ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 181 ขัดแย้ง
บทที่ 181 ขัดแย้ง
หนวนหน่วนอุ้มตุ๊กตากวางซีกาที่ญาติผู้พี่คนรองให้มากลับห้องอย่างมีความสุข พวกแมวเหมียวคอยตามอยู่แทบเท้า ส่วนพี่ใหญ่ก็กลับไปอบรมต้าหวงอีกครั้ง
ก็ใครใช้ให้ต้าหวงไปกัดเสื้อผ้าชุดหนึ่งของเธอล่ะ ทำเกินไปแล้ว!
ในขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังพูดคุยและจัดการเรื่องต่าง ๆ ของตัวเอง กู้หลิงก็จ้องมองของเล่นที่หนวนหน่วนกอดไว้ ฉวยโอกาสตอนที่พวกผู้ใหญ่ไม่ได้สังเกตเดินตามไป
หนวนหน่วนมีห้องสำหรับวางตุ๊กตาโดยเฉพาะ ทั้งหมดเป็นของที่พี่ชายทั้งหลายมอบให้ ข้างในมีของเล่นมากมายหลายขนาดจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แมวหลายตัวในบ้านชอบที่นี่มากกว่าเธอเสียอีก เวลาว่าง ๆ ก็จะกระโดดใส่ตุ๊กตาตัวใดตัวหนึ่ง สร้างรังแล้วนอนหลับไป
เธออุ้มตุ๊กตากวางซีกา ลูบไล้มันพลางยิ้มแย้มอ่อนโยน จุ๊บจมูกสีเข้มของมันเสร็จก็วางมันลง จู่ ๆ ประตูด้านนอกพลันเปิดออก ตามมาด้วยร่างหนึ่งที่สูงกว่าเธอวิ่งเข้ามา
เป็นกู้หลิงที่แอบตามมา
ทันทีที่เธอเข้ามา สายตาก็จับจ้องไปที่ห้องของเล่นของหนวนหน่วน จากนั้นดวงตาก็สว่างสดใสขึ้นมาทันที เธอวิ่งตรงเข้าไปโดยไม่ทักทาย จากนั้นก็ดึงหูหมีตัวใหญ่ออกมา
หนวนหน่วนเห็นแล้วไม่พอใจมาก เด็กหญิงวางตุ๊กตากวางซีกาไว้ข้าง ๆ แล้วตรงเข้าไปห้าม
“ทำอะไรน่ะ! นี่ของหนวนหน่วนนะ มีมารยาทบ้างหรือเปล่า? หนวนหน่วนอนุญาตให้แตะต้องตอนไหน?”
ขโมยของเล่นที่พวกพี่ชายให้เธอแถมยังไม่ทักทายเลยสักคำ หนวนหน่วนโกรธมากจริง ๆ
“ไม่ใช่ของเธอสักหน่อย ของพวกนี้ควรเป็นของฉัน คุณย่าบอกว่า ของของเธอเดิมทีควรเป็นของฉัน เธอต่างหากที่ขโมยมันไปจากฉัน!”
กู้หลิงทั้งกลัวและตื่นตระหนกเมื่อเผชิญหน้ากับกู้หนานและคนอื่น ๆ แต่กับหนวนหน่วน นิสัยที่ถูกตามใจจนเหลิงและเอาแต่ใจก็ได้แสดงออกมาทันที ตอนนี้เธอไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
พอคิดว่าคนคนนี้ขโมยของที่ควรเป็นของเธอไป แล้วยังทำให้พวกคุณย่าและพ่อไม่ดีกับเธอเหมือนก่อน กู้หลิงจึงปล่อยของเล่นในมือแล้วผลักหนวนหน่วนออกไป
หนวนหน่วนไม่ทันตั้งตัว ถูกผลักถอยออกไปสองก้าว ทรุดนั่งลงกับพื้น ใบหน้าน้อย ๆ เต็มไปด้วยความสับสนและความโกรธ
เด็กหญิงลุกขึ้นยืน พยายามผลักกู้หลิงออกไป
สองเด็กน้อยเข้าตะลุมบอนกัน ดึงผมและกัดกัน ตีกันอย่างไม่มีอุปสรรคขัดขวาง จะลงมืออย่างไรก็ได้
บรรดาแมวเหมียวเห็นเจ้านายของมันถูกทุบตีก็ไม่พอใจ ต้องการเข้ามาช่วย แต่เด็กทั้งสองล้มลุกคลุกคลานอยู่ด้วยกัน พวกมันกลัวถูกลูกหลงจึงได้แต่ร้องเหมียว ๆ อย่างกระวนกระวาย
มือของหนวนหน่วนถูกกู้หลิงกัดอย่างแรงจนเลือดซิบ เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดทันที
เหม่ยฉิวโกรธมาก มันเงื้อกรงเล็บตะปบมือของกู้หลิงอย่างรวดเร็ว รอยเลือดหลายแถวปรากฏขึ้นทันที
กู้หลิงร้องไห้อย่างเจ็บปวด
เสียงร้องไห้ดังมาถึงชั้นล่าง บรรดาพี่ชายของหนวนหน่วนต่างหน้าถอดสี วิ่งไปที่ห้องของเธอทันที สีหน้าของผู้เฒ่ากู้และคนอื่น ๆ ก็ดูไม่ดีเช่นกัน
เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าเด็กสองคนกำลังนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น ผมเผ้าและเสื้อผ้าเละเทะยุ่งเหยิง หนวนหน่วนกุมมือตัวเอง น้ำตาไหลหยดแหมะ ๆ
เมื่อเห็นพี่ชายของตนก็ลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปหา พอพี่ใหญ่อุ้มขึ้นมาก็ยิ่งร้องไห้ตัดพ้อทันที
“ฮือฮือ พี่ใหญ่ เจ็บจัง”
เธอยกมือขาวนุ่มอวบ ๆ ของตัวเองขึ้นมา ในขณะนี้บนหลังมือมีรอยฟันที่ชัดเจนมาก มีเลือดไหลซึมออกมาด้วยอีกต่างหาก
ทันใดนั้นสีหน้าของบรรดาพี่ชายพลันมืดครึ้มลง พวกเขาจับจ้องไปที่กู้หลิงด้วยสายตามืดทึมน่าสะพรึงกลัว
กู้หลิงเห็นพวกเขามองแบบนั้นก็สะอึก กลัวจนร้องไห้ไม่ออก
ไป๋โม่ซูออกไปหากล่องปฐมพยาบาลมาพันแผลให้หนวนหน่วนด้วยสีหน้าเย็นชา
คุณย่าของกู้หลิงและคนอื่น ๆ ก็ขึ้นมาด้วย ทันทีที่เธอเห็นพ่อและย่าของตัวเองก็เหมือนได้พบที่พึ่ง วิ่งเข้าไปร้องไห้จ้า ชิงฟ้องก่อนที่อีกฝ่ายจะฟ้องตน
“คุณย่าคะ เธอตีหนู เจ้าสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นข่วนหนูด้วย หนูเจ็บ!”
กู้หลิงร้องไห้ตีโพยตีพายเสียงดังลั่น เสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูอย่างยิ่ง
คำว่าเจ้าสัตว์เดรัจฉานนี้เธอมักจะได้ยินคุณย่าด่าแมวจรจัดในสวนสาธารณะอยู่บ่อย ๆ จึงเลียนแบบ
หนวนหน่วนกอดคอพี่ชาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร ดวงตากลมโตสวยงามแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก ๆ อย่างน้อยอกน้อยใจ มือน้อย ๆ มีพี่รองคอยประคองไว้ในมือพลางเป่าลมให้ด้วยความสงสาร แต่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้ดังจนเกินไป
เมื่อหญิงชราเห็นบาดแผลที่มือของกู้หลิง บวกกับความไม่ถูกชะตาหนวนหน่วนเป็นทุนเดิมจึงระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้น เธอจ้องหนวนหน่วนเขม็ง ก่อนจะอ้าปาก ด่ากราดออกมาเป็นชุดจนเกือบหายใจไม่ทัน
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่เห็นแค่แป๊บเดียวก็มาอยู่ในสภาพนี้แล้ว ไอ้เวรเอ๊ย เกือบถูกเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นข่วนมือเละแล้ว กู้เจี้ยนหัว แกต้อนรับแขกกันแบบนี้เหรอ? ถึงเมื่อก่อนพวกเราจะเคยเลวร้ายไปสักหน่อย แต่พวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้ ทำตัวเป็นไอ้บ้านนอกต่ำช้าจริง ๆ เลี้ยงพวกสัตว์เดรัจฉานเอาไว้รังแกคนอื่นเหรอ? แมวแบบนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้ วันนี้ข่วนกู้หลิงของเรา วันหนึ่งก็ไปกัดคนอื่นได้ วันนี้หลิงหลิงของเราได้รับบาดเจ็บในที่ของแก เรื่องนี้ต้องชี้แจง ไม่งั้นฉันจะ…”
“หุบปาก!”
กู้หนานกวาดสายตาอันเย็นชามืดมนมองออกไป คำพูดอันเจ็บแสบของหญิงชราเหมือนติดอยู่ในลำคอ พูดไม่ออกแล้ว
กู้หว่านใจเต้นระรัว
แย่แล้ว…
เมื่อพี่ชายและครอบครัวของหนวนหน่วนได้ยินแม่เฒ่ากล่าวคำว่า ‘คนต่ำช้า’ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยไฟโทสะที่ควบคุมไม่ได้
ใบหน้าสะสวยของกู้หมิงอวี๋ในขณะนี้เต็มไปด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วคนอื่นจะต้องเกรงกลัวคุณ เห็นเราไม่หือไม่อือหน่อยก็จะเอาเปรียบใช่ไหม? ใครมอบความกล้าหาญให้พวกคุณกัน? ลูกชายเศษสวะของคุณหรือไอ้หน้าด้านที่อาศัยความเป็นผู้อาวุโสเที่ยวดูถูกคนอื่น คิดจะเอะอะโวยวายก็ช่วยดูสถานที่ก่อน!”
กู้หมิงหลี่ไม่พูดจา แต่กระชากตัวกู้เถิงเฟย หลานชายคนโปรดของแม่เฒ่ามาตีอย่างโหดร้าย จังหวะนั้นเสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้นมา แม่เฒ่าเลิกสนใจกู้หลิงแล้วหันไปดึงกู้หมิงหลี่ออกมาจากตัวหลานชายทันควัน
“กู้หมิงหลี่ทำอะไรน่ะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
กู้หมิงหลี่มองกลับด้วยสายตาดุดัน แม่เฒ่าเห็นแล้วก็กลัวจนไม่กล้าดึงเขา ทำได้เพียงตบต้นขาร้องไห้คร่ำครวญ บอกว่ากู้หมิงหลี่ไร้หัวใจ ไร้สติรู้ผิดชอบชั่วดี รังแกผู้อื่น
กู้หลิงที่ยังร้องไห้ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ เมื่อก่อนเธอก็เคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ แต่ทุกครั้งย่าของเธอจะด่าคนพวกนั้นเตลิดไป แต่วันนี้… สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมเลย
“ไป ๆ ๆ! พวกคุณทุกคนออกไปจากบ้านของฉันให้หมด!” ไป๋อันหรานสงสารลูกสาวตัวเอง เธอชี้ไปข้างนอก ไล่พวกเขาออกไปด้วยความโกรธ
“ไป๋อันหราน พวกคุณใช้อำนาจข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว ลูกสาวของฉันบาดเจ็บสาหัส ถึงครอบครัวของพวกคุณจะไม่ชอบเรา แต่ก็ปล่อยให้แมวมาข่วนลูกสาวของฉันไม่ได้”
แม่กู้หลิงอุ้มลูกสาวที่กำลังร้องไห้ขึ้นอย่างคับข้องใจ ครอบครัวนี้ไร้เหตุผลเกินไป เห็นอยู่ว่าลูกสาวของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่า
ไป๋อันหรานโกรธจัดจนอยากจะแค่นหัวเราะ “พวกคุณไม่ไปถามลูกสาวของคุณหน่อยเหรอว่าทำไมถึงมาที่ห้องของลูกสาวฉัน? แล้วแผลที่มือของลูกสาวฉันล่ะ หนวนหน่วนคงไม่ได้กัดตัวเองหรอกมั้ง!”
แม่ของกู้หลิงใจฝ่อ “กู้หลิง… อาจจะขึ้นมาดูเพราะความอยากรู้อยากเห็นก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย กู้หลิงเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เด็ก ๆ เล่นกันตีกันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
หนวนหน่วนเบะปาก หลุบตาลงด้วยความคับข้องใจ
“กู้หลิง… กู้หลิง… วิ่งเข้ามา จู่ ๆ ก็เข้ามาแย่งของเล่น… ที่พวกพี่ชายให้หนูโดยไม่ถามสักคำ แถมยังบอกอีกว่าของของหนูทั้งหมดเป็นของเธอ หนูไม่ให้แย่งก็ผลักหนู จากนั้น…จากนั้นหนูก็ผลักเธอด้วย เราเลยต่อสู้กัน กู้หลิงกัดหนู หนูเจ็บจนร้องไห้ เหม่ยฉิวเลยข่วนกู้หลิงเพราะต้องการช่วยหนู เหม่ยฉิวปกป้องหนูต่างหาก”
เด็กหญิงสะอื้นไห้ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมา ระหว่างที่ไป๋โม่ซูพันแผลให้อย่างระมัดระวัง
ไป๋อันหรานและกู้หลินโม่โกรธจัดจนดวงตาแดงก่ำ
“ทำไมถึงบอกว่าของของลูกสาวผมเป็นของกู้หลิง? ที่แท้ครอบครัวคุณสอนเด็กกันแบบนี้เหรอ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเข้าไปในห้องลูกสาวผมแล้วขโมยของได้อย่างหน้าตาเฉย พวกคุณนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ!”
แม่เฒ่าประคองหลานชายของตนขึ้นมา พอเห็นเขาหน้าตาฟกช้ำดำเขียวตัวสั่นด้วยความโกรธ ก็ยิ่งแผดเสียงแสบแก้วหูมากขึ้นอีก
“ใครจะรู้ว่าเด็กคนนั้นพูดจริงหรือโกหกล่ะ ขี้งกแบบนั้นแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวก็ยังหวง! หลิงหลิงเป็นพี่สาว เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอนะ ไม่มีความนับถือรุ่นพี่รุ่นน้องกันเลยสักนิด!”
กู้หมิงหลี่จ้องมองแม่เฒ่าด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว หักข้อนิ้วดังกร๊อบ ๆ
“เชื่อไหมว่าผมจะทำให้หลานของคุณไปโรงเรียนไม่ได้?”
แม่เฒ่าไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
ผู้เฒ่ากู้กระแทกไม้เท้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พวกคุณออกไปได้แล้ว บ้านเราคับแคบเกินไปที่จะต้อนรับคนอย่างพวกคุณ วันหลังอย่ามาที่นี่อีก ญาติแบบนี้พวกเรารับไม่ได้”
“กู้เจี้ยนหัว!”
“ออกไป!”
คำพูดตรง ๆ ทำให้กู้หลิงตกใจตัวสั่น ใบหน้าซีดเผือด
กู้หว่านแค่รู้สึกสิ้นหวังภายในใจเท่านั้น เกลียดครอบครัวของตัวเองและเกลียดหนวนหน่วนด้วย ทำไมถึงชอบเกิดเรื่องในเวลาแบบนี้ ก็แค่ของเล่นไม่กี่ชิ้นเองไม่ใช่หรือ?
สุดท้ายทั้งครอบครัวก็ถูกขับไล่ออกไปอย่างเศร้าหมอง กู้หมิงอวี๋และกู้หมิงหลี่มองตามพวกเขาออกไป ก่อนไปได้บอกลาพวกเขาประโยคหนึ่ง
กู้หมิงอวี๋ “วันหลังเวลามาเซ่นไหว้ให้บอกพวกเราล่วงหน้า นอกเหนือจากนี้ก็อย่ามาอีก รกหูรกตา”
พูดจบก็ปิดประตูทันที
คนที่หน้าประตูใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติกลับมา ตอนไหนที่ต้องมาเซ่นไหว้? ก็ต้องเวลามีคนตายน่ะสิ
แม่เฒ่าที่อยู่ในสภาพไม้ใกล้ฝั่งโกรธจัดจนผงะถอยหลัง
“ฉัน… ฉันอาวุโสกว่าพวกเขา พวกเขาทำ… ทำได้ยังไง!”
ประโยคนี้หญิงชราเคยพูดหลายครั้ง เมื่อก่อนเธอใช้ประโยคนี้ข่มคนหนุ่มอย่างกู้หมิงหลี่และคนอื่น ๆ ทุกครั้ง เมื่อก่อนพวกเขาไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ในตอนนี้…
มันใช้กับพวกเขาไม่ได้แล้วสินะ
หญิงชราข้ามเส้นตายของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าพวกเขาจะยอมถูกรังแกได้ง่าย ๆ หรือ
“คุณย่า คิดว่าประโยคนี้จะใช้ได้ผลกับพวกเขาเหรอ?”
กู้หว่านคับแค้นใจสุดขีด “หนูเคยบอกท่านหลายครั้งแล้วว่างานของคุณพ่อต้องพึ่งพาครอบครัวนั้น ถ้าไม่มีพวกเขาสนับสนุน พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ทำไมคุณย่าไม่ฟังอะไรเลย!”
เธอตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวดใจ “แล้วทีนี้จะทำยังไงดี? ความสัมพันธ์ของพวกเรากับครอบครัวนั้นไม่สู้ดีอยู่แล้ว บริษัทของพ่อจะล้มละลายถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป พอถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่เหลืออะไรเลย”
เพียะ!
แม่เฒ่าตบหน้ากู้หว่าน มองเธอด้วยสายตาน่ากลัว
“เธอพูดแบบนี้กับย่าของเธอได้ยังไง! พี่ชายของเธอถูกตี จะให้ฉันทนอยู่เฉย ๆ เหรอ?”
เธอเห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ในบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลานชายสุดที่รัก ต่อมาก็เป็นกู้หลิง หลานสาวที่เคยถูกวางไว้เป็นความหวังและความรักของทุกคน ในใจของเธอกู้หว่านอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่สุด ตอนนี้ยังกล้าตำหนิเธออีก โง่อะไรเช่นนี้
กู้หว่านกุมใบหน้าหลุบตาลง ในดวงตามีความคับแค้นใจปรากฏขึ้น
“ถ้าบริษัทของพ่อขาดเงินทุนหมุนเวียน พวกเราก็ไม่ต้องกลับบ้านเกิดหรอก อย่าลืมว่าพ่อยังติดหนี้พนันนอกระบบอยู่อีก”
พ่อของกู้หว่านรู้สึกหมดความมั่นใจและโกรธที่ถูกเปิดโปง ในใจอดโทษแม่และกู้หลิงผู้เป็นลูกสาวไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พวกเธอ เรื่องราวต่าง ๆ คงไม่มาถึงขนาดนี้