ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 180 กู้หว่านจอมยุ่ง
บทที่ 180 กู้หว่านจอมยุ่ง
หลังจากนั้นกู้หว่านก็มองเทพบุตรของเธอเดินไปหาคนที่เธอเกลียดขี้หน้า
เขาลูบศีรษะหนวนหน่วนอย่างสนิทสนม
เมื่ออยู่ต่อหน้าหนวนหน่วน ความเย็นชารอบตัวก็หายวับไปทันตา หลังจากเดินผ่านพ้นประตูบ้านหลังนี้เข้ามา ชายหนุ่มก็ยกมุมปากขึ้น สร้างความดูดีให้เขาขึ้นอีกเท่าตัว
มือของกู้หว่านจับเสื้อผ้าของตนแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เธอได้แต่หวังว่าจะสามารถเป็นเหมือนกู้หนวนหน่วนได้ แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเธออยู่ทุกเมื่อเลย
เด็กสาวรอจังหวะอยู่นาน ในที่สุดชายคนนั้นก็หันหน้าไปทางอื่นหลังจากสบตากับเธอเข้าอย่างจัง เวลานั้นกู้หว่านรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก สายตาเย็นชานั่นกวาดมองไปทั่วอยู่แบบนั้นประมาณหนึ่งวินาที
เขาเมินเฉยต่อทุกสิ่ง แตกต่างจากตอนที่มองกู้หนวนหน่วนอย่างสิ้นเชิง
กู้หว่านเม้มปากของตัวเอง สีหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“หนวนหน่วน คิดถึงพี่ไหม”
ไป๋โม่ฮัวเดินเข้ามาสวมกอดเด็กหญิงตรงหน้าพลางเอาหน้าซุกไซ้เจ้าของแก้มยุ้ย พวกเขาราวกับแมวสองตัวคลอเคลียกันอยู่ เป็นภาพที่น่าเอ็นดูมาก
หนวนหน่วนตัวน้อยยกยิ้มขึ้นอย่างใสซื่อ นัยน์ตาของเธอหยีเล็กลงครึ่งเสี้ยว ก่อนจะปรากฏลักยิ้มบุ๋มขึ้นบนแก้มทั้งสองข้าง แขนเล็กยกสวมกอดญาติผู้พี่คนรองของตนอย่างคุ้นเคย
“อื้มอื้ม หนวนหน่วนคิดถึงทั้งสองคนเลยค่ะ”
น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวล ยิ่งฟังยิ่งทำให้คนที่ได้ยินใจอ่อนยวบ
ไป๋โม่ฮัวได้ยินแล้วก็พอใจ เขาส่งเจ้าเกี๊ยวในอ้อมแขนให้พี่ชาย
“พี่ก็กอดหนวนหน่วนด้วยสิ”
หลังจากไป๋โม่ฮัวปล่อยมือออกจากหนวนหน่วน ไป๋โม่ซูก็เขย่าตัวเธอเบา ๆ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะแข็งแรงขึ้นมาก เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูกำลังพอดีตัวเลยทีเดียว
ดูรอยยิ้มบนใบหน้ากลม ๆ แสนน่ารักของญาติผู้น้องตัวน้อยนี่สิ มันทำให้เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย
หนวนหน่วนกอดคอญาติผู้พี่คนโตของเธอแล้วซบใบหน้าลง ไป๋โม่ซูจึงหัวเราะออกมา
“เจ้าตัวเล็กอ้วนขึ้นแล้วนะเนี่ย”
หนวนหน่วน “!!!”
นึกไม่ถึงเลย โดยปกติแล้วเธอจะใส่ใจเรื่องน้ำหนักตัวเป็นพิเศษเลยนะ!
หนวนหน่วนตัวน้อยยอมไม่ได้ที่โดนบอกว่าตัวเองอ้วนขึ้น เธอรีบแย้งด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ เป็นเพราะหนวนหน่วนใส่เสื้อผ้าหลายชั้นต่างหาก”
เธอไม่ได้อ้วนขึ้นนะ!
แววตาของไป๋โม่ซูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอาดันพุงของหนวนหน่วนด้วยหน้าท้องของตน
“จริงเหรอ?”
หนวนหน่วนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้าลงอย่างจริงจัง “อื้มอื้ม ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองจับพุงหนวนหน่วนได้ เอาเลยค่ะ”
นิ้วเรียวของไป๋โม่ซูจิ้มลงบนพุงของเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะจิ้มลงอีกครั้งเป็นการเย้าแหย่
หนวนหน่วน ‘ยุบยิบจัง ทนไม่ไหวแล้ว!’
เปลี่ยนคนอุ้มดีกว่า ร่างเล็กหันไปทางพี่ใหญ่แล้วอ้าแขนเพื่อที่จะเข้าไปกอดเขา
เมื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่ใหญ่เธอก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น การแสดงออกของเธอดูมั่นใจขึ้นมาก
“เห็นไหม เห็นไหม ท้องหนวนหน่วนแบนราบเลย”
“อุ๊บบ…”
เป็นใครก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หนวนหน่วนจึงต้องใช้นัยน์ตาสีดำจ้องกู้หมิงอวี๋ พี่ชายคนที่สามของเธอ
หนวนหน่วน ‘พี่สามก็อีกคน!’
เด็กหญิงจ้องมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาลูกท้อของกู้หมิงอวี๋ เมื่อสวมใส่เสื้อสีแดงก็ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งผ่องและงดงามมากขึ้นไปอีก
กู้หมิงอวี๋ “โธ่… อย่าเข้าใจพี่ผิดนะ พี่ไม่ได้หัวเราะเธอ”
หนวนหน่วนวางคางเล็กของตัวเองลงบนบ่าของพี่ใหญ่ด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ จากนั้นก็ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับบ่นหงุงหงิง
บรรยากาศตรงนี้กลมเกลียวกันมาก พี่ชายหยอกล้อน้อง ๆ อย่างเป็นกันเองไปหมด แตกต่างกับฝั่งครอบครัวของกู้หว่านลิบลับ
กู้หว่านอยากเข้าไปพูดคุยทักทายอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความผิดที่เคยก่อ เธอจึงประหม่าจนไม่กล้าเดินเข้าไป
เมื่อเห็นแม่บ้านเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับน้ำผลไม้ในมือ ดวงตาของเด็กสาวก็สว่างขึ้นทันที
“เดี๋ยวหนูช่วยเองค่ะ”
ไม่รอให้เธอโต้ตอบสิ่งใด กู้หว่านก็ดึงน้ำผลไม้ในมือไปถือแล้วเดินจากไป
แม่บ้าน “…”
อะไรกันเนี่ย? อยู่ในสถานที่ใหญ่โตขนาดนี้ยังจะมาแย่งงานฉันไปอีก?!
เธอเหลือบมองไปที่คุณผู้ดูแล ชายชราส่งยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้ เธอจึงทำได้แค่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้แล้วเดินจากไป
ไม่รู้จริง ๆ ว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ ถึงแม้ว่าจะอยากดึงดูดความสนใจมากแค่ไหน แต่จะมาแย่งงานของพวกเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน มีหวังโดนหักเงินเดือนพอดี
กู้หว่านไม่คิดอะไรมากมาย เธอเดินถือน้ำผลไม้เข้าไปในกลุ่มพี่น้องตระกูลกู้พลางส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนสู้สายตาไร้ปรานีของพวกเขา ทุกคนในที่นี่เปรียบเหมือนดอกบัวขาวดอกน้อยที่โผล่พ้นโคลนตมและไร้มลทิน เธอแอบชำเลืองมองไปที่ไป๋โม่ซู ปรับกิริยาท่าทางให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น
“พี่กู้หนาน ครั้งก่อนหนูผิดไปแล้ว หนูมาที่นี่เพื่อจะขอโทษหนวนหน่วนค่ะ”
กู้หว่านเอ่ยขอโทษหนวนหน่วนออกมา เด็กสาววางตัวได้ดีเลยทีเดียว แต่เธอกลับรู้สึกว่าเพราะมีกู้หนวนหน่วนอยู่ตรงนี้ พวกเขาเลยปฏิบัติต่อเธอได้ไม่ค่อยดีนัก (คิดมากไปเอง)
ถ้าเรื่องบาดหมางนี้จบลง เธอจะได้เข้าหาคนในใจได้อย่างเป็นธรรมชาติเสียที
“ขอโทษนะหนวนหน่วน ฉันจะมาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดของเธอ ฉันไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายอะไรเธอเลยจริง ๆ นะ ตอนที่พี่กู้หมิงหลี่มา ฉันแค่พยายามจับมือเธอแล้วเดินกลับไปด้วยกันเท่านั้น ใครจะไปคิดว่า…”
เธอมองไปที่กู้หมิงหลี่ด้วยดวงตาสีแดงก่ำอย่างเสียใจ
กู้หมิงหลี่ที่กำลังอดทนอดกลั้น เส้นความอดทนขาดผึงทันที
“ที่พูดอยู่นี่เหนื่อยบ้างไหม พูดอะไรก็พูดไม่หมด เหลือไว้ให้คนอื่นเดาอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญ! แล้วทำไมครั้งก่อนถึงบอกว่าฉันเข้าใจผิดล่ะ? นี่ไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอว่าจิตใจตัวเองเป็นแบบไหน?”
ทำเหมือนกับว่าพวกเขาหลอกง่ายมากนักแหละ
กู้หว่าน “…หนูเปล่า”
เด็กสาวคนนี้ชอบพูดสิ่งที่เกิดขึ้นแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ชอบปล่อยให้คนรอบข้างเดากันไปต่าง ๆ นานา ไม่รู้ว่าเธอทำแบบนี้กับกี่คนแล้ว คนที่โดนคงต้องทนทุกข์กับเธอมากแน่
แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามันไม่ได้ผล สุดท้ายแล้วท่ามกลางคนทั้งหมดนี้ เธอก็เป็นเพียงคนนอกเท่านั้น
กู้หมิงอวี๋กอดอกพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “มีธุระอะไรอีกไหม?”
ถ้าไม่มีแล้วก็กลับไปซะ
มันดูออกได้อย่างชัดเจนเลย กู้หว่านปรายตามองไปที่ไป๋โม่ซูด้วยแววตาแดงก่ำราวกับเสียใจนักหนา
ทุกคน “…”
นี่หมายความว่าไงกัน?
ไป๋โม่ซูปรายตามองเธออย่างเฉยเมย ในฐานะหมอแล้ว รู้สึกว่าผู้คนทั่วไปจะเริ่มมีอาการทางจิตเวชมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงคนที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย
ไป๋โม่ฮัวอารมณ์ขึ้น “จ้องหน้าพี่ชายฉันหาอะไร?”
เขาจ้องกลับอย่างเอาเป็นเอาตาย
จู่ ๆ กู้หว่านก็ร้องไห้ขึ้นมา เธอทำตัวราวกับตัวเองเป็นดอกไม้สีขาวที่อยู่ท่ามกลางฤดูหนาว “น…หนูเปล่า ขอโทษจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
ทุกคน “…”
บ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย
กู้หมิงอวี๋กระตุกยิ้มมุมปาก “อ่านนิยายมากไปแล้วมั้ง ตัวละครดอกไม้สีขาวต้องพยายามมากกว่านี้นะ”
บทจะร้องไห้ก็ร้องออกมา ราวกับว่าชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังรุมทำร้ายเธออย่างนั้นแหละ
กู้หมิงหลี่คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันไปกระซิบกระซาบ “เธอจะไม่ร้องห่มร้องไห้แล้วเอาไปฟ้องญาติผู้ใหญ่ว่าเรารุมแกล้งเธอใช่ไหม?”
หนวนหน่วนขมวดคิ้วขึ้นหลังจากได้ยิน “หยุดร้องได้แล้วค่ะ ถ้าพี่ร้องหนูก็จะร้องเหมือนกันนะ หนูจะบอกคุณพ่อด้วยว่าพี่เป็นคนทำ”
เธอไม่อยากให้คนตรงหน้ามารังแกพี่ชาย!
กู้หว่าน “…”
เมื่อเห็นว่าไป๋โม่ซูไม่เห็นอกเห็นใจหรือชายตามองเธอเลยแม้แต่น้อย กู้หว่านจึงรู้สึกเสียใจจริง ๆ ขึ้นมาแล้วในตอนนี้
คนพวกนี้ยังเป็นผู้ชายอยู่ใช่ไหม? ไม่มีใครเห็นใจเธอเลยสักคน!
เธอมั่นใจในความสวยของตัวเอง มีผู้ชายมากหน้าที่หลงชอบ โดยเฉพาะตอนอยู่โรงเรียน แต่ตอนนี้ทำไมมันย้อนแย้งขึ้นมาได้
กู้หว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินออกไปพร้อมครุ่นคิดวิธีทำให้ไป๋โม่ซูมาสนใจ
หนวนหน่วนที่เคยหายไปจากตระกูลทำตัวน่ารังเกียจจริง ๆ ถ้าเด็กนั่นพูดไม่ดีต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องของเธอแล้วทำให้เขาไม่ชอบเธอขึ้นมาล่ะ?
กู้หมิงหลี่ปรายตามองไปยังกู้หว่านที่กำลังเดินจากไป “เพี้ยนไปแล้วหรือไง? แค่ร้องไห้แล้วคิดว่าคนอื่นจะเห็นอกเห็นใจงั้นเหรอ?”
สายตาของกู้หมิงอวี๋มองทุกอย่างออกหมด เมื่อกี้นี้เธอคนนั้นพยายามส่งสายตาหยอกล้อไปทางไป๋โม่ซู “บางทีอาจจะมีใครบางคนในนี้ที่เธออยากเข้าใกล้นะ”
ทุกคนหันไปมองไป๋โม่ซู
เป็นเพราะสายตาของกู้หว่านแสดงออกชัดเจนเกินไป กู้หมิงหลี่จึงเข้าใจทันที
ส่วนหนวนหน่วนกับกู้อัน ‘ไม่รู้ว่าพวกพี่ ๆ มองอะไรกันอยู่ เออออตามพวกพี่ละกัน’
ไป๋โม่ซูพลิกอ่านหนังสือแพทย์อย่างใจเย็น ก่อนจะหันมองพวกเขาที่กำลังจ้องมาทางนี้
“มีอะไร?”
กู้หมิงหลี่จิ๊ปากของตนอย่างรำคาญ “อย่างนี้นี่เอง”