่ไป มีอะไรต้องทำนิดหน่อย”
เขาเป็นคนประเภทไม่ชอบดูหนัง
“ก็ได้ค่ะ บ๊ายบายพี่รอง หนวนหน่วนกับพี่ ๆ จะกลับมาเร็ว ๆ นะคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยโน้มตัวลงหอมแก้มกู้เป่ย
ดวงตาภายใต้แว่นตาเผยความอ่อนโยนและรอยยิ้มขึ้นมาทันที ชายหนุ่มผู้นุ่มนวลราวกับหยกยกมือขึ้นลูบศีรษะน้อย ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงละมุน
“เที่ยวให้สนุกนะ พี่จะโอนเงินให้เธอสองหมื่น อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้เลย”
หนวนหน่วนพึมพำเบา ๆ “หนวนหน่วนก็มีเงิน”
ในช่วงฉลองปีใหม่หลายวันมานี้ กระเป๋าเงินของเธอหนาขึ้นมาก
อุณหภูมินอกบ้านในฤดูหนาวนั้นต่างกันสุดขั้ว ในบ้านมีความอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนข้างนอก สวมเสื้อผ้าบางหน่อยก็เย็นจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว
หนวนหน่วนจึงแต่งตัวเหมือนนกเพนกวินอ้วน ใบหน้าน้อยรูปไข่ถูกพันครึ่งล่างไว้ด้วยผ้าพันคอ หน้าผากขาวเนียนผุดผ่องถูกหมวดปิดเอาไว้ เหลือเพียงดวงตากลมโตสวยงามสดใสคู่หนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าจึงเล็กลงถนัดตา
กู้หมิงอวี๋ก็สวมผ้าพันคอปกคลุมใบหน้าซีกล่างถึงจมูก ชายหนุ่มยังสวมแว่นตาเลนส์ธรรมดาเพื่อพรางตัว ดูเหมือนพวก ‘คนชั่วในคราบบัณฑิต’ ไม่มีผิด
รถขับตรงไปถึงโรงหนัง ที่นั่งที่กู้หมิงอวี๋เลือกไว้อยู่ตำแหน่งตรงกลางกำลังดี การไปดูหนังไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอะไรมาก อันที่จริงเมื่อไฟโรงภาพยนตร์ดับลงก็ไม่มีใครจำใครได้ เขาค่อนข้างปลอดภัยทีเดียว
มีคนมาดูภาพยนตร์เยอะมากเป็นพิเศษ ทุกคนเดินเข้าไปอย่างเป็นระเบียบภายใต้การจัดการของเจ้าหน้าที่ ไป๋โม่ฮัวถือป็อปคอร์นด้วยแขนทั้งสองข้าง หนวนหน่วนก็ถือโค้กด้วยแขนเล็ก ๆ ทั้งสองเช่นกัน เธอมีพี่สามคอยอุ้มเอาไว้ ไม่นานกู้หมิงอวี๋ก็ตามผู้คนเข้าไปในโรงหนัง ชายหนุ่มเดินผ่านผู้คนเข้าไปด้านใน ตรงไปยังที่นั่งของพวกเขาที่ซื้อติดกันทั้งหมด
สาว ๆ สองคนที่นั่งอยู่แถวหลังพอเห็นพวกเขาก็กระซิบกระซาบคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ว้าว… ผู้ชายหล่อ ๆ เพียบเลย!”
“ส่วนสูงแบบนี้ หุ่นแบบนี้ ยังไม่ทันเห็นหน้าก็รู้แล้วว่าหล่อแน่”
“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าคนผมยาวดูหน้าคุ้น ๆ จัง?”
“คงไม่ใช่อวี๋อวี่ของพวกเราหรอกนะ”
“ไม่มีทางบังเอิญขนาดนี้หรอก แฟนคลับผู้ชายไว้ผมยาวตามเขาเยอะแยะ โรงหนังมืดไปหน่อย เมื่อกี้มองเห็นไม่ชัด”
“จุ๊จุ๊ เบา ๆ หน่อย ต่อให้เป็นอวี๋อวี่ตอนนี้พวกเราก็เข้าไปทักไม่ได้นะ เขาต้องมาดูหนังแน่ ๆ เลย เหมือนจะมากับเพื่อนและครอบครัวนะ ถ้าเราบุ่มบ่ามเข้าไปต้องอดดูหนังแน่”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เริ่มแล้ว ๆ”
ไฟทุกดวงในโรงหนังสลัวลง มีเพียงจอใหญ่ด้านหน้าเท่านั้นที่สว่างขึ้น เมื่อภาพยนตร์เริ่มต้นฉาย ไม่นานก็ดึงดูดสายตาของทุกคนไป