ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 182 ตุ๊กตาทั้งหมดพวกพี่ชายเป็นคนให้นี่นา หนูไม่อยากให้
บทที่ 182 ตุ๊กตาทั้งหมดพวกพี่ชายเป็นคนให้นี่นา หนูไม่อยากให้
ระหว่างทางกลับบ้านย่ากู้หลิงเอาแต่ด่ากราดไม่หยุด หญิงชราประคองใบหน้าหลานชายของตัวเองด้วยความสงสารพลางบอกให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ด่าทอกู้หมิงหลี่เสีย ๆ หาย ๆ
“พอเถอะ หยุดพูดได้ไหม!”
คนเหล่านี้กลับมาถึงบ้านก็ยังบ่นกันอยู่ กู้เถิงเฟยและพ่อของเขาโยนความผิดทั้งหมดให้กู้หลิง เสียงตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หลิงกลัวจนซุกตัวเข้ามุม เด็กหญิงได้แต่กุมบาดแผลตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ร้องไห้อยู่ได้! ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก พวกเราไม่ได้ซื้อของเล่นให้เหรอ คิดอะไรตื้น ๆ ไปขโมยของคนอื่นได้ยังไง!”
กู้เถิงเฟยก็ไม่พอใจเช่นกันที่ถูกทุบตีเพราะกู้หลิง “ผมบอกแล้วว่าเราตามใจเธอมากเกินไป พอก่อเรื่องขึ้นมากลายเป็นผมที่ถูกตีอีก”
ในเวลานี้หญิงชราไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป พอกู้หลิงไร้ประโยชน์ ตำแหน่งของเด็กหญิงในหัวใจก็ไม่สำคัญเหมือนก่อนแล้ว
มีเพียงแม่ของกู้หลิงเท่านั้นที่รักและสงสารลูกสาวจริง ๆ จึงเดินเข้าไปกอดลูกสาวพร้อมกับตัดพ้อ
“จะโทษลูกสาวทำไม? ถ้าไม่ใช่เพราะกู้หนวนหน่วนไม่มีน้ำใจ แค่ของเล่นชิ้นเดียวก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนกลายเป็นแบบนี้น่ะ?”
พูดจบก็ถูกสามีที่กำลังโกรธเกรี้ยวตบหน้า
หญิงสาวกุมใบหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่คุณกล้าตบฉัน!”
คนกระทำยิ้มเยาะ “ทั้งหมดเป็นเพราะลูกสาวที่คุณอบรมสั่งสอนไม่ใช่หรือไง”
พูดจบเขาก็สะบัดมือเดินออกไป เป็นเพราะติดหนี้การพนัน อารมณ์ของเขาในตอนนี้จึงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
กู้หว่านมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกเพียงว่าเธอต้องออกไปจากบ้านหลังนี้โดยเร็วที่สุด
ไป๋โม่ซูแล่นเข้ามาในความคิดทันที ถ้า… ถ้าตนสามารถแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นได้ก็ดีสิ
คฤหาสน์ตระกูลกู้ตอนนี้ไม่รู้ว่าบ้านคุณย่าใหญ่ของกู้หลิงมีอะไรเกิดขึ้น หนวนหน่วนผู้มีผ้าพันแผลพันอยู่ที่มือกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม ๆ อย่างเชื่อฟัง ใบหน้าน้อย ๆ แหงนขึ้นให้พี่รองเช็ดคราบน้ำตาอย่างอ่อนโยนจนสะอาด
เธอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ดวงตายังบวมอยู่ ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บมือแล้ว แต่พ่อและบรรดาพี่ชายยังรู้สึกสงสารเธอมาก
กู้หมิงหลี่เกาศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด “ทุกครั้งที่เจอบ้านนั้นต้องเกิดเรื่องอยู่เรื่อยเลย”
กู้หลินโม่ตบหลังหนวนหน่วนเบา ๆ เป็นการปลอบโยน
“หนวนหน่วนเด็กดี วันหลังพ่อจะไม่ให้พวกเขามาที่บ้านแล้ว”
หนวนหน่วนตอบอย่างนิ่มนวล “พ่อคะ หนูไม่เจ็บแล้วค่ะ”
เพราะเตี้ยกว่ากู้หลิงและยังไม่แข็งแรงเท่าเลยสู้ไม่ชนะ แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบจนเกินไป กู้หลิงก็ถูกเธอเตะหลายครั้งเช่นกัน
ตอนท้ายต้องพึ่งเหม่ยฉิวให้ช่วยแก้แค้นแทนตน
ไป๋โม่ซูถามเธอว่า “ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม?”
หนวนหน่วนชี้ไปที่หัวเข่าของเธอด้วยความคับข้องใจ
เสื้อของเธอหนาจึงไม่เป็นไร แต่ที่ขามีเพียงกางเกงเลกกิ้งตัวเดียวเท่านั้น ตอนที่ตบตีกับกู้หลิงช่วงท้ายหัวเข่าจึงชนเข้ากับกำแพงเลยรู้สึกปวดอยู่หน่อย ๆ
เด็กหญิงม้วนกางเกงขึ้นอย่างลำบาก ไป๋อันหรานจึงถอดให้หนวนหน่วน แต่ก็เหลือกระโปรงตัวเล็กไว้ เพราะใส่ไว้ข้างในแล้วคลุมหัวเข่าได้พอดี
เมื่อมองไปที่หัวเข่าขาวผ่องของเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้ฟกช้ำดำเขียวไปหมด ทั้งครอบครัวก็โกรธจัดจนอยากจะไปลากไอ้หน้าด้านพวกนั้นกลับมากระทืบให้สาสม
ไป๋โม่ซูเม้มปาก สายตาดูเย็นชาขึ้นไปอีก เขาหยิบสำลีก้านทายา ก่อนจะแตะลงไปที่หัวเข่าของหนวนหน่วนอย่างระมัดระวัง
เด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่ในอ้อมกอดของพี่ใหญ่ นิ้วมือเล็ก ๆ อันขาวผุดผ่องกำเสื้อของเขาแน่นพลางซุกหน้าลงในอ้อมอกของเขา ถึงจะรู้สึกเจ็บแต่หนวนหน่วนก็กลั้นน้ำตาที่ใกล้จะไหลพรากไว้ไม่ให้ร้องอีก
“ไม่ต้องกลัว พี่จะเป่าแผลให้เอง”
กู้อันนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เป่าแผลให้น้องสาวของตนด้วยความสงสาร ในใจอัดไปด้วยความแค้น คอยดูเถอะ เขาต้องแก้แค้นให้ได้
ที่พวกพี่ ๆ ไม่ตีกู้หลิงก็เพราะเจ้าตัวยังเด็ก เพราะฉะนั้นเขาจะหาเด็กคนหนึ่งให้ไปหาเรื่องกู้หลิง ไม่ว่าใครก็ห้ามรังแกน้องสาวของเขา ถึงเป็นเด็กก็ไม่ยอมหรอก!
“เด็กดี ไม่เจ็บแล้ว”
ไป๋อันหรานลูบหัวลูกสาวด้วยความสงสาร แม้ว่ากู้หลิงจะถูกแมวข่วน แต่เธอก็ไม่รู้สึกเห็นใจเลยสักนิด คำพูดที่กู้หลิงพูดกับหนวนหน่วนทำให้รู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้ถูกสอนมาอย่างผิด ๆ แต่เธอไม่มีเวลาไปเห็นใจใครหรอก แค่กับหนวนหน่วน เธอยังใช้เวลาด้วยกันไม่พอเลย
พวกเธอไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น
“แม่คะ หนูไม่เจ็บแล้วค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยตอบเบา ๆ หลังจากทำแผลที่หัวเข่าเสร็จ ไป๋อันหรานก็ถามลูกสาวอีกครั้งว่ายังเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่ แต่หนวนหน่วนส่ายหน้าบอกว่าไม่
“พี่จะพาเธอไปพักผ่อน”
กู้เป่ยลุกขึ้นยืนอย่างเป็นห่วง “ผมไปด้วย”
กู้หนานอุ้มน้องสาวขึ้นไปบนห้องของเธอ ในห้องที่เดิมวุ่นวายยุ่งเหยิงมีแม่บ้านมาจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ทั้งเตียงนอนและพรมถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่
“พี่ใหญ่”
หนวนหน่วนยืนพิงพี่ใหญ่ของเธออย่างไร้เรี่ยวแรงน่าเอ็นดู เธอช้อนดวงตาคู่โตมองเขา ก่อนจะเปิดริมฝีปากเรียกเขาอย่างนุ่มนวล
“หืม ยังเจ็บอยู่เหรอ?”
หนวนหน่วนส่ายหน้า จับเสื้อเขาแล้วพูดอย่างประหม่า
“เธอแย่งตุ๊กตาของหนูไปก่อนโดยไม่บอกสักคำ”
“เด็กดี นี่มันไม่ใช่ความผิดของหนวนหน่วนหรอก”
หนวนหน่วนตอบรับอย่างนุ่มนวล เมื่อถูกวางลงบนเตียงก็ชำเลืองมองชายเสื้อของเขา พลางก้มหน้าลงพูดเบา ๆ
“ถึงเธอจะบอกก่อน หนวนหน่วนก็ไม่อยากให้เล่นค่ะ ตุ๊กตาทั้งหมดพวกพี่ชายเป็นคนให้นี่นา หนูไม่อยากให้”
หนวนหน่วนมองบรรดาพี่ชายอย่างประหม่า เมื่อก่อนเคยได้ยินผู้ใหญ่บอกว่าควรเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน แต่… แต่เธอไม่อยากแบ่งปันตุ๊กตาที่บรรดาพี่ชายให้มากับคนที่เธอไม่ชอบ
กู้เป่ยลูบหัวของน้องสาวเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเผด็จการที่ไม่ค่อยได้ยิน “ไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ หนวนหน่วนคือสมบัติล้ำค่าของตระกูลกู้ของเรา ไม่มีใครบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบได้หรอก”
กู้หนานลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา “คราวหน้าห้ามทะเลาะกันนะ มาหาพวกพี่ได้เลย”
หนวนหน่วนมองบรรดาพี่ชายของตนด้วยดวงตาระยิบระยับ ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอรู้สึกได้ทันทีว่าบาดแผลของตนไม่เจ็บแล้ว
ไป๋โม่ซูเดินเข้ามา “จะให้หนวนหน่วนฉีดวัคซีนไหม ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไว้ก่อน”
หนวนหน่วนจับก้นเล็ก ๆ ของตนไว้แล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที เด็กหญิงมองลูกพี่ลูกน้องของตนด้วยสายตาน่าสงสาร
“หนู… ไม่อยากฉีดยา”
เด็กหญิงป่วยมาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวซี เวลาเธอป่วยคุณยายจะพาไปฉีดยา เจ็บก้นมากเลยละ ยังมียากินอีก จำได้ว่าขมปี๋
ไป๋โม่ซูมีรอยยิ้มแฝงอยู่ในดวงตาที่เย็นชา
“ได้ ไม่ฉีด”
ไป๋โม่ฮัวโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังพร้อมกับผลไม้จำนวนหนึ่งในมือ
“หนวนหน่วนหิวยัง กินอะไรหน่อยไหม?”
เด็กหญิงตัวน้อยมองสายตาที่เป็นห่วงของเขาพลางพยักหน้าหงึก ๆ คิ้วและตายกหยี
“เราไปกินข้าวกันเถอะ”
ไป๋โม่ฮัวถอดรองเท้าเหลือเพียงถุงเท้าแล้วเดินเข้าไป เขาวางอาหารไว้ด้านหนึ่งก่อนแล้วห่มผ้าให้น้องสาว จากนั้นก็ดึงโต๊ะเล็ก ๆ ที่สามารถวางไว้บนเตียงได้ออกมาจากใต้เตียง วางอาหารลงบนโต๊ะเล็กเพื่อรับประทานกับหนวนหน่วน
ทั้งสองรับประทานอย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนหนูแฮมสเตอร์แก้มตุ่ย ลืมปัญหาทั้งหมดในชั่วพริบตา
พวกพี่ชายคนอื่น ๆ เห็นแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา
ไม่มีอะไรต้องกังวลก็ดีแล้ว
แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่มีความคิดที่จะปล่อยครอบครัวนั้นไปง่าย ๆ ขนาดเคยให้บทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่ยอมหยุด นี่แปลว่ายังไม่รู้สึกกันอีกสินะ